วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

seX นั้นสำคัญไฉน

By Sontaya

เห็นโพสของสมโจ้เรื่องนี้แล้วผมถึงขั้นต้องเปิดห้องใหม่ให้เลย ให้ชื่อว่า"ห้องลับ" ตอนแรกจะเอาห้องเชือด แต่ชื่อมันโหดไปหน่อย เอาเป็นห้องลับดีกว่า เรื่องเหนือธรรมชาติ เรื่องที่พูดกันโจ่งแจ้งไม่ได้ จะได้มาลงห้องนี้กัน :D

เห็นตามเว็บไซต์ต่างๆ พูดถึง “คุณูปการของเซ็กส์” แถมมีการส่งอีเมลต่อกันเป็นทอดๆ บรรยายสรรพคุณ “เซ็กส์” ทั้งลดความอ้วน บำรุงความงาม แก้ปวดหัว อาการแพ้ ช่วยประหยัด ไม่ต้องซื้อน้ำหอม ทำให้ผมนุ่มเป็น เงางาม ฯลฯ

ดังนั้นเพื่อให้ผู้อ่านหายข้องใจ “X-RAY สุขภาพ” จึงมาพูดคุยกับ ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์

เริ่มจาก “เซ็กส์” ลดความอ้วน ประเด็นนี้ ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ อธิบายว่า หากจะได้คุณูปการตรงนี้ จะต้องทำกิจกรรมอย่างมีความสุข มีการหลั่ง “สารเอ็นโดรฟิน” ออกมา ร่างกายจะเกิดการผ่อนคลาย หายเครียด กลางคืนนอนหลับสนิท ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนต่างๆ ออกมาในระดับที่สมดุล ทำให้การกระจายของไขมันในร่างกายไปอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ ไม่อยู่ในที่ๆ ไม่ควรอยู่ รูปร่างก็จะสมส่วน เมื่อเกิดความสุขก็จะเกิดความมั่นใจในตัวเอง เกิดความรู้สึกสวยงาม หันมาดูแลตัวเอง ควบคุมอาหารการกิน ถ้าเป็นเซ็กส์ที่ไม่มีความสุข แอบๆ ซ่อนๆ เกิดความเครียด ก็จะไม่ได้ประโยชน์ตรงนี้

- “เซ็กส์” ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ คงเผาผลาญไม่เยอะ ที่บอกว่าเป็นการใช้พลังงาน ลดน้ำหนัก คงไม่จริง เพราะใช้พลังงานนิดเดียว

- “เซ็กส์” นั้นสำคัญไฉน? บำรุงความงาม แน่นอนถ้าฮอร์โมนออกมาดี ผิวพรรณก็จะสวย หน้าตาก็เปล่งปลั่งแจ่มใส เพราะมีความสุข

- “เซ็กส์” นั้นสำคัญไฉน? แก้ปวดหัว และอาการแพ้ เป็นผลมาจากสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งมาจากคำว่า “เอ็นโด” แปลว่า ภายใน และ “มอร์ฟีน” เป็นสารชนิดหนึ่งที่ลดความปวดได้ เวลาทำกิจกรรมมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมาอาการปวดต่างๆ ก็จะดีขึ้น

- “เซ็กส์” ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม เป็นผลของฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงออกมาดี อะไรก็ตามที่เป็นผู้หญิงจะดีหมด ตาสวย ผิวดี หน้าตาแจ่มใส ผมดกดำเป็นเงางาม

- “เซ็กส์” ลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่นต่างๆ ต้องเข้าใจก่อนว่า โครงสร้างของฮอร์โมน คือ สเตรียรอยด์อ่อนๆ จะช่วยลดการอักเสบได้อยู่แล้ว เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส ก็ใช่ เวลาทำกิจกรรม กล้ามเนื้อจะผ่อนคลาย รูขุมขนจะขยาย เลือดจะไหลเวียนดีขึ้น เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เหงื่อออกมาก และชำระล้างตามรูขุมขน

- “เซ็กส์” คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด อันนี้ขอค้าน ผมมองว่า เซ็กส์เป็นสัมผัสรักที่จับต้องได้ เป็นการบอกรักด้วยภาษากายของคนสองคน สิ่งที่ได้คือการหลั่งสารของความสุข แต่คนชอบเข้าใจว่าเป็นการออกกำลังกาย ซึ่งไม่ใช่ เวลาคุณถ่ายทอดความรักระหว่างกันจะใช้สมอง พลังงานมากกว่าการขยับร่างกายซะอีก

- “เซ็กส์” เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นละอองได้ ก็เป็นไปได้ เวลาหลั่งเอ็นโดรฟิน ออกมาระบบภูมิคุ้มกันจะดีขึ้น ก็เป็นหวัดน้อยลง ภูมิแพ้น้อยลง ตรงไปตรงมา

- “เซ็กส์” เป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพ แน่นอนการ หลั่งเอ็นโดรฟิน ร่างกายจะผ่อนคลาย หายเครียด คุณก็หลับสบายอยู่แล้ว

มีเซ็กส์บ่อยๆ ยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ “ฟีโรโมนส์” จริงๆ น่าจะเป็นสารเอ็นโดรฟินมากกว่า ฟีโรโมนส์ ใต้วงแขน การใช้คำว่ามีเซ็กส์บ่อยๆ ถ้าเป็นวันละ 5-6 ครั้ง หรือ 10 ครั้ง แทนที่สุขภาพจะดี อาจทรุดโทรมก็ได้

จูบกันทุกวันลดอาการฟันผุ การจูบ กระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมา จึงช่วยชะล้างฟัน คงต้องไปถามหมอฟัน คิดว่าก่อนที่จะทำแบบนั้น ควรแปรงฟัน บ้วนปากให้สะอาดก่อนน่าจะดี

แล้ว “เซ็กส์” มีโทษหรือไม่? ผศ.นพ. พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่พร้อม ไม่ถูกคน ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา ไม่เหมาะสม ก็มีโทษได้เช่นกัน

ควรจะมีเซ็กส์บ่อยแค่ไหน? ผศ.นพ. พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า มาตรฐาน คือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความพร้อม

อยากให้ฝากถึงวัยรุ่นที่ยังไม่พร้อมในเรื่องนี้? ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า วัยรุ่นไม่มีความจำเป็นจะไปหาประโยชน์จากเซ็กส์ ควรไปออกกำลังกายดีกว่า วันละ 45 นาที ร่างกายก็จะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ทำให้ผ่อนคลาย หายเครียด แถมยังได้ “โกรท ฮอร์ โมน” ด้วย ส่วน “เซ็กส์” มีแค่เอ็นโดรฟินอย่างเดียว

สรุปว่า การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษที่สุด ซึ่งจะทำให้ได้รับ “เอ็นโดรฟิน” เช่นกัน และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะต้องใช้เวลามากกว่า แถมทำคนเดียวได้ ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องพึ่งพาเพศตรงข้าม Source: Kapook.com
อ่านบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

ยันต์วิรุฬจำบัง

By P'Oat


เครื่องรางของขลังมีมานานคู่ชาติไทย บรรพบุรุษเรา ได้ยึดเอาคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไว้ภายใน แล้วเอาคุณเครื่องรางไว้ภายนอก เครื่องรางของขลัง มีทั้งที่เกิดจากวัตถุอาถรรพ์ที่เป็นธรรมชาติ และมนุษย์ได้ประดิษฐ์ขึ้น อย่างหลังนี้จะต้องผ่านการอธิษฐานจิตให้สำเร็จ ให้เกิดฤทธิ์ โดยพระเกจิอาจารย์ ที่ทรงคุณหรืออาจารย์ฆราวาสที่เปี่ยมด้วยวิชาเครื่องรางของขลังจึงจะมีผลสามารถคุ้มครองป้องกันอันตรายได้



เครื่องรางของขลังที่กล่าวถึง เป็นเครื่องรางติดตัวเฉพาะ พระมหากษัตริย์ แม่ทัพ นายกอง นำไปใช้ในยามเกิดศึกสงคราม คือ ตะกรุดวิรุฬจำบัง ยันต์วิรุฬจำบัง เป็นยันต์ที่สร้างตามตำราในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยันต์นี้ได้เขียนไว้จัดว่ามีฤทธานุภาพมาก ๑๐๘ ประการ ครูบาอาจารย์ท่านหวงแหนเป็นย่างยิ่ง
ยันต์วิรุฬจำบังเป็นยันต์ที่มีความวิเศษสุดซึ่ง หลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม ได้จัดสร้างขึ้นเป็นเสื้อจึงได้เรียกกันว่าเสื้อยันต์วิรุฬจำบัง


เสื้อยันต์นี้เดิมเรียกว่า เสื้อแคล้วคลาด แต่นักนิยมเครื่องรางของขลังเรียกว่า"เสื้อยันต์วิรุณจำบัง"เดิมหลวงพ่อคงท่านได้สร้างเสื้อยันต์ชนิดพิเศษให้กับศิษย์ของท่านชื่อว่า แกละเป็นตัวแรก โดยให้นำติดตัวรับใช้ประเทศชาติ ในการเป็นทหารแต่ภายหลังศิษย์ของท่าน ได้กลับกลายเป็นเสือปล้นนามกระฉ่อน แห่งแม่กลอง กล่าวกันว่าเมื่อเข้าปล้นครั้งใดก็ใส่เสื้อยันต์ของหลวงพ่อคงทุกครั้ง ยิงต่อสู้กับเจ้าทรัพย์ลูกปืนแตกราวกับห่าฝน แต่ไม่อาจต้องตัวเขาได้ มีบางครั้งตำรวจรู้แกวยกกำลังมาล้อมตลบหลัง เสือแกละก็กลัดกระดุมเสื้อยันต์เม็ดบนสุด เดินสวนกับตำรวจชนิดจังหน้าผ่าวงล้อมตำรวจ ซึ่งไม่มีสักนายที่จะมองเห็น ต่อมาหลวงพ่อคงรู้สึกเสียใจที่ได้สร้างเสื้อยันต์ให้กับเสือแกละ โดยมิได้ตั้งข้อห้ามหรือให้สัตย์สาบาน จึงเรียกเสือแกละมาพบ และสุดท้ายเสือแกละก็สาบานเลิกปล้นคืนเสื้อยันต์ให้กับหลวงพ่อและกลับตัวเป็นคนดีหายจากแม่กลองไปนับแต่บัดนั้น

          เมื่อข่าวอภินิหารเสื้อยันต์หลวงพ่อกระจายกันออกไปบรรดาศิษย์ของท่านจึงเรียกเสื้อยันต์นี้ว่า วิรุณจำบัง วิรุณจำบัง เป็นชื่อของยักษ์ที่เป็นญาติของทศกรรณฐ์ มารบกับพระรามและไม่อาจทานอำนาจของพระรามได้ จึงแปลงตัวเป็นไรน้ำ  ไปเกาะอยู่ในฟองคลื่นในมหาสมุทร หนุมานต้องเนรมิตกายแล้วเอาหางกวนมหาสมุทรจับตัววิรุณจำบังสำเร็จโทษในที่สุด ชื่อของวิรุณจำบังจึงเหมาะสมกับเสื้อยันต์ของหลวงพ่อคงเป็นอย่างยิ่ง


กรรมวิธีการสร้างเสื้อยันต์
            ครั้นเมื่อหลวงพ่อคงเสร็จเรื่องราวเกี่ยวกับศิษย์ผู้กลายเป็นเสือแล้ว ท่านก็ปรารภกับกรรมการวัดตลอดจนกำนันผู้ใหญ่บ้านว่า จะเลิกสร้างเสื้อยันต์เพราะหากตกอยู่กับมือคนร้ายใจอกุศลแล้วละก็ จะลำบากในการปราบปรามเป็นอันมาก แต่บรรดาคนเหล่านั้นตลอดจนศิษย์รุ่นใหญ่ได้กราบขอร้องว่า หากไม่สร้างแล้วศิษย์รุ่นหลังจะเสียใจ ขอให้ได้เลือกผู้ที่จะประสิทธิ์ให้ก็แล้วกัน หลวงพ่อจึงมีข้อแม้ว่า ใครจะให้ท่านสร้างเสื้อยันต์นี้ให้จะต้องสาบานตนและเข้าพิธีทำสัตย์ปฏิญาณตนกับท่าน ว่าจะไม่เอาไปใช้ในทางที่ไม่ดีหากผิดคำสาบานให้มีอันเป็นไปต่างๆนานา ถึงแก่ความตายด้วยความน่าสะพรึงกลัวเสื้อยันต์วิรุณจำบังจึงได้รับการสร้างสืบต่อมา ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
          1.ผู้ที่ต้องการเสื้อจะต้องเข้าไปกราบขอกับท่านด้วยตัวเองพร้อมทำพิธีสาบานให้เรียบร้อย ท่านอนุญาตให้แล้วจึงให้ไปทำเสื้อมาให้ท่าน
          2.ให้ไปว่าจ้างช่างตัดเสื้อทำเสื้อกั๊กไม่มีแขน เม็ดกระดุม 5 เม็ด ตามขนาดตัวผู้เป็นเจ้าของ ด้านนอกทำด้วยผ้าสีดำ ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นผ้าสักหลาด ส่วนด้านในให้บุซับในด้วยผ้าต่วนสีขาวหรือผ้าขาวให้เรียบร้อย
         3.เมื่อได้เสื้อกั๊กมาแล้วก็ให้นำมามอบให้ท่านเพื่อทำพิธีลงเลขยันต์ ท่านจะหาฤกษ์หายามดีตามกรรมวิธีของท่าน กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งๆจะมีเสื้อเป็นจำนวนนับสิบๆตัว รอให้หลวงพ่อลง ท่านจะลงด้วยหมึกจีนสีดำด้านในเสื้อเป็นอักขระว่า
นะโมพุทธายะ             พระเจ้าห้าพระองค์
จะภะกะสะ                  หัวใจกรณี
อะสังวิสุโลปุสะภุพะ      นวหรคุณหรือพระพุทธคุณนามเก้า
กะระมะทะ                  หัวใจสี่เกลอ
อิติอุนินะมามิหัง          หัวใจคุ้มครองป้องกันสารพัด
เสริมด้วยนะปิดล้อม     มหาอุดและกำบังตา
         การวางยันต์ของท่านสวยงามมากและมีตำแหน่งที่ไม่ค่อยจะคงที่นัก คงจะเนื่องด้วยความสะดวกในการลงของท่านนั่นเอง เมื่อเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สอง เสื้อยันต์ของท่านก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ท่านได้ครอบให้ศิษย์ช่วยกันลงเพื่อความรวดเร็ว และได้เพิ่มยันต์เกราะแก้วว่า     พุทธัง เพชรคงคัง  อิมังพันธนังอธิษฐานมิ เข้าไปด้วย ท่านบอกว่าเพื่อกันระเบิด
        
เมื่อท่านลงได้ครบสูตรสำเร็จแล้วจะทำพิธีสอดกระดุมด้วยการกลัดกระดุมจากเม็ดล่างไปหาเม็ดบนภาวนาไปทีละเม็ดๆจนถึงเม็ดบนสุดจึงจะว่า คาถามหากำบังแล้วกลัดกระดุมเข้าที่นำมาปลุกเสกรวมอีกทีหนึ่ง    เพื่อป้องกันการสับสนท่านได้ให้เจ้าของเสื้อใช้ดินสอดำเขียนชื่อของตนเอาไว้ด้วย
วิธีการใช้
         เสื้อยันต์วิรุณจำบังนี้ ให้อาราธนาด้วยการตั้งนะโม 3 จบ แล้วระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ บิดามารดา ครูอุปัชฌาย์ จนถึงคุณพ่อวัดบางกระพ้อมเป็นที่ตั้งขอให้มาช่วยประสิทธิประสาทความเข้มขลังให้กับเสื้อยันต์ การกลัดกระดุมให้กลัดจากเม็ดล่างสุดขึ้นมา อย่ากลัดจากบนไปหาล่าง กลัดกระดุมเม็ดหนึ่งให้ว่าคาถาว่า นะโมพุทธายะ ครั้งหนึ่ง เมื่อจะไปไหนมาไหนให้ติดกระดุมเพียงสี่เม็ด เว้นเม็ดบนสุดเอาไว้  เมื่อจะเข้ารณรงค์สงครามก็ให้ระลึกถึงหลวงพ่อวัดบางกระพ้อมเป็นที่ตั้ง จึงตีฝ่าเข้าไป ปืนผาหน้าไม้ธนูหอกดาบแหลนหลาวเป็นห่าฝน ไม่ตกต้องตนแม้แต่น้อย แม้จะถูกก็คงกระพันชาตรี ตีไม่แตก ท่านว่าให้มั่นใจเท่านั้นเป็นพอ  หากว่าเหลือกำลังจะต่อสู้ต้องถอยหนี ตีจากก็ระลึกถึงหลวงพ่อวัดบางกระพ้อมเป็นที่ตั้ง กลืนลมหายใจแล้วกลัดกระดุมเม็ดบนสุดเข้าที่จรลีไปเถิดคนเป็นร้อยเป็นพันหามองเห็นไม่ จะเห็นก็ต่อเมื่อไปไกลแล้ว ถึงเห็นก็หุบปากสนิทเคลื่อนไหวทายทักมิได้ เป็นมหาจังงังไปทั้งสิ้นอย่าสงสัยเลยเคยผจญเคยพบเห็นมากับตัวเอง เสื้อยันต์วิรุณจำบังนี้แขวนไว้กับบ้านกลัดกระดุมทุกเม็ดเป็นยันต์กันอัคคีภัยได้ เมื่อจะนำทางคนให้พ้นจากอันตรายให้สวมเสื้อแล้วนำอยู่หัวแถวให้ผู้ที่ตามมาเกาะเอวติดกันเป็นพวงหรือเดินตามหลังเป็นแนวเดียว คุ้มได้ถึงเก้าคน
ข้อห้าม
         ห้ามมิให้เอาไปใช้ปล้นสะดมหรือคิดการเป็นภัยต่อบ้านเมือง ไม่ให้เอาไปใช้ข่มเหงผู้อื่น หรือฉุดสตรีมาเพื่อทำอนาจาร ห้ามเป็นชู้ลูกเมียผู้อื่น ห้ามด่าแม่ กระดุมของเดิมจงหมั่นดูแลรักษาอย่าให้หายเพราะเป็นของสำคัญประจำคู่กับเสื้อยันต์
ยักษ์วิรุฬจำบัง ที่นำมาเขียนลงบนผ้า หรือลงบนแผ่นโลหะที่เตรียมไว้ โดยมีคติความเชื่อว่ามี มหาอำนาจ โชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัย กำบังกายได้ สยบสิ่งที่เป็นอัปมงคลทั้งหลาย

อ่านบทความทั้งหมด