ว่าแล้วอยู่กับพี่ๆ SOLVAY ก็เข้าปีที่ 3 แล้วเห็นพี่หลายๆคนชอบพระเครื่อง ชอบเรื่องการสักยันต์ผมเลยเอาเรื่องนี้มาฝากครับ ว่าความเป็นมาเป็นอย่างไร อย่างน้อยส่วนตัวผมก็ชื่นชอบในรอยสักเหมือนกัน เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ
การสักยันต์มีมาแต่สมัยโบราณกาลแล้ว สมัยก่อนมีการสักยันต์สองประเภทคือสักยันต์สำหรับ พวกเล่นวิชา สักยันต์อีกแบบหนึ่งเรียกว่า นักโทษหรือทาส สักยันต์แบบพวกเล่นวิชามีมาแต่สมัยโบราณผู้ที่สักหรือผู้เล่นวิชาจะถือวิชา อย่างเคร่งครัดไม่ยอมผิดครูใดๆ ทั้งสิ้นเพราะกลัววิชาจะไม่กล้าแกร่งอย่างเต็มที่
สักยันต์นั้นมีมาแต่ยุคสมัยก่อนกรุงสุโขทัยที่เท่าที่เห็นได้ชัดมาปรากฎในยุคของสมเด็จพระนเรศวร มหาราช เพราะเป็นช่วงการเสียเมืองบรรดาทหารประชาชน ต่างก็ต้องหาของดีไว้ป้องกันตัวแม้แต่พระ องค์ท่านซึ่งไม่มีประวัติในการสักก็จริง แต่มีในส่วนของสมเด็จพระสังฆราชคือ สมเด็จพระวันรัตน์วัดป่า แก้วเป็นผู้ที่ดูฤกษ์ชัยประกอบพิธีกรรมต่างๆในยุคนั้น ไม่ว่าการบรรจุดวงพิชัยสงครามการดูฤกษ์ออกรบ การปล้นค่าย รวมทั้งการทำพิธีศักสิทธิ์ทั้งหลายเพื่อให้ได้ชัยชนะ
การสักยันต์จะมาปรากฎให้เห็นเด่นชัด ในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา คือยุคบางระจัน ที่ชาวบ้านบางระจันป้องกันหมู่บ้านของตนเอง ที่มีพระอาจารย์ ธรรมโชติเป็นฝ่ายสงฆ์ ท่านเป็นพระผู้ให้และเสียสละทุกครั้งที่มีการต่อสู้พม่าท่านจะให้ศีลให้พรรวมทั้ง การแจกผ้ายันต์ตระกรุดพิศมร ให้กับชาวบ้านไม่ว่าระดับเล็กหรือระดับใหญ่ และชาวบ้านส่วนมากก็มี การสักยันต์ การลงน้ำมันทาตัว เพื่อให้เหนียวและคงกระพัน จนเป็นที่แปลกใจให้กับบรรดาแม่ทัพของพม่า ว่าชาวบ้านเพียงเล็กน้อยจะสามารถต่อสู้กับทัพใหญ่ของพม่าได้
การสักยันต์ในที่นี้จะขอกล่าวไว้ 2 ประเภท
1.สักยันต์แบบน้ำมัน
2.สักยันต์แบบหมึก
1.สักยันต์แบบน้ำมัน เป็นการสักยันต์ที่ไม่ปรากฎภาพให้เห็น วัถุที่ประกอบในการสักน้ำมันมี
1.1.น้ำมันสัก อาจารย์ส่วนใหญ่จะใช้น้ำมันงาเพราะเข้าร่างกายไม่เป็นอะไร
1.2.ว่านที่ใช้ผสมกับน้ำมันงา อยู่แต่ละประเภทของยันต์หรือภาพยันต์ แต่การนำว่านที่มาผสมสัก นั้นไม่ใช่ว่าจะซื้อมาใช้ได้เลย ต้องมีพิธีกรรมเมื่อได้หัวว่านมาแล้ว มีการหาฤกษ์หายามในการปลูก ถ้าคง กระพันต้องปลูกวันแข็ง ถ้าว่านทางเมตตาใช้วันอ่อน ระหว่างที่ปลูกต้องมีมนต์คาถาปลูกและการรดน้ำว่าน ก็มีคาถากำกับเสมอ และในตอนสุดท้ายการขุดหาวันขุดว่านด้วย ถึงจะได้สำฤทธิ์ผลของว่านด้วยไม่ใช่ ซื้อว่านมาผสมทำได้เลยแบบนี้ที่อาจารย์สมัยใหม่หลายๆท่านได้ทำกัน
ถ้าคนที่มาสักยันต์กับอาจารย์เป็นนักเรียนักศึกษาอาจารย์จะไม่ค่อยสักหมึกให้เพราะกลัวมีปัญหา เมื่อคนที่มาสักไปหางานหาการทำจะมีปัญหาในการรับเข้าทำงานอาจารย์จะลงน้ำ หมึกและน้ำมันพุทธคุณดีสุดยอดให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่มาสัก ยันต์ที่อาจารย์สักมีหลายด้านอาจารย์จะสักแบบโบราณจะไม่ใช้เครื่องสักเลย 2
.สักยันต์แบบน้ำหมึกการ สักยันต์แบบหมึก การสักสันต์แบบหมึกนี้จะปรากฏเป็นภาพสีขึ้นมาโดยปกติการใช้ หมึกนั้นส่วนใหญ่จะหมึกจีนเป็นหลักแต่ปัจจุบันนี้ได้มีหมึกเข้ามาในประเทศ อย่างมากบางอาจารย์ก็ใช้หมึกของต่างประเทศเพื่อให้ดูสวยงาม บางอาจารย์ใช้หมึกสีแดง สีเขียวเข้ามาประกอบด้วย เพื่อพัฒนาลวดลายของสำนักตนเอง แต่ที่ตามโบราณ์ยึดถือกันมาเก่าแก่ คือหมึกจีนมากกว่า
แนวปฏิบัติเมื่อสักของดีจากอาจารย์ไปแล้วเพื่อให้เกิดความขลังสืบไป
1.ไม่ให้ประมาทอยู่ในความมีสติ
2.ไม่ลบหลู่ศีลธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์
3.ไม่กระทำความชั่วให้รักษาศีล
4.ไม่ด่าบุพการีของตนเองและผู้อื่น
ข้อห้ามของอาจารย์สำหรับลูกศิษย์ที่จะมาสักกับอาจารย์
1.ห้ามใช้ผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหน้าและศีรษะ (แยกเป็นสองผืนๆหนึ่งเช็ดตัวผืนหนึ่งเช็ดหน้าและศีรษะ)
2.ห้ามกินของที่เขาบอกว่าเป็นของเหลือเดน
3.ห้ามนำกางเกงหรือของต่ำมาข้ามศีรษะ
ปล.ใครส่งเรื่องอะไรมากันแล้วยังไม่ได้ลงใจเย็นๆนะครับ เปลี่ยนบรรยากาศกันนิดนึงเพราะส่วนมากส่งมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดทั้งนั้นเลย อ่านไปเยอะๆหนักสมองเหมือนกันนะ ดังนั้นตั้มหนูเอาเรื่องนี้มาเล่าเลยหยิบมาให้อ่านกันเพลินๆก่อนนะครับ