วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สติ กับ การทำงาน

By Nick



วันนี้มีโอกาสดีที่จะได้มาเขียน Blog เองบ้าง เพราะช่วงนี้ฝ่ายผลิตของเรากำลังเจอกับปัญหาหนักและใหญ่อยู่ข้อหนึ่งคือ เกิดความผิดพลาดในการทำงานจาก คน หรือ Human Error

ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ความผิดพลาดที่เกิดจากคนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่อะไรหล่ะที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดความผิดพลาดเหล่านั้นขึ้น?

เท่าที่ผ่านการหาสาเหตุของเหตการณ์ต่างที่เกิดจากคนนั้นพบว่า มีข้อหนึ่งที่ตรงกันคือ

สติในการทำงาน ณ ตอนนั้น หายไป

สติ แปลว่าความระลึกได้ เอาง่ายๆคือ รู้ตัวอยู่เสมอ



การมีสติในการทำงานนั้น ไม่ยากนัก แค่ก่อนทำให้คิดถึงว่าเรากำลังจะทำอะไร จะเกิดสิ่งใด เพียงเท่านี้ ก็จะเกิดสติก่อนการทำงาน

การทบทวน WI ก่อนการทำงานเป็นการฝึกสติอย่างหนึ่ง เพราะ เราจะรู้ว่าทำอะไรก่อน อะไรหลัง รวมถึงการทำงานโดยใช้ WI จะเป็นการให้สติอย่างดีว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เพราะงานที่เราทำนั้นมีหลากหลายมาก ขั้นตอนปลีกย่อยทั้งหลาย เชื่อว่า ไม่มีใครสามารถจำมันได้ทั้งหมด หลายคนอาศัยความชำนาญว่า ต้องทำอะไรก่อน อะไรหลัง ยิ่งกว่านั้น คือ อาศัยความเคยชินในการทำงาน
อย่างหลังนี่อันตรายมากที่สุด เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากความเคยชินแทบทั้งสิ้น

อะไรหล่ะ คือ สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงาน

สิ่งที่ทำให้เราขาดสติในการทำงานนั้นมีมากมาย แค่คิดว่าสิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร แค่นี้ก็สามารถทำให้ใจเราหลุดลอยไปถึงงานต่อไปได้แล้ว เมื่อใจเราลอยไปหางานถัดไปสติกับงานปัจจุบันก็จะขาด และร่างกายจะทำไปด้วยความเคยชิน และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด

อีกอย่างหนึ่ง คือ สิ่งเร้าภายนอก เช่น ความหิว/มีการเรียกมาจากเพื่อนร่วมงาน/ใกล้ถึงเวลาเลิกงาน สิ่งที่กล่าวมาสามารถทำให้ใจเราหลุดลอยออกจากงานที่ทำปัจจุบันและทำให้ไม่มีสติกับการทำงานที่ทำอยู่ตรงหน้าได้ จะเห็นได้ว่าสตินั้นมีปัจจัยให้หลุดออกจากงานที่ทำตรงหน้าได้หลายอย่างมาก

แล้วอะไรจะมาช่วยให้เรามีสติกับการทำงานได้???

1. การวางแแผนการทำงานก่อนเริ่มงาน

หลายครั้งที่มีโอกาสร่วมการส่งกะหรือประชุมกะ พวกเราแทบทั้งหมดจะทราบถึงงานใหม่ๆที่มีการอัพเดท หรือ งานต่างๆส่งต่อกันมาจากกะก่อนหน้า สิ่งเหล่านี้จะถูกพูดถึงในการส่งกะ และเราทีมงานทุกคนจะทำการจดหรือบางคนจำ เพื่อให้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่มีหลายคนที่สามารถทำอย่างหนึ่งได้ นั่นคือ Checklist ว่างานวันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งมีทั้งงานรูทีนและงานใหม่ สิ่งนี้เองเป็นสิ่งที่คอยเคือนสติเราว่าต้องทำอะไรบ้าง

2. เรียงลำดับความเร่งด่วนและสำคัญ

การทำงานที่เรียงลำดับความสำคัญและเร่งด่วนจะทำให้ทำงานได้อย่างมั่นใจและไม่เกิดความกังวลเพราะบางครั้งหากเราเกิดอาการ หลุด ลืมงานสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จภายในกะเราไปเมื่อเวลาใกล้หมดจะทำให้เราเกิดการรีบเร่งในการทำงาน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการผิดพลาดได้ ดังนั้นอย่าลืมเรียงลำดับความสำคัญในการทำงานด้วย

หัวหน้างานต้องมีส่วนช่วยเหลือและสอนทีมงานในการเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อให้ทราบถึงปริมาณงานของทีมงาน และจะได้วางแผนกระจายงานที่ สำคัญ ออกไปให้ไม่กระจุกอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง เพื่อที่จะได้ลดความเร่งร้อนในการทำงาน อันเนื่องมาจากความไม่รู้ว่างานไหนสำคัญกว่ากัน เร่งร้อนเพื่อที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จ

3. ทบทวน WI ก่อนทำ และ ใช้ WI ในการทำงาน

การทบทวน WI เป็นการเตือนสติเราว่าเราต้องทำอะไรบ้างซึ่งเป็นเหมือนการบอกตัวเองครั้งหนึ่งก่อน และเมื่อถึงเวลาทำงานโดยใช้ WI/Checklist จะทำให้เราทำงานอย่างมีสติถูกต้อง และลดโอกาสความผิดพลาด

จากการสังเกต มีหลายคนที่ใช้ WI ในการทำงานได้ดีคือ ทำไปเชคไป กับอีกส่วนหนึ่งที่เรียกได้ว่าใช้ WI แค่เพื่อให้ได้ชื่อว่าใช้ คือทำไปจนจบแล้วมาเชค แบบนี้เราจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากการใช้ WI

ซึ่งอยากฝากทุกคนเรื่องทัศนคติในการทำงานข้อหนึ่งไว้ว่า

ทีมงานมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทีมงานการทำงานได้รวดเร็วหรือเก่งกาจ แต่คือ ทีมงานที่สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามวิธีการและปลอดภัย ;)

4. จำกัดปัจจัยภายนอก และ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง

ข้อสี่นี้อยากให้ทุกคนฝึกปฏิบัติกันให้ดี เพราะ สาเหตุของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ มีข้อนี้เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น

การจำกัดปัจจัยภายนอก แปลง่ายๆคือ ให้ความสำคัญกับงานที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าที่สุดเสมอ นั่นคือ การมีสติในการทำงานตรงหน้านั่นเอง รู้ว่ากำลังเปิดวาล์ว รู้ว่าจะต้องปิดวาล์ว รู้ว่าการกระทำในแต่ละขั้นตอนจะเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่เราทำ

- สิ่งที่เข้ามาภายนอก เช่น เพื่อนหรือหัวหน้าเรียก เราต้องบอกให้รอก่อนสักครู่หนึ่ง ให้สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าลุล่วงไปก่อน หรือ หากเป็นสิ่งเร่งด่วน เราต้องรู้ว่างานที่ทำนั้น หยุดตรงไหนถึงจะปลอดภัย

- ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ความหิว เวลาเลิกงาน หรือ ตารางงานอักแน่นให้ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการวางแผนการทำงาน. หากงานมีปริมาณมากเราต้องแจ้งให้หัวหน้าทราบ ขอความช่วยเหลือ หรือหาทางแก้ไข อย่าพยายามทำงานเกินกำลัง หรือ รีบร้อนทำงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะงานเยอะจึงต้องรีบเคลียงาน นี่เป็นทัศนคติในการทำงานที่ผิด

หลีกเลี่ยงความเสี่ยง

เป็นทัศนคติในการทำงานอีกข้อหนึ่งที่สามารถทำให้เราทำงานอย่างมีสติได้ เช่น บริเวณที่จะเข้าไปทำงานไปลอดภัย หรือ ไม่สะดวก ให้เราทำการแก้ไขให้ดีก่อนที่จะเข้าไปทำงาน อย่าฝืน เพราะใจเรานั้นจะไปพะวงกับความปลอดภัยในการทำงานของตัวเองจนสติของเราไม่อยู่กับงานที่ทำได้

หากมีความจำเป็นต้องทำงานในที่ๆมีความเสี่ยง ต้องหันมาปรึกษากับหัวหน้างาน เพื่อให้ทราบถึง อันตรายและโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อหาทางเพื่อลดความเสี่ยงนั้นและในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินว่าใครจะต้องทำอะไร

แต่ดีที่สุด คือ ไม่ทำงานแบบมีความเสี่ยง เพราะ ผลกระทบนั้น ไม่มีใครในทีมงานเราสามารถรับได้คนเดียว ผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลถึงทั้งบริษัท


เชื่อว่าหากทีมงานของเราทุกคนสามารถทำได้อย่างข้างบนแล้ว โอกาสความผิดพลาดในการทำงานของพวกเราจะลดลง และเป็นการฝึกให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

อะไรที่พลาดไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่เราเรียนรู้จากมันได้

38 ความคิดเห็น:

  1. เป็นขอ้ความและบทความที่ดีครับ ผมเองใช้และได้ข้อคิดดีๆจากการใช้สติครับ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นถ้าเราตั้งสติได้จะเกิดผล ตั้งสติก่อนทำ จำให้มั่น ครับอาจารย์สอนมา

    ตอบลบ
  2. สติทำเรื่องใหญ่ๆกลายเป็นเรื่องเล็ก
    อคติทำเรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่
    ถูกต้องครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:20

    การทำงานอย่างมีสติเป็นสิ่งที่ดีเราต้องรู้ว่าเราทำอะไร อยู้ในขณะนั้น มีจิตใจจดจ่อกับสิ่งที่ทำ และต้องมีการว่างแผนงาน ก่อนลงมือปฎิบัติงาน แล้วก็ไม่ทิ้งงานที่ทำด้วย

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:26

    การทำงานผิดผลาดอาจเกิดจากการทำงานหลายอย่าง ซับซ่อนกัน ในความคิดผมควรทำงานที่ละอย่างให้เสร็จเป็นอย่างๆไปและติดตามงานนั้นตลอด

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:29

    ในกรณีที่มีความเสี่ยงในการทำงาน ควรปรปรึกษาหัวหน้างาน ไม่ควรตัดสินใจเอง หรืออย่างคิดไปเอง อาจทำงานผิดผลาดได้

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:34

    วิธีที่ดีที่สุดอีกอย่างของการทำงานอย่างมีสติ คือการฝึกสมาธิ เป็นประจำการฝึกสมาธิ จะทำให้เรามีจิตใจจดจ่อกับการทำงาน ไม่คิดฟุ่งซ่าน

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ30 กรกฎาคม 2556 เวลา 21:38

    สิ่งที่ดีที่สุดของการทำงาน ควรทำงานตาม WI เพราะมันเป็นมาตราฐานของการทำงานอย่างมีระบบระเบียบ

    ตอบลบ
  8. อย่าทำงานบนพื้นฐานของความเสี่ยงมีสติเป็นที่ตั้งไม่ประมาทหรือตามสุภาษิตฝรั่งว่า"check check Again" แล้วจะไม่ผิดพลาด

    ตอบลบ
  9. สติตัวเดียวจริงๆครับที่ทำให้เรารู้ตัวว่าขณะนั้นเราทำอะไร และวิธีป้องกันการผิดพลาด WI เป็นสิ่งจำเป็นต่อแต่นี้ไป นะครับพี่น้อง

    ตอบลบ
  10. ก่อนลงมือทำงานควรคิดเอาไว้ก่อนว่าจะทำอะไร สิ่งที่ตามมาคืออะไร ข้อควรระวังคืออะไร และข้อสำคัญอีกอย่างก็คือการ by pass interlock ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ควรแก้ไขที่สาเหตุดีกว่าเช่นแจ้งผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขให้ใช้ได้ตามปกติ เพราะระบบ interlock ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการทำงานที่ผิดพลาด

    ตอบลบ
  11. ย้ำคิดย้ำทำหมั่นเตือนตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไร และต่อไปจะทำอะไร...มันอาจจะดูจุกจิกหน่อย แต่ช่วยเราได้ครับสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน

    ตอบลบ
  12. ...คนเรามักมีผิดพลาดกันได้ครับ ผิดเป็นครู แต่ถ้าผิดพลาดบ่อยๆก็คงไม่ไหว และผลที่ตามมาคงจะส่งผลกันทั้งทีม สู้ๆเด้อ.. ใกล้จะสิ้นปีละมาครึ่งทางเหนียวๆกันไว้หน่อยพี่น้อง

    ตอบลบ
  13. ช้าแต่..ชัวร์ ดีกว่าครับพี่น้อง

    ตอบลบ
  14. Check check check again เป็นสิ่งทื่จำเป็นมากในการทำงาน ท่องให้ขึ้นใจเลย อาจจะเป็นคนย้ำคิด ย้ำทำเเละอาจจะช้าไปบ้างแต่ก็ลดความผิดพลาดได้ คนเราอาจจะมีการผิดพลาดกันได้ แต่ต้องมีการแก้ไฃ พยายามทำกันนะเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา

    มืสติ มืสติ มิสติ มีสติ มีสติ มีสติ มีสติ

    ตอบลบ
  15. สติ มา ปัญญาเกิด ครับพี่น้อง ใจเย็นๆ

    ตอบลบ
  16. มันมีอีกอย่างคือการทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน เช่น เปิดวาล์ว V1362 ทิ้งไว้แล้วเดินไปดูที่ P1311 อาจกำลังตรวจดูอยู่และมีอีกงานเข้ามา ก็ไปเลยลืม V1362 เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ควรทำครับ ถ้าเราทำงานไหนควรเฝ้าดู เอาที่ละอย่างก็จะไม่พลาดครับ

    ตอบลบ
  17. ผมมีคาถาในการทำงานมาฝากคับหลังจากเคยผิดพลาดมาบ้างแล้วคับCheck แล้วก็ check อีกจนกว่าจะแน่จัยคับแล้วเราจะไม่พลาด

    ตอบลบ
  18. อีกอย่างคับคือการสื่อสารในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งคนสั่งกับคนทำปฎิบัติงานต้องสื่อสารกันให้เข้าใจในการทำงาน

    ตอบลบ
  19. สติ มีคุณมากเหมือนหัวใจในการทำงานทุกอย่างและเป็นหลักสำคัญในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้องและดีงามอนึ่งแม้ผู้มีความรู้มากเป็นพหูสูตมีศิลปะหากขาดสติก็อาจทำผิดพลาดยังความเสียหายให้เกิดขึ้นได้เสมอ
    ข้อดีการมีสติอยู่เสมอ
    1.ช่วยให้เกิดความระมัด ระวัง ป้องกันภัย เหตุร้ายต่างๆ
    2.ช่วยให้การงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
    3.ช่วยป้องกันไม่ให้ตกสู่ความชั่ว
    4.ช่วยให้สำนึก ตระหนักในหน้าที่เสมอ
    5.สติ ช่วยให้ประพฤติทางกาย วาจา และใจ ถูกต้อง ( เป็นสุจิต )
    6.สติ ช่วยให้ความคิด และการรับรู้วัตถุภายนอก แจ่มใส
    7.สติ ช่วยให้จิตใจบริสุทธิ์
    8.สติ ช่วยให้ไม่หลงใหลอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบ

    ตอบลบ
  20. สติ ตามความหมายในทางพุทธศาสตร์แปลว่า ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้องหรือการปฏิบัตินั่นเอง

    แต่ว่าจะทำอย่างไรให้มีสติ สามารถทำงานได้ตลอดทั้งวันครับ

    เห็นบอกว่า วิธีที่ดีที่สุดอีกอย่างของการทำงานอย่างมีสติ คือการฝึกสมาธิ เป็นประจำการฝึกสมาธิ จะทำให้เรามีจิตใจจดจ่อกับการทำงาน ไม่คิดฟุ่งซ่าน

    การฝึกสมาธิมีวิธีฝึกแบบใหนมั้งครับ

    ตอบลบ
  21. พึงจดจำไว้ว่า สติที่ใช้ในการปฏิบัติเพื่อการดับไปแห่งทุกข์นั้น ทำหน้าที่สำคัญที่สุดอย่างยิ่ง คือเพื่อระลึกอย่างเท่าทันในเวทนาและจิตสังขารเป็นจุดประสงค์สำคัญสูงสุด ถ้าไม่เท่าทันในเวทนาแล้ว จึงพึงให้ระลึกอย่างเท่าทันในจิต หรือสังขารจิตนั่นเอง เช่น จิตคิดฟุ้งซ่าน จิตคิดหดหู่ หรือจิตคิดปรุงแต่งต่างๆนั่นเอง อันเป็นผลที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจากเวทนานั่นเอง

    ตอบลบ
  22. วัตถุประสงค์ในการเจริญสติ
    ๑. ฝึกสติให้เห็นจิต หมายถึง ระลึกรู้เท่าทันจิต (หมายรวมทั้ง เวทนา-ความรู้สึกรับรู้ และจิตสังขาร เช่น ความคิด, คิดปรุงแต่ง, โมหะ, โทสะ, โลภะ ฯ.)
    ๒. ฝึกสติให้เห็นความแตกต่างของความรู้สึก(เวทนา)ระหว่าง จิตขณะปกติ และขณะที่ จิตปรุงแต่ง เพื่อให้เห็นโดยปัจจัตตัง คือเห็นรู้ด้วยตนเอง
    ๓. ฝึกสติ ให้ชำนาญอย่างต่อเนื่องในการเห็น จิต (เห็นใน เวทนา+จิตสังขาร อย่างเป็นสัมมาสมาธิ)
    ๔. ฝึกสติ ไม่ให้ไปคิดนึกปรุงแต่งต่อจากจิต(เวทนา+จิตสังขาร)ที่เห็นหรือเกิดขึ้นนั้น (หมายถึงยังมีคิดเป็นปกติธรรมดาของขันธ์๕ที่ยังกระทบแล้วรู้สึกเป็นธรรมดา แต่ไม่คิดปรุงแต่งชนิดที่ยังให้เกิดทุกข์ต่อ) หรือคือการฝึกสติในการถืออุเบกขานั่นเอง
    ๕. ฝึกสติให้เห็นความแตกต่างของความรู้สึกระหว่าง เมื่อจิตไม่รู้เท่าทันไปปรุงแต่ง กับ จิตที่รู้เท่าทันแล้วถืออุเบกขา (แลคล้าย ข้อ๒. แต่แตกต่างกัน)

    ตอบลบ
  23. การเจริญสตินั้น สามารถทำให้คนเป็นมนุษย์ ทำให้มนุษย์เป็นพระ และพระเป็นพระอริยะ จนกระทั่ง เป็นผู้ที่หลุดพ้น ไม่มีทุกข์โดยสิ้นเชิงได้

    ตอบลบ
  24. คนส่วนใหญ่มักขาดสติจึงทำให้ผิดพลาดในส่วนใหญ่คิดว่าตัวทำจนชำนาญนั้นแหละคือสติที่ต้องคำนึงอยู่ตลอดๆๆ....เราอาจจะผิดพลาดขาดสติไปบ้างในบางครั้งดังนั้นจึงต้องนำสิ่งที่ผิดพลาดมาเตือนสติเราไว้เสมอไว้ว่าจะจากการผิดพลาดของเราเองหรือผู้อื่นก็ตาม

    ตอบลบ
  25. เครื่องจักร ยังมี Error คนนั้นก้อมี Error จากเหตุการณ์ที่เกิดเคสผิดพลาดทั้งหลาย นั้นก้อย่อมมีเหตุปัจจัย ที่ครบองค์ประกอบ จึงสามารถเกิดเหตุขึ้นได้ เราควรคิดในเชิงบวกเเบบ IHEARS
    มาช่วยกันหาวิธีเเก้ไข อย่างยั่งยืนเเละถาวร Man Machine Material Mathod Environment

    ตอบลบ
  26. พุทธพจน์ที่ตถาคตกล่าวไว้ว่า สติช่วยในกิจทั้งปวง และสติสามารถฝึกและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นตัวยับยั้งไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน การมีสติเป็นการพัฒนาฝีมือของเรามากขึ้น หากแม้จะไม่สงบก็ลดความฟุ้งซ่านได้ เช่น ขณะกำลังพิมพ์งาน ความวุ่นวายของคนรอบข้างจะเข้ามา แต่เราอยู่ด้วยใจที่จดจ่อจับกับลมหายแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

    ตอบลบ
  27. ธรรมชาติของจิตมีการนึกคิดตลอดเวลา การนึกคิดนี้ ถ้าไม่มีสติกำกับก็จะกลับกลายเป็นความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่ถ้ามีสติแล้ว จะทำให้ไม่เผลอ ควบคุมความนึกคิดได้ ไม่ปล่อยใจให้เลื่อนลอยไป ไม่ปล่อยอารมณ์ให้เป็นไปตามสิ่งที่มากระทบ

    ตอบลบ
  28. สิ่งดีมีมาฝาก
    "เจริญสติด้วยคำวิจารณ์"
    การทำงานกับการวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งที่คู่กัน แต่หลายคนมักสติหลุดเพียงเพราะถูกวิพากวิจารณ์ ดังนั้นสิ่งที่ต้องท่องให้ขึ้นใจเมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์คือ เราเอาปัญญาออกหน้า หรืออัตตาออกหน้า หากเอาปัญญาออกหน้าจะเกิดคำถามในใจว่า “ ฉันผิดพลาดตรงไหน ” แต่หากเลือกอัตตาก็จะมีประโยคหนึ่งตามมาคือ “ แกทำให้ฉันเสียหน้า ” สุดท้ายถ้าเราพยายามเตือนตัวเองให้ใคร่ครวญแต่ข้อผิดพลาด ความทุกข์ ความรู้สึกเสียหน้าก็จะมาไม่ถึงเหมือนอย่างที่คุณเล็ก – ประไพ วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณมักเตือนตัวเองเสมอว่า “วันไหนไม่ถูกตำหนิวันนั้นเป็นวันอัปมงคล”เพราะนั่นหมายถึงมีแต่คนสรรเสริญเยินยอจนหลงลืมตัว ซึ่งนำไปสู่ความเสื่อมในที่สุด

    ตอบลบ
  29. เราน่าจะมีกิจกรรมที่ใช้ฝึกสติท่าจะดีนะครับ (แต่ไม่ใช่กิจกรรมที่มีกฏเกณฑ์นะครับ)

    ตอบลบ
  30. แบงค์บ้านฉาง26 สิงหาคม 2556 เวลา 12:56

    ต่อไปผมจะต้องตั้งสติก่อนการทำงานโดยการ ท่องว่า เปิดวาล์วหนอ เก็บตัวอย่างหนอ อย่าลืมปิดวาล์วหนอ ถ้าลืมปิดวาล์วไปอยู่เดย์แน่หนอ..555

    ตอบลบ
  31. อะไรที่ทำให้เราขาดสติเราจะรู้เมื่อเรามีสติ

    ตอบลบ
  32. สติมาปัญญาเกิด...สติตะเลิด..ไม่เกิดปัญญา....
    ทำงานอย่างมีสติ รู้ว่ากำลังทำอะไร ควรทำอย่างไร..
    ทำแบบถูกวิธี ตามขั้นตอน ทำให้ชีวิตปลอกภัยนะครับ..

    ตอบลบ
  33. วางแผนการทำงานของเราในแต่ละวันให้ดี คิดก่อนทำ ทำอย่างมีสติ อย่าทำก่อนคิด แล้วสติจะมาช้า
    1.ไม่รู้ให้ถาม 2.อย่าคิดไปเอง 3.ฟังคำสั่งให้เคลียร์

    ตอบลบ
  34. การที่เรามีสติในการทำงาน.....จะทำให้ทุกอย่างลุลวงไปด้วยดี

    ตอบลบ
  35. เห็นด้วยมากเลยเรื่องนี้แต่ก็มีอีก3ข้อที่อยากให้น้องๆคิด
    1.ไม่รู้ให้ถาม
    2.อย่าคิดไปเอง
    3.ฝังคำถามให้เครีย

    ตอบลบ
  36. 1.ไม่รู้ให้ถาม 2.อย่าคิดไปเอง 3.ฟังคำสั่งให้เคลียร์ คาถาศักดิ์ศิษย์ของคนทำงานฝ่ายผลิตพวกเรานี้แหละ แจ๋ว!!!

    ตอบลบ
  37. มิตรเฮดเดอร์ไฮเปอร์เรดซื่ง6 ตุลาคม 2556 เวลา 02:34

    Check Check Check Again

    ตอบลบ