วันนี้มีโอกาสดีที่จะได้มาเขียน Blog เองบ้าง เพราะช่วงนี้ฝ่ายผลิตของเรากำลังเจอกับปัญหาหนักและใหญ่อยู่ข้อหนึ่งคือ เกิดความผิดพลาดในการทำงานจาก คน หรือ Human Error
ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ความผิดพลาดที่เกิดจากคนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่อะไรหล่ะที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดความผิดพลาดเหล่านั้นขึ้น?
เท่าที่ผ่านการหาสาเหตุของเหตการณ์ต่างที่เกิดจากคนนั้นพบว่า มีข้อหนึ่งที่ตรงกันคือ
สติในการทำงาน ณ ตอนนั้น หายไป
สติในการทำงาน ณ ตอนนั้น หายไป
สติ แปลว่าความระลึกได้ เอาง่ายๆคือ รู้ตัวอยู่เสมอ
การมีสติในการทำงานนั้น ไม่ยากนัก แค่ก่อนทำให้คิดถึงว่าเรากำลังจะทำอะไร จะเกิดสิ่งใด เพียงเท่านี้ ก็จะเกิดสติก่อนการทำงาน
การทบทวน WI ก่อนการทำงานเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่ง เพราะ เราจะรู้ว่าทำอะไรก่อน อะไรหลัง รวมถึงการทำงานโดยใช้ WI จะเป็นการให้สติอย่างดีว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เพราะงานที่เราทำนั้นมีหลากหลายมาก ขั้นตอนปลีกย่อยทั้งหลาย เชื่อว่า ไม่มีใครสามารถจำมันได้ทั้งหมด หลายคนอาศัยความชำนาญว่า ต้องทำอะไรก่อน อะไรหลัง ยิ่งกว่านั้น คือ อาศัยความเคยชินในการทำงาน
อย่างหลังนี่อันตรายมากที่สุด เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความเคยชินแทบทั้งสิ้น
อะไรหล่ะ คือ สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงาน
สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงานนั้นมีมากมาย แค่คิดว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร แค่นี้ก็สามารถทำให้ใจเราหลุดลอยไปถึงงานต่อไปได้แล้ว เมื่อใจเราลอยไปหางานถัดไปสติกับงานปัจจุบันก็จะขาด และร่างกายจะทำไปด้วยความเคยชิน และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด
อีกอย่างหนึ่ง คือ สิ่งเร้าภายนอก เช่น ความหิว/มีการเรียกมาจากเพื่อนร่วมงาน/ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน สิ่งที่กล่าวมาสามารถทำให้ใจเราหลุดลอยออกจากงานที่ทำปัจจุบันและทำให้ไม่มีสติกับการทำงานที่ทำอยู่ตรงหน้าได้ จะเห็นได้ว่าสตินั้นมีปัจจัยให้หลุดออกจากงานที่ทำตรงหน้าได้หลายอย่างมาก
แล้วอะไรจะมาช่วยให้เรามีสติกับการทำงานได้???
1. การวางแแผนการทำงานก่อนเริ่มงาน
หลายครั้งที่มีโอกาสร่วมการส่งกะหรือประชุมกะ พวกเราแทบทั้งหมดจะทราบถึงงานใหม่ๆที่มีการอัพเดท หรือ งานต่างๆส่งต่อกันมาจากกะก่อนหน้า สิ่งเหล่านี้จะถูกพูดถึงในการส่งกะ และเราทีมงานทุกคนจะทำการจดหรือบางคนจำ เพื่อให้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่มีหลายคนที่สามารถทำอย่างหนึ่งได้ นั่นคือ Checklist ว่างานวันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งมีทั้งงานรูทีนและงานใหม่ สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่คอยเคือนสติเราว่าต้องทำอะไรบ้าง
2. เรียงลำดับความเร่งด่วนและสำคัญ
การทำงานที่เรียงลำดับความสำคัญและเร่งด่วนจะทำให้ทำงานได้อย่างมั่นใจและไม่เกิดความกังวลเพราะบางครั้งหากเราเกิดอาการ หลุด ลืมงานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จภายในกะเราไปเมื่อเวลาใกล้หมดจะทำให้เราเกิดการรีบเร่งในการทำงาน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการผิดพลาดได้ ดังนั้นอย่าลืมเรียงลำดับความสำคัญในการทำงานด้วย
หัวหน้างานต้องมีส่วนช่วยเหลือและสอนทีมงานในการเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณงานของทีมงาน และจะได้วางแผนกระจายงานที่ สำคัญ ออกไปให้ไม่กระจุกอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง เพื่อที่จะได้ลดความเร่งร้อนในการทำงาน อันเนื่องมาจากความไม่รู้ว่างานไหนสำคัญกว่ากัน เร่งร้อนเพื่อที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จ
3. ทบทวน WI ก่อนทำ และ ใช้ WI ในการทำงาน
การทบทวน WI เป็นการเตือนสติเราว่าเราต้องทำอะไรบ้างซึ่งเป็นเหมือนการบอกตัวเองครั้งหนึ่งก่อน และเมื่อถึงเวลาทำงานโดยใช้ WI/Checklist จะทำให้เราทำงานอย่างมีสติถูกต้อง และลดโอกาสความผิดพลาด
จากการสังเกต มีหลายคนที่ใช้ WI ในการทำงานได้ดีคือ ทำไปเชคไป กับอีกส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่าใช้ WI แค่เพื่อให้ได้ชื่อว่าใช้ คือทำไปจนจบแล้วมาเชค แบบนี้เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการใช้ WI
ซึ่งอยากฝากทุกคนเรื่องทัศนคติในการทำงานข้อหนึ่งไว้ว่า
ทีมงานมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทีมงานการทำงานได้รวดเร็วหรือเก่งกาจ แต่คือ ทีมงานที่สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามวิธีการและปลอดภัย ;)
4. จำกัดปัจจัยภายนอก และ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ข้อสี่นี้อยากให้ทุกคนฝึกปฏิบัติกันให้ดี เพราะ สาเหตุของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ มีข้อนี้เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น
การจำกัดปัจจัยภายนอก แปลง่ายๆคือ ให้ความสำคัญกับงานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าที่สุดเสมอ นั่นคือ การมีสติในการทำงานตรงหน้านั่นเอง รู้ว่ากำลังเปิดวาล์ว รู้ว่าจะต้องปิดวาล์ว รู้ว่าการกระทำในแต่ละขั้นตอนจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เราทำ
- สิ่งที่เข้ามาภายนอก เช่น เพื่อนหรือหัวหน้าเรียก เราต้องบอกให้รอก่อนสักครู่หนึ่ง ให้สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าลุล่วงไปก่อน หรือ หากเป็นสิ่งเร่งด่วน เราต้องรู้ว่างานที่ทำนั้น หยุดตรงไหนถึงจะปลอดภัย
- ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหิว เวลาเลิกงาน หรือ ตารางงานอักแน่นให้ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการวางแผนการทำงาน. หากงานมีปริมาณมากเราต้องแจ้งให้หัวหน้าทราบ ขอความช่วยเหลือ หรือหาทางแก้ไข อย่าพยายามทำงานเกินกำลัง หรือ รีบร้อนทำงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะงานเยอะจึงต้องรีบเคลียงาน นี่เป็นทัศนคติในการทำงานที่ผิด
หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
เป็นทัศนคติในการทำงานอีกข้อหนึ่งที่สามารถทำให้เราทำงานอย่างมีสติได้ เช่น บริเวณที่จะเข้าไปทำงานไปลอดภัย หรือ ไม่สะดวก ให้เราทำการแก้ไขให้ดีก่อนที่จะเข้าไปทำงาน อย่าฝืน เพราะใจเรานั้นจะไปพะวงกับความปลอดภัยในการทำงานของตัวเองจนสติของเราไม่อยู่กับงานที่ทำได้
หากมีความจำเป็นต้องทำงานในที่ๆมีความเสี่ยง ต้องหันมาปรึกษากับหัวหน้างาน เพื่อให้ทราบถึง อันตรายและโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อหาทางเพื่อลดความเสี่ยงนั้นและในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินว่าใครจะต้องทำอะไร
แต่ดีที่สุด คือ ไม่ทำงานแบบมีความเสี่ยง เพราะ ผลกระทบนั้น ไม่มีใครในทีมงานเราสามารถรับได้คนเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลถึงทั้งบริษัท
เชื่อว่าหากทีมงานของเราทุกคนสามารถทำได้อย่างข้างบนแล้ว โอกาสความผิดพลาดในการทำงานของพวกเราจะลดลง และเป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
อ่านบทความทั้งหมด
การมีสติในการทำงานนั้น ไม่ยากนัก แค่ก่อนทำให้คิดถึงว่าเรากำลังจะทำอะไร จะเกิดสิ่งใด เพียงเท่านี้ ก็จะเกิดสติก่อนการทำงาน
การทบทวน WI ก่อนการทำงานเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่ง เพราะ เราจะรู้ว่าทำอะไรก่อน อะไรหลัง รวมถึงการทำงานโดยใช้ WI จะเป็นการให้สติอย่างดีว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เพราะงานที่เราทำนั้นมีหลากหลายมาก ขั้นตอนปลีกย่อยทั้งหลาย เชื่อว่า ไม่มีใครสามารถจำมันได้ทั้งหมด หลายคนอาศัยความชำนาญว่า ต้องทำอะไรก่อน อะไรหลัง ยิ่งกว่านั้น คือ อาศัยความเคยชินในการทำงาน
อย่างหลังนี่อันตรายมากที่สุด เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความเคยชินแทบทั้งสิ้น
อะไรหล่ะ คือ สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงาน
สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงานนั้นมีมากมาย แค่คิดว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร แค่นี้ก็สามารถทำให้ใจเราหลุดลอยไปถึงงานต่อไปได้แล้ว เมื่อใจเราลอยไปหางานถัดไปสติกับงานปัจจุบันก็จะขาด และร่างกายจะทำไปด้วยความเคยชิน และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด
อีกอย่างหนึ่ง คือ สิ่งเร้าภายนอก เช่น ความหิว/มีการเรียกมาจากเพื่อนร่วมงาน/ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน สิ่งที่กล่าวมาสามารถทำให้ใจเราหลุดลอยออกจากงานที่ทำปัจจุบันและทำให้ไม่มีสติกับการทำงานที่ทำอยู่ตรงหน้าได้ จะเห็นได้ว่าสตินั้นมีปัจจัยให้หลุดออกจากงานที่ทำตรงหน้าได้หลายอย่างมาก
แล้วอะไรจะมาช่วยให้เรามีสติกับการทำงานได้???
1. การวางแแผนการทำงานก่อนเริ่มงาน
หลายครั้งที่มีโอกาสร่วมการส่งกะหรือประชุมกะ พวกเราแทบทั้งหมดจะทราบถึงงานใหม่ๆที่มีการอัพเดท หรือ งานต่างๆส่งต่อกันมาจากกะก่อนหน้า สิ่งเหล่านี้จะถูกพูดถึงในการส่งกะ และเราทีมงานทุกคนจะทำการจดหรือบางคนจำ เพื่อให้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่มีหลายคนที่สามารถทำอย่างหนึ่งได้ นั่นคือ Checklist ว่างานวันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งมีทั้งงานรูทีนและงานใหม่ สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่คอยเคือนสติเราว่าต้องทำอะไรบ้าง
2. เรียงลำดับความเร่งด่วนและสำคัญ
การทำงานที่เรียงลำดับความสำคัญและเร่งด่วนจะทำให้ทำงานได้อย่างมั่นใจและไม่เกิดความกังวลเพราะบางครั้งหากเราเกิดอาการ หลุด ลืมงานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จภายในกะเราไปเมื่อเวลาใกล้หมดจะทำให้เราเกิดการรีบเร่งในการทำงาน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการผิดพลาดได้ ดังนั้นอย่าลืมเรียงลำดับความสำคัญในการทำงานด้วย
หัวหน้างานต้องมีส่วนช่วยเหลือและสอนทีมงานในการเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณงานของทีมงาน และจะได้วางแผนกระจายงานที่ สำคัญ ออกไปให้ไม่กระจุกอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง เพื่อที่จะได้ลดความเร่งร้อนในการทำงาน อันเนื่องมาจากความไม่รู้ว่างานไหนสำคัญกว่ากัน เร่งร้อนเพื่อที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จ
3. ทบทวน WI ก่อนทำ และ ใช้ WI ในการทำงาน
การทบทวน WI เป็นการเตือนสติเราว่าเราต้องทำอะไรบ้างซึ่งเป็นเหมือนการบอกตัวเองครั้งหนึ่งก่อน และเมื่อถึงเวลาทำงานโดยใช้ WI/Checklist จะทำให้เราทำงานอย่างมีสติถูกต้อง และลดโอกาสความผิดพลาด
จากการสังเกต มีหลายคนที่ใช้ WI ในการทำงานได้ดีคือ ทำไปเชคไป กับอีกส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่าใช้ WI แค่เพื่อให้ได้ชื่อว่าใช้ คือทำไปจนจบแล้วมาเชค แบบนี้เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการใช้ WI
ซึ่งอยากฝากทุกคนเรื่องทัศนคติในการทำงานข้อหนึ่งไว้ว่า
ทีมงานมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทีมงานการทำงานได้รวดเร็วหรือเก่งกาจ แต่คือ ทีมงานที่สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามวิธีการและปลอดภัย ;)
4. จำกัดปัจจัยภายนอก และ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ข้อสี่นี้อยากให้ทุกคนฝึกปฏิบัติกันให้ดี เพราะ สาเหตุของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ มีข้อนี้เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น
การจำกัดปัจจัยภายนอก แปลง่ายๆคือ ให้ความสำคัญกับงานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าที่สุดเสมอ นั่นคือ การมีสติในการทำงานตรงหน้านั่นเอง รู้ว่ากำลังเปิดวาล์ว รู้ว่าจะต้องปิดวาล์ว รู้ว่าการกระทำในแต่ละขั้นตอนจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เราทำ
- สิ่งที่เข้ามาภายนอก เช่น เพื่อนหรือหัวหน้าเรียก เราต้องบอกให้รอก่อนสักครู่หนึ่ง ให้สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าลุล่วงไปก่อน หรือ หากเป็นสิ่งเร่งด่วน เราต้องรู้ว่างานที่ทำนั้น หยุดตรงไหนถึงจะปลอดภัย
- ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหิว เวลาเลิกงาน หรือ ตารางงานอักแน่นให้ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการวางแผนการทำงาน. หากงานมีปริมาณมากเราต้องแจ้งให้หัวหน้าทราบ ขอความช่วยเหลือ หรือหาทางแก้ไข อย่าพยายามทำงานเกินกำลัง หรือ รีบร้อนทำงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะงานเยอะจึงต้องรีบเคลียงาน นี่เป็นทัศนคติในการทำงานที่ผิด
หลีกเลี่ยงความเสี่ยง
เป็นทัศนคติในการทำงานอีกข้อหนึ่งที่สามารถทำให้เราทำงานอย่างมีสติได้ เช่น บริเวณที่จะเข้าไปทำงานไปลอดภัย หรือ ไม่สะดวก ให้เราทำการแก้ไขให้ดีก่อนที่จะเข้าไปทำงาน อย่าฝืน เพราะใจเรานั้นจะไปพะวงกับความปลอดภัยในการทำงานของตัวเองจนสติของเราไม่อยู่กับงานที่ทำได้
หากมีความจำเป็นต้องทำงานในที่ๆมีความเสี่ยง ต้องหันมาปรึกษากับหัวหน้างาน เพื่อให้ทราบถึง อันตรายและโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อหาทางเพื่อลดความเสี่ยงนั้นและในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินว่าใครจะต้องทำอะไร
แต่ดีที่สุด คือ ไม่ทำงานแบบมีความเสี่ยง เพราะ ผลกระทบนั้น ไม่มีใครในทีมงานเราสามารถรับได้คนเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลถึงทั้งบริษัท
เชื่อว่าหากทีมงานของเราทุกคนสามารถทำได้อย่างข้างบนแล้ว โอกาสความผิดพลาดในการทำงานของพวกเราจะลดลง และเป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
อะไรที่พลาดไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่เราเรียนรู้จากมันได้