วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Spice up your English with Laura... # 7 – "Go home is better"

โดยฝ่ายบุคคล

ไม่ค่ะไม่ Laura ไม่ได้จำวันผิด บังเอิญ Laura จะติดภารกิจในอีก 2 วัน จึงขอมาพบกับท่านผู้อ่านเร็วกว่ากำหนดนิดส์นึง วันก่อนมีโอกาสไปดูละคะเวที เรื่อง ลมหายใจ The Musical ของเจ้าพ่อละครเวที คุณบอย ถกลเกียรติ ได้ข้อคิดมาหนึ่งข้อใหญ่ นั่นก็คือ จงอย่าลังเลที่จะทำสิ่งที่คุณอยากจะทำให้กับตัวเองและคนที่คุณรักตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าจะมีนั่งเสียใจและถามตัวเองว่า “ทำไมตอนนั้นไม่.... ” เพราะโอกาสอาจไม่กลับมาอีกแล้ว ว้าว! ฉะนั้น ถ้าคุณเคยบอกตัวเองว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษ ก็เริ่มซะเถอะค่ะ อย่ารีรอ วันละนิด A little bit, little more จะได้ไม่เสียใจภายหลัง แห่ะๆ วกเข้าเรื่องได้อย่างไม่น่าเชื่อ (- -‘)
วันนี้ Spice up your English with Laura ... ขอเสนอตอนที่ชื่อว่า "Go home is better" จุดใหญ่ใจความของตอนนี้ยังคงอยู่ที่การแปลตรงตัวจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษของคนไทย ซึ่งครั้งนี้เป็นเรื่องของการแปลตรงตัวจากโครงสร้างประโยคในภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษ

คำว่า ดีกว่า แปลตรงไปตรงมาในภาษาอังกฤษว่า better แต่เวลาใช้จะไม่สามารถใช้ตรงไปตรงมาอย่างที่เราใช้ในภาษาไทยได้ ในภาษาไทยคำว่า "ดีกว่า" มี 2 ความหมายหลัก

ความหมายแรกเราใช้เมื่อเราจะเปรียบเทียบในการประเมินของ 2 อย่างและเราจะบอกว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ในสถานการณ์นี้ให้ใช้ is better than เช่น

·If you're thirsty, drinking water is better than drinking a soft drink. (ถ้าหิวน้ำ ดื่มน้ำเปล่าดีกว่าน้ำอัดลม)

·Eating at home is better than eating at a restaurant. (กินข้าวที่บ้านดีกว่ากินที่ภัตตาคาร)

นอกจากนี้เรายังสามารถนำคำว่า "ดีกว่า" ที่แปลว่า is better ไปไว้ตอนท้ายประโยค ถ้าเป็นความหมายในเชิงเปรียบเทียบ เช่น

·The white shirt is better. (เสื้อสีขาวดีกว่า ... แสดงว่ากำลังเปรียบเทียบระหว่างเสี้อสีขาวกับเสื้ออีกตัวหนึ่ง)

·Why do you like Looknok Supaporn? Tai Oratai is better. (ทำไมเธอถึงชอบ ลูกนก สุภาพร ล่ะ ต่าย อรทัย ดีกว่านะ)

ความหมายที่สองของคำว่า "ดีกว่า" ในภาษาไทย เราใช้คำนี้ในการชักชวนหรือแนะนำใครบางคนให้ทำอะไรบางอย่าง เช่น

·กินข้าวดีกว่า - ประโยคนี้ถ้าใช้ในเชิงเปรียบเทียบอาจแปลว่า กินข้าวดีกว่านั่งหิ้วท้องอยู่ที่นี่ หรือเปรียบเทียบระหว่างกินข้าวกับไม่กิน แต่ความหมายจริง ๆ เป็นการชักชวนให้กินมากกว่า ดังนั้นเมื่อ "ดีกว่า" ถูกใช้ในความหมายนี้ ห้ามใช้ is better นะคะ เช่นอย่าพูดว่า Eat rice is better. แต่เราควรใช้ประโยคต่อไปนี้ค่ะ Let's eat หรือ Let's get something to eat.

·กลับบ้านดีกว่า - อย่าไปแปลว่า Go home is better นะคะ ควรพูดว่า Let's go home หรือ Time to go home.

สรุปว่า เราไม่ใช้ is better (than) ในการชักชวน แต่จะใช้เฉพาะในความหมายเชิงการเปรียบเทียบเท่านั้น อย่าลืมนะคะ เริ่มฝึกฝน ฟุดฟิดฟอไฟ ตั้งแต่วันนี้ พบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีปีใหม่ค่ะ
อ่านบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มาเลี้ยงปลาการ์ตูนกันเถอะ ตอนที่ 2


โดย ดิว (ธนกิจ)

ในตอนสองนี้เรามาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงปลาการ์ตูนรวมถึงปลาทะเลชนิดอื่นๆ กันนะครับว่าจะทำอย่างไรให้น้องปลาของเราอยู่กับเราไปนานแสนนาน ตอนสองนี้อาจจะเยอะหน่อยนะครับ แต่เพื่อวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง ผมได้นำมาย่อและนำส่วนที่สำคัญมาแบ่งปันกันนะครับ ผมมั่นใจว่าถ้าเพื่อนๆได้อ่านยังไงน้องปลาของเราก็ไม่มีวันตายอยู่แล้ว หุหุ เพราะกว่าผมจะได้มาต้องศึกษาหลายอาจารย์เหมือนกัน
เกลือวิทยาศาสตร์

เกลือวิทยาศาสตร์เกี่ยวอะไรกับการเลี้ยงปลา นี้เป็นคำถามที่หลายๆคนไถ่ถามมา ปัจจุบันการเลี้ยงปลาทะเล หลายๆคนเข้าใจว่าต้องไปตักเอาน้ำทะเลมาเลี้ยง แล้วน้ำทะเลที่สะอาด เราจะไปหาที่ไหนได้ล่ะ ต้องออกเรือไปตักถึงกลางทะเลเลยรึเปล่า? ขอตอบเลยแล้วกันนะครับ ปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเอาน้ำที่มาจากทะเลมาเลี้ยงก็ได้ เพราะเดี้ยวนี้ มีเกลือวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้เราสะดวกมากยิ่งขึ้น คือ การนำน้ำประปลามาผสมกับเกลือวิทยาศาสตร์ ในอัตราส่วนที่บอกไว้ข้างถุงเช่น ผมขอยกตัวอย่างเกลือวิทยาศาสตร์ยี่ห้อนี้นะครับ เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 3 วัน ถึง 1 อาทิตย์ ถึงจะเอาปลาลงได้




ถุงเล็กราคาประมาณ 90 บาทใช้กับตู้ประมาณไม่เกิน 24 นิ้ว ตู้ 24 นิ้ว ใช้ 3 ถุง
ถุงใหญ่ราคาประมาณ 450 บาท ใช้กับตู้ประมาณ 30 นิ้วขึ้นไป ตู้ 30 นิ้วใช้ 1 ถุง


การตั้งตู้ปลาทะเล

ตู้เลี้ยงปลาทะเลไม่ควรตั้งไว้ในบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของอากาศในรอบวันมาก เช่น ตั้งไว้ในบริเวณที่โดนแดดโดยตรงในช่วงใดช่วงหนึ่งของวัน เมื่อตั้งตู้และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ วัสดุแต่งตู้ รวมทั้งระบบกรองเรียบร้อยแล้ว จึงนำน้ำทะเลมาใส่ในตู้ น้ำทะเลที่ใช้ควรจะเป็นน้ำทะเลที่ผ่านการกรองและพักโดยให้ อากาศมาแล้วอย่างน้อย 7 วัน น้ำที่ใช้ควรมีความเค็มอยู่ระหว่าง 32-35 พีพีที หรือมีค่าความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 1.0180-1.0200 จากนั้นจึงเริ่มเดินระบบกรอง ระบบให้อากาศและ/หรือหมุนเวียนน้ำ(แอร์ปั๊มหรือเพาเวอร์เฮด) ในช่วงนี้ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟตู้ทิ้งไว้



การเพิ่มจำนวนแบคทีเรียในระบบกรอง

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการตั้งตู้เลี้ยงปลาทะเล ซึ่งถ้าข้ามขั้นตอนนี้ไปปลาที่นำมาเลี้ยงจะตายในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากของเสียที่ปลาขับถ่ายออกมาสะสมมากขึ้นจนเป็นพิษกับปลา เนื่องจากเมื่อมีการตั้งตู้ใหม่ๆจะยังไม่มีแบคทีเรียเกิดขึ้นในระบบกรอง ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในตู้ ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงเป็นการเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่มีหน้าที่กำจัดของเสียให้มีจำนวนมากขึ้นก่อนการปล่อยปลาลงเลี้ยง
แบคทีเรียกลุ่มดังกล่าวเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า “ไนตริฟายอิ้ง แบคทีเรีย, Nitrifying bacteria” ทำหน้าที่เปลี่ยนแอมโมเนียและไนไตร์ต ซึ่งเป็นพิษกับปลาให้กลายเป็นไนเตรต การเกิดและเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องมีองค์ประกอบ 4 ประการ คือ

1. ตัวแบคทีเรียเริ่มต้นสำหรับทำหน้าที่ขยายจำนวนเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับของเสียที่เกิดจากการขับถ่ายของปลา ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนเนื่องจากในอากาศและสิ่งแวดล้อมในตู้จะมีแบคทีเรียเหล่านี้อยู่แล้ว
2. คืออาหารของแบคทีเรีย ซึ่งก็คือของเสียที่ขับถ่ายออกมาจากปลานั่นเอง แต่การนำปลามาใส่ในขั้นตอนนี้จะทำให้ปลาตายได้เนื่องจากระบบยังไม่มีแบคทีเรียเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จึงมักจะใช้พวกอาหารปลาหรือเศษเนื้อกุ้งขนาดเล็กๆ ใส่ลงไปในตู้เป็นประจำอาทิตย์ละครั้งต่อเนื่อง 4-6 อาทิตย์ เพื่อให้เกิดการเน่าเสียและเกิดแอมโมเนียที่เป็นอาหารให้กับแบคทีเรีย
3. คือ ที่อยู่ของแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้จะเกาะติดกับผิววัสดุ เช่น บนวัสดุกรองที่เตรียมไว้ หรือบนหินและทรายที่อยู่ในตู้
4. คือ อากาศหายใจซึ่งในตู้ก็จะมีอากาศที่เป่าลงไปในน้ำอยู่แล้ว
เมื่อในตู้ที่ตั้งไว้มีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ประการ และเดินระบบกรองทิ้งไว้ ให้ตรวจคุณภาพน้ำ เป็นประจำทุก 2-3 วัน จะพบว่าในช่วงแรกปริมาณแอมโมเนียที่ตรวจพบจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนสูงสุดแล้วจะลดปริมาณลง หลังจากที่แอมโมเนียเริ่มลดลงก็จะตรวจพบว่ามีไนไตรต์เกิดขึ้นและจะมีปริมาณพิ่มขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดก็จะลดลง หลังจากที่เริ่มมีไนไตรต์เกิดขึ้น ก็จะสามารถตรวจพบไนเตรต และไนเตรตที่เกิดขึ้นก็จะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับและสะสมอยู่ในระบบตามระยะเวลาที่ผ่านไป เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4-6 อาทิตย์ แบคทีเรียก็จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ในระบบกรอง และจะทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตรวจไม่พบ แอมโมเนียหรือไนไตรต์หรือหากพบก็จะพบในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งเมื่อถึงขั้นนี้ตู้ที่ตั้งไว้ก็พร้อมที่จะลงปลาได้ แต่ก่อนลงควรจะทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำเก่าออกให้เกือบหมดและเติมน้ำใหม่เข้าไปแทนที่
การปล่อยปลาลงเลี้ยง

เมื่อตู้ปลาที่ตั้งไว้ผ่านขั้นตอนที่กล่าวมาแล้ว ก็สามารถที่จะลงปลาได้ แต่การปล่อยปลาไม่สามารถที่จะปล่อยได้ที่เดียวพร้อมกัน เพราะการปล่อยปลาลงเลี้ยงพร้อมกันมากๆในครั้งเดียวจะทำให้ของเสียที่ขับถ่ายออกมามีจำนวนมาก ซึ่งแบคทีเรียไม่สามารถกำจัดของเสียได้หมด และไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นมารองรับปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นได้ทัน ดังนั้นการปล่อยปลาจะต้องแบ่งออกเป็น 3-4 ชุด และห่างกัน 5-7 วัน โดยหลังจากปล่อยชุดแรกแล้ว ให้ทำการตรวจปริมาณของแอมโมเนียและไนไตรต์อย่างต่อเนื่องทุกวัน ติดต่อกัน ถ้าปริมาณที่ตรวจพบไม่เพิ่มขึ้นหรือเพิ่มแต่ลดลงจนตรวจไม่พบในที่สุดใน 2-3 วัน จึงจะปล่อยปลาในชุดต่อไปได้ แต่หากไม่ลดลงต้องรอให้ลดลงจนใกล้ศูนย์จึงจะปล่อยปลาในชุดต่อไปได้ โดยหลังการปล่อยปลาแต่ละชุดต้องตรวจปริมาณแอมโมเนียและไนไตร์ตทุกครั้ง ทำเช่นนี้จนปล่อยปลาครบตามที่กำหนดไว้

การให้อาหาร

การเลี้ยงปลาทะเลเพื่อเลี้ยงดูสวยงามนั้น ไม่ควรให้อาหารเกินวันละครั้ง และควรให้กินแต่พออิ่มไม่ควรให้ตามที่ปลาต้องการ เพราะจะทำให้เกิดของเสียมาก บางช่วงถ้าปลาไม่กินอาหารเช่นในช่วงที่อากาศเย็น จะต้องงดให้อาหารหรือลดปริมาณของอาหารลง อาหารทีให้อาจเป็นเนื้อกุ้งสับ หอยลายสับ กุ้งเคย อาหารสำหรับปลาทะเล ฯลฯ สลับกันไป และเมื่อมีอาหารเหลือตกอยู่ก้นตู้ต้องกำจัดออก ห้ามปล่อยทิ้งไว้ก้นตู้โดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้น้ำเกิดการเน่าเสียไว้

การดูแลระหว่างการเลี้ยง

สิ่งที่ต้องดูแลระหว่างการเลี้ยงปลาทะเล คือ การนำเอาใยกรองที่กรองตะกอนออกมาล้างทุก 2-3 วัน และทำการเติมน้ำจืดเพื่อทดแทนน้ำจืดที่ระเหยหายไปในแต่ละวัน วิธีที่ง่าย คือ ให้ขีดระดับน้ำเริ่มต้นไว้หลังจากนั้นเมื่อระดับน้ำลดต่ำลงก็ให้เติมน้ำจืดลงไปให้ได้ตามระดับเดิมโดยควรทำทุก1-2 วัน นอกจากนี้ควรทำการตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ ทั้งความเป็นกรด-ด่าง (พี-เอช, pH) ความเป็นด่าง(Alkalinity) แอมโมเนีย และไนไตรต์ โดยปกติค่า พีเอชและความเป็นด่างจะลดต่ำลงเรื่อย จำเป็นต้องควบคุมโดยการใช้สารพวกหินปูนที่มีขายทั่วไปสำหรับปรับเพิ่ม พี-เอช ขึ้นมา ผงฟูที่ใช้สำหรับทำอาหารก็สามารถที่จะนำมาใช้ได้เช่นกัน โดยค่อยๆเติมและตรวจพีเอช กับความเป็นด่างหลังจากเติมแล้วใน 24 ชั่วโมงหากไม่เพิ่มให้เติมเพิ่มจนค่าขึ้นมาอยู่ในระดับปกติ ระหว่างการเลี้ยงควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นระยะโดยควรเปลี่ยนถ่าย เดือนละประมาณ 10-20% หรือแบ่งเป็น 2 ครั้ง ทุก 2 อาทิตย์ คุณภาพน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลาทะเล คือ ความเค็มอยู่ระหว่าง 32-34 พีพีที พี-เอช ระหว่าง 8.0-8.4 ความเป็นด่าง 80-120 พีพีเอ็ม ปริมาณแอมโมเนียและไนไตร์ตศูนย์หรือเกือบศูนย์ ไนเตรตไม่เกิน 50 พีพีเอ็ม

คราวหน้าผมจะนำเรื่อง สิบขั้นตอนในการทำตู้ทะเล รวมถึงแหล่งที่ซื้อและราคามานำเสนอครับ
อ่านบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แฉแต่เช้า: พฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2553

โดย ซ้อ77

เริ่มตั้งแต่วันงาน iHears ครั้งที่ 2 ก่อนแล้วกันงานวันนั้นก็ผ่านได้ด้วยดีพอสมควรซึ่งก็ถือว่าโอเคอยู่นะสำหรับครั้งแรกหรือก้าวแรกของผู้จัดแล้วกันแต่ครั้งหน้าหวังว่าคงจะดีเยี่ยมอย่างไงก็ฝากไว้แล้วกัน
ที่น่าประทับใจคือความร่วมมือของพวกพี่ๆที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกลมกลืนไปกับพวกน้องๆได้ดีขนาดนี้ บางท่านทั้งเต้นทั้งร้องแบบลืมวัยกันทีเดียว ที่รับบทหนักน่าจะเป็นพี่ที่ชื่อน่ารักเหมือนผลไม้ ที่มีพวกเราทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องแวะเวียนไประบายให้พี่เขาฟังทั้งคืน พี่เขาก็ฟัง (iHears) พวกเราจริงๆ หรืออาจพูดไม่ทันก็ไม่รู้ได้นะ อย่างว่าพวกเรายิ่งมีแอลกอฮอล์กระตุ้นยิ่งมันส์ ยังงัยๆก็สงสารพี่เขาหน่อยนะ ขนาดพี่เขาจะลุกไปที่อื่นยังมีคนดึงคุยต่อ อย่างว่าเนอะเป็นคนของประชาชนก็อย่างนี้ ซ้อว่าคราวหน้าน่าจะจัดมุมระบายความในใจให้พี่เขาไปประจำเป็นเวลาน่าจะดีนะ 5555
อย่ารอช้าเลยเข้าเรื่องแฉกันดีกว่าวันงานใครถูกกระทำชำเลาบ้าง????ยกมือขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องความรักอย่างหนุ่มวันย่างสามสิบที่ถูกแกล้งในวันนั้นโดยถูกกลุ่มคนร้ายปลูกผักสวนครัวไว้บนเรือนร่างแล้วตรงไหนไม่ว่าดันเป็นจุดอภัยทานซะด้วย ไม่ใช่ข้างหน้าแต่เป็นด้านหลังดีหน่อยคนแกล้งยังมีความเกรงใจอยู่บ้างแถมเจ็บสุดดันมีรูปแบลคเมย์ ด้วยแต่ถึงอย่างไงก็ไม่สมควรที่จะเล่นกันหนักถึงขนาดนี้เพียงแค่การกระทำชั่ววูบหรือแค่คิดสนุกก็อาจจะทำลายความไว้วางใจซึ่งกันและกันได้นะครับพี่น้องครับ

แต่ถึงอย่างไงตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกถ้าชายหนุ่มคนนั้นไม่เมาจนไม่รู้สติขนาดนั้นเหตุการณ์เช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหรอกว่าไหม?????การที่คนเรามีสติไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือไม่เจอก็สามารถข้ามผ่านจุดนั้นไปได้อยู่ดียังไงทำอะไรก็ขอให้มีสติก็แล้วกันนะคร๊าบทุกคน

แต่ก้อสนุกดีนะคืนนั้นมีนักร้องรับเชิญหลายท่านจริงๆไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ไม่มีใครยอมแพ้กันเลยทีเดียวสงสารทางดีเจจริงๆเจองานเข้าชุดใหญ่เลยสงสัยว่าถ้ามีงานหน้าคราวหน้าเค้าคงจะไม่รับงานเราแล้วมั่ง5555555

หนุ่มไม้ทีของเราท่าทางจะมีอะไรครอบงำ ในงานปาร์ตี้รู้สึกเรียบร้อยเป็นพิเศษหรือว่ามีใครคอยจับจ้องอยู่ตลอดก็ไม่รู้ได้ ขณะที่เรามีคนเลี้ยงปลานีโมอย่างจริงจังจนเขียนบทความลงบล็อก ในงานมีหนุ่มเมืองนนท์ ที่น่าจะมีโอกาสเลี้ยงปลาพะยูนอย่างจริงจัง ซ้อดูแววตาปลาพะยูนแล้วหนุ่มเมืองนนท์ไม่น่ารอดคมเขี้ยวไปได้ ยังงัยก็เขียนลงบล็อกด้วยนะ

เออคราวทีแล้วลืมพูดถึงทีมงานคุณภาพที่ SPX เลย ได้ยินการขนานนามชื่อเสียงของคนนี้มานานแล้วเรื่องการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ยอดแย่กับเพื่อนร่วมงานการที่เราจะทำงานให้สำเร็จนั้นต้องพึ่งความสามัคคีเป็นหลักและจะต้องเปิดใจรับฟังเพื่อนร่วมงานด้วยที่เค้าบอกเราเตือนเราเพราะเค้าหวังดีกับเราต้องคิดอย่างนั้นถึงจะถูกไม่ใช่บอกแล้วทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจทำเป็นเก๊กแล้วใครอยากจะทำงานกับคุณต้นไม้ยังสามารถดัดได้เลยยังไงก็ดัดนิสัยตัวเองสักนิดน่ะครับถึงจะเป็นที่รักของเพื่อนๆๆๆ

และมีอีกคนหนึ่งทำงานมาตั้งนานแหละน่าจะเก่งแล้วล่ะแต่ไม่ค่อยแบ่งปันความรู้เพื่อนร่วมงานสักเท่าไรสงสัยจะหวงวิชานะเนี้ยพอคนล้มหรือผิดพลาดในงานเข้าหน่อยท่านคนนั้นก็เข้ามาใส่เลยทั้งๆที่ทำงานด้วยกันน่าจะให้กำลังใจและสอนกันมากกว่าการซ้ำเติมนะครับคุณเสียด
อืมดีหน่อยช่วงนี้เข้าไปในตู้ไม่ค่อยมีกลิ่นละมุดสงสัยคงจะหมดฤดูแล้วมั่งหายใจสะดวกหน่อยไม่งั้นคงขาดอากาศหายใจแน่

เอ้าลืมทักทายพระเอกของเรื่องการแฉนี้เลยเป็นไงบ้างครับคุณต..ช่วงนี้เงียบๆไปนะมีอะไรหนักใจรึป่าวอ้อคงจะเป็นเรื่องเงินเอ้ย!!ไม่ใช่เรื่องความรักต่างหากใช่ป่ะ รักเค้าแล้วก็ขอให้สู้ๆหน่อยนะครับสักวันต้องเป็นวันของเราแน่ๆเชื่อดิซ้อเป็นกำลังใจให้
อ่านบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

หนึ่ง สอง สาม แช๊ะ!!!


เมื่อมาพักร้อนคนเดียวก็เลยจำเป็นต้องไปถ่ายรูปคนเดียว บางครั้งทำให้คิดว่า เราน่าจะแชร์เทคนิคให้เพื่อนๆ พี่ๆบ้างนะ เพื่อต่อไปเราอาจชวนๆกันไปถ่ายรูปกันเยอะๆ เป็นทริปๆไปเลย จึงเป็นเหตุให้อยากแชร์เทคนิคเริ่มต้นสำหรับผู้ที่อยากถ่ายรูปกันทั้งหลายให้ทราบและเอาไปฝึกฝนกันได้ เพื่อที่จะทำให้ภาพของเรานั้นดูสวยงามขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ



เริ่มเลยง่ายๆเลยกล้องก็มีสองประเภทแยกตามสื่อที่บันทึกก็คือ ฟิล์ม กับ ดิจิตอลนั่นเอง โดยพื้นฐานวิธีการถ่ายภาพของทั้งสองแบบนี้ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ง่ายๆคือ "เล็งแล้วกด" นี่คือวิธีที่เรานิยมใช้กันมานานนม แล้วมันก็ยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเสียด้วย

ขั้นตอนแรกของการถ่ายรุปคือ "รู้จักกับกล้องของตัวเอง"
ถ่ายรูปมาตั้งนานแล้ว เราเคยดูกันบ้างหรือเปล่าว่า กล้องเราทำอะไรได้บ้างนอกจากโหมด Auto !? ISO คืออะไรหว่า WB คืออะไรหว่า +/- มันมีไว้ทำไม เอ๊ะมันมีโหมดอะไรเยอะแยะ Av Tv M ปกติกดทีไรก็เลือกแต่โหมดสีเขียวไว้ก่อน เหล่านี่ที่กล่าวมาคือคำถามสำหรับคนที่ยังไม่รู้จักกล้องของตัวเองดีพอ เหมือนกับเรามีดาบเล่มสวยอยู่ในฝัก แต่เวลาไปเจอศัตรูเรากลับฟันไปทั้งฝักซะงั้น การรู้จักกล้องก็เหมือนกัน มันเหมือนกับเราจะดึงศักยภาพสูงสุดของกล้องออกมาได้อย่างไร ในสถาณการนั้นๆ อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน กลับบ้านไปลองไปจับๆกล้องแล้วทักทายกล้องที่บ้านกันด้วยหล่ะครับ

ขั้นตอนที่สอง "รู้จักตัวเอง"
ใครไม่รุ้จักตัวเองก็บ้าแล้ว นิคมาพร่ำอะไรเนี่ย? รู้จักตัวเองในที่นี้คือการรู้จักว่าเราอยากถ่ายรูปอะไร สำหรับผมนี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของการถ่ายรุปเลยก็ว่าได้ การที่เรารู้จักตัวเอง ทำให้เราสามารถทำสิ่งนั้นๆออกมาได้ดีที่สุด การรู้จักตัวเองทำไม่ยาก ลองไปดูรุปที่เราถ่ายเก่าๆดู แล้วรู้สึกว่าเราถ่ายรูปแบบไหนแล้วสวยนะ คนเหรอ? วิวเหรอ? หรือ ภาพผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เหล่านี้เองล้วนบอกตัวตนความเป็นตัวเราทั้งสิ้น

ขั้นตอนสุดท้าย "รู้จักวิธีการถ่ายรูป"
ขั้นตอนสุดท้ายนี้บอกได้เลยว่า พูดกันสามวันก็ไม่หมด จะทยอยทำเป็นตอนต่อไป (ถ้ากระแสตอบรับดีรับรองว่า Series นี้มียาว) แต่วันนี้จะมายกตัวอย่างง่ายๆเอาไปใช้ได้เลยคือ "กฏสามส่วนเก้าช่องและสัดส่วนสวรรค์"
ลองจินตนาการง่ายว่าภาพเรานั้นมีตารางขึ้นมาเป็น 9 ช่องสวยงามสมมาตรดังรูป



จะเห็นได้ว่ารูปดูมีอะไรขึ้นจริงมั้ยมากกว่าเราจัดเก้าอี้ไว้กลางภาพเลย ลองดูภาพต่อไป










ภาพมันดูมีอะไรมากขึ้นจริงๆแหะ ถามว่าทำไม!?
ตรงนี้เป็นเพราะว่าหลักการของธรรมชาติที่ทำให้เกิดความสมมาตรขึ้นในในมิติที่วกวน ฟังดูยากมั้ยถ้ายากลองเปรียบเทียบรูปด้านล่างสองรูปดูสิแล้วท่านจะพบคำตอบ











ถ้ายังไม่เข้าใจลองเปิดกูเกิลหาคำว่า "สัดส่วนสวรรค์" หรือ "สัดส่วนทองคำ" ดูครับแล้วจะพบความจริงอันน่าขนลุกอีกหลายอย่าง
ฮี่ ฮี่ ฮี่

หวังว่าคราวนี้หลายคนคงจะได้อะไรกลับไปไม่มากก้น้อย คราวหน้าโอกาสดีจะเอาเทคนิคขั้นต่อไปมากฝากทุกๆคน หวังว่าอีกไม่นานเราจะมีชมรมถ่ายรูป Solvay ต่อไป

สุดท้ายนี้ระหว่างการพักร้อน(มาเจอหนาว) ก็ได้ไปถ่ายรูปไปหลายอยู่ ถ่ายไปถ่ายมาเริ่มรู้สึกว่ารูปเราเริ่มดาดๆไม่สวยดั่งใจเหมือนแต่ก่อน เลยต้องกลับมาย้อนตั้งคำถามให้ตัวเองว่า " ทำไมรูปเรามันถึงเริ่มไม่สวยอย่างใจคิด " ก็เลยได้กลับมาพลิกตำราเก่าๆที่เคยศึกษาไว้เองตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ก็ได้พบว่าเมื่อเราเริ่มเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูป เรากลับลืมพื้นฐานหลักการอะไรหลายอย่างไป ทำให้รูปของเรากลายเป็นรูปทั่วไปที่ใครๆก็ถ่ายได้ ไม่มีจิตวิญญาณของเราอยู่ในนั้น พึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งใดที่เราทำลงไปเราควรต้องใส่จิตวิญญาณความตั้งใจลงไปในผลงานที่เราทำ เพราะไม่เช่นนั้น ผลงานของเราจะเป็นเพียงแค่ชิ้นงานอันนึงที่ไม่ทำให้เราภาคภูมิใจ...
อ่านบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Spice up your English with Laura... # 6 – "I'm boring"

โดย ฝ่ายบุคคล

สัปดาห์นี้มีคำถามส่งมาจากสาวหน้ามนคนกันเองถึงวิธีการใช้ adjective (คำวิเศษณ์) 2 รูปแบบที่ใช้แสดงความรู้สึก ซึ่งมักจะสร้างความลังเล และว้าวุ่นใจให้กับเราซึ่งเป็นผู้พูด ตลอดจนสร้างความสับสนในชีวิตให้กับฝรั่งซึ่งเป็นผู้ฟัง ฉะนั้น Spice up your English with Laura ... ขอเสนอในตอนที่ชื่อว่า I'm boring.

Adjective ที่ใช้แสดงความรู้สึกมักจะปรากฏให้เห็นใน 2 รูปแบบ ได้แก่ ในรูป V + ing และ V + ed ถ้าอยากจะพูดถึงความรู้สึกที่อยู่ในตัวเอง คือ รู้สึกเบื่อ ให้ใช้ศัพท์ที่ลงท้ายด้วย ed แต่ถ้าอยากจะอธิบายว่าสิ่งอื่นเป็นอย่างไรให้ลงท้ายด้วย ing ดังตัวอย่างต่อไปนี้

· I'm bored. (ฉันเบื่อ) I'm boring. (ฉันน่าเบื่อ)

· I'm excited. (ฉันรู้สึกตื่นเต้น) I'm exciting. (ฉันเป็นคนน่าตื่นเต้นมาก)

· I'm bored with this subject. (ผมรู้สึกเบื่อกับวิชานี้) This subject is boring. (วิชานี้น่าเบื่อ)

· The movie was so boring I went home early. (หนังเรื่องนั้นน่าเบื่อมาก ฉันจึงกลับบ้านเร็ว)

· I was so bored with the movie I went home early. (ฉันเบื่อหนังเรื่องนั้นมาก จึงกลับบ้านเร็ว)

ตัวอย่างยอดฮิต และใช้ผิดกันอยู่บ่อย ๆ ได้แก่ คำว่า interesting กับ interested ซึ่งพบว่าหลายคนมักใช้สลับไป-มา เช่นอยากจะพูดว่า ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้เพราะมันน่าสนใจมาก บางคนจะพูดว่า I'm so excited to see this movie as it is very interested. ซึ่งผิดนะคะ ขอย้ำถ้าใช้แบบนี้จะแปลได้ว่า ฉันรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้เพราะมันรู้สึกสนใจ งงสะใจดีมั้ยคะ ที่ถูกต้องใช้แบบนี้นะคะ I'm so excited to see this movie as it is very interesting.

เช่นเดียวกับคำว่า excited ใช้สำหรับความรู้สึกภายในตัวเองและ exciting ใช้เพื่ออธิบายอย่างอื่น เช่น The new series on Channel 3 is so exciting! (ละครเรื่องใหม่ทางช่อง 3 น่าตื่นเต้นมาก) และ I'm so excited when I watch the new series on Channel 3. (ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อดูละครเรื่องใหม่ทางช่อง 3)

โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว excited หมายถึง ความรู้สึกตื่นเต้นในทางดี ไม่ได้หมายถึง ตื่นเต้นแบบว่ากลัว หรือประหม่าอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่คิด ดังนั้นถ้าจะต้องพูดว่ารู้สึกตื่นเต้น กระวนกระวาย เหงื่อแตกพลั่ก ๆ เพราะต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น กำลังจะขึ้นไปพูดบนเวทีต่อหน้าคนนับร้อย อย่าพูดว่า I feel excited หรือ I'm very excited เพราะฝรั่งเค้าจะคิดว่าเรารู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ขึ้นไปพูด ถ้าจะให้ได้ใจความที่ต้องการขอแนะนำให้ใช้คำว่า nervous ซึ่งหมายถึง ตื่นเต้นในเชิงประหม่า กังวลใจ แทนจะดีกว่านะคะ เช่น I'm so nervous as I have never done public speaking before. (ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะฉันไม่เคยพูดต่อหน้าสาธารณชนมาก่อนเลย)

กฎง่าย ๆ ใช้ช่วยจำให้ท่องว่า - ed สำหรับความรู้สึกของคน - ing สำหรับสิ่งของและสถานการณ์ หรือ I'm bored. It's boring.

สรุปว่า bored คือ เบื่อ, boring คือ น่าเบื่อ ส่วน interested แปลว่า สนใจ, interesting แปลว่า น่าสนใจ และ excited แปลว่า ตื่นเต้น ดีใจ ไม่ใช่ตื่นเต้นกังวลใจแบบ nervous ค่ะ พบกันสัปดาห์หน้าค่ะ บายค่ะ
อ่านบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

มาเลี้ยงปลาการ์ตูนกันเถอะ ตอนที่1

โดย ดิว (ธนกิจ)

สวัสดีครับพี่น้องชาว Solvay ทุกท่านวันนี้ผมนำงานอดิเรกที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เกี่ยวเรื่องของสัตว์เลี้ยงมาแนะนำครับ สำหรับคนที่รักการเลี้ยงปลาทะเล แต่เป็นปลาทะเลที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ปลาทะเลที่ว่านี้เมื่อหลายปีก่อนได้ถูกสร้างมาเป็นหนังเรื่อง “ NEMO ปลาเล็กหัวใจ โต๊โต ” ซึ่งทำให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก และความน่ารักน่าชังของมันนั้นเอง ที่ทำให้ผมหลงเสน่ห์ของมันเข้าอย่างจัง ที่คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า ปลาการ์ตูน นั้นเองครับ ซึ่งผมได้ศึกษาวิธีการเลี้ยงปลาชนิดนี้ตลอดเวลา 3 เดือน จนมาถึงวันนี้สามารถเลี้ยงปลาการ์ตูนได้สำเร็จแล้วครับ ก็เลยอยากจะชวนพี่น้องชาว Solvay มาลองเลี้ยงดู แต่ที่สำคัญนะครับเราต้องมีเวลาให้กับเค้าด้วยสำหรับวันนี้ มารู้จักกับปลาการ์ตูนและสายพันธุ์ของปลาการ์ตูนกันก่อนนะครับ
ปลาการ์ตูนเป็นปลาทะเลที่มีความงดงาม สีสวยสดใส ด้วยลีลาท่วงท่าในการว่ายน้ำ เป็นที่สะดุดตาของบรรดานักเลี้ยงปลาจำนวนมาก ปลาการ์ตูนเป็นปลาที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นักเลี้ยงปลาทะเลแทบทุกคนรู้จักดี และเคยเลี้ยง ราคาที่ย่อมเยา ขนาดที่กำลังน่ารัก สีสันสะดุดตา ล้วนเป็นปัจจัยให้นักเลี้ยงปลาสนใจและอยากมีไว้เป็นเจ้าของ

>

เอาล่ะครับเรามารู้จักปลาการ์ตูนและสายพันธุ์ของมันให้มากกว่านี้ดีกว่านี้ครับ

สายพันธุ์ปลาการ์ตูนมี 7 สายพันธุ์

1. ปลาการ์ตูนส้ม – ขาว ( Amphiprion ocellaris )


2. ปลาเพอคูล่า ( Amphipiron percula )


3. ปลาการ์ตูนทอง (Premnas biaculeatus : Yellow - striped) และ ปลาการ์ตูนแดง (Premnas biaculeatus : white - striped)


4. ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ (Amphiprion Frenatus)


5. ปลาการ์ตูนอินเดียแดง (Amphiprion Akallopisos)


6. ปลาการ์ตูนลายปล้อง (Amphiprion Clarkii)



7. ปลาการ์ตูนอานม้า (Amphiprion Polymnus)


คราวนี้เราก็รู้จักปลาการ์ตูนกันแบบละเอียดแล้วนะครับ ตอนต่อไปผมจะมาเล่าถึงรายละเอียดของปลาการ์ตูนแต่ละสายพันธุ์ สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนนะครับพี่น้องชาว SOLVAY ทุกคน สวัสดีครับ !!
อ่านบทความทั้งหมด