วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ความลับของการเอาชนะใจตนเอง

By Tee




ความลับของการเอาชนะใจตนเอง ในแต่ละวันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเอาชนะใจตนเองอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเรื่องง่ายๆ ตั้งแต่การสลัดผ้าห่มนุ่มๆ ออกจากตัวแล้วตื่นขึ้นมาทำงานแต่เช้า การพยายามไม่กินอาหารหวานๆ มันๆ ที่อร่อยนักอร่อยหนา ไปจนถึงเรื่องยากๆ อย่างการทำงานให้เสร็จตามที่ตั้งใจไว้ หรือการพยายามไปออกกำลังกายให้ได้ทุกวันขึ้นชื่อว่าเป็นการเอาชนะใจตนเองแล้ว ย่อมต้องอาศัยพลังใจที่เข้มแข็งและความเสมอต้นเสมอปลายเป็นคู่ต่อสู้ เพื่อไม่ให้เกิดการเริ่มต้นด้วยการตั้งใจเกินร้อย แต่กลับตกม้าตายในตอนท้ายปัญหาใหญ่ก็คือ แล้วเราจะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถเอาชนะใจตนเองได้ตลอดรอดฝั่ง และนำความสำเร็จมาสู่ชีวิตได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ


ผู้หญิงเอาชนะใจตนเองได้ดีกว่าผู้ชาย

นอกจากปัจจัยที่กล่าวแล้ว ความสามารถในการเอาชนะใจยังขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเพศด้วย โดยทั่วไปเรามักกล่าวกันว่า ผู้ชายมักจะมีความสามารถในการเอาชนะใจตนเองน้อยกว่าผู้หญิง แต่หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วในทางชีววิทยา ความแตกต่างนี้จะมีผลก็เพียงในช่วง ๔ ปีแรกของชีวิตเท่านั้น แต่เหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าผู้หญิงมีความสามารถในการเอาชนะใจตนเองได้มากกว่าผู้ชายนั้น น่าจะมาจากปัจจัยทางสังคมที่มักจะเรียกร้องให้ผู้หญิงมีความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งรอบข้างมากกว่าผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสฝึกฝนความอดทนในการเอาชนะใจตัวเองมากกว่าผู้ชาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่ฝ่ายชายมักจะเป็นเพศที่มีปัญหาสุขภาพอันเกี่ยวกับการควบคุมตัวเองมากกว่า อาทิ การควบคุมอารมณ์โกรธ การมีพฤติกรรมก้าวร้าวและต่อต้านสังคม การใช้สารเสพติด และการเป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งมักจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ๒-๓ เท่า

 การเอาชนะใจตนเอง คือการมี “ศีล” อันประเสริฐ

ในทางพุทธศาสนา ท่านปัญญานันทภิกขุ แห่งวัดชลประทานรังสฤษฎ์ ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับการเอาชนะใจตนเองไว้ดังนี้

“การควบคุมตัวเองนั้นมันหนักเหนื่อยในชั้นต้น ความจริงสบายปลายมือ แต่ว่าคนเราขาดความอดทน จึงไม่สามารถจะควบคุมตัวเองไว้ได้ เรามีแต่เรื่องการตามใจตัวเอง การปล่อยไปตามอารมณ์ ปล่อยไปตามอำนาจของสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เคยกำราบปราบปรามตัวเอง จึงยากแก่การที่จะควบคุมตัวเอง

“แต่ถ้าหากเราคุมบ่อยๆ ประพฤติจนเป็นนิสัย สิ่งใดที่ทำจนเป็นปกติ มันก็เป็นศีลสำหรับบุคคลนั้น เพราะศีลนั้นเขาแปลว่า “ปกติ” ก็ได้ เช่นว่าเราตื่นเช้าเป็นปกติ ก็เรียกว่ามีศีลของคนตื่นเช้า เราทำอะไรๆ เป็นปกติ ก็เรียกว่ามีศีลในรูปนั้น

“คนเราบังคับตัวเองได้มากเท่าใด ยิ่งเป็นผู้ประเสริฐมากเท่านั้น คนที่ประเสริฐคือคนที่บังคับตัวเองได้ ถ้าบังคับตัวเองไม่ได้ก็มีประเสริฐอะไร ความใหญ่ของคนมันอยู่ที่การบังคับตัวเอง ถ้าไม่รู้จักบังคับตัวเอง เขาตั้งให้ใหญ่เท่าใด มันก็ใหญ่ไม่ได้เรื่องนั่นแหละ สำคัญมันอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องฝึกบังคับตัวเองไว้ เหนี่ยวรั้งไว้” 

วิธีสร้างพลังใจในการเอาชนะใจตนเอง

แม้จะรู้ว่าการเอาชนะใจตนเองได้เป็นเรื่องดี แต่หากคุณยังไม่รู้จักเทคนิคหรือวิธีการใดที่จะช่วยให้คุณเอาชนะใจตนเองได้ง่ายขึ้น ลองฟังคำแนะนำของนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ดังนี้

• รักษาพลังใจของตนเองไว้ ให้คิดว่าพลังใจในตัวเราเป็นทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ต้องงัดเอามาใช้กับเรื่องสำคัญๆ เท่านั้น

• วางแผน ให้ชัดเจนในเรื่องที่เราอยากทำให้สำเร็จ โดยลงรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร ทำเมื่อไร และที่ไหน

• ฟื้นฟูพลังใจ ยามที่กำลังใจเริ่มอ่อนล้าให้หาตัวช่วย เช่น กินขนมเติมพลังยามขับเคี่ยวกับการทำงานให้เสร็จทันเวลา หรือหาเพื่อนดีๆสักคนไว้คอยให้กำลังใจยามท้อแท้

• ฝึกใจให้แกร่ง นักกีฬายังต้องฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ การสร้างพลังใจก็ต้องอาศัยการฝึกอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

• ทำให้เป็นนิสัย ทำจนรู้สึกไม่ต้องบังคับ แล้วความสำเร็จจะขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

• สร้างความหมายพิเศษ แทนที่จะมองว่าการเอาชนะใจตนเองเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ลองตั้งเป้าให้การเอาชนะใจตนเองเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเป็นพิเศษ ด้วยการนับข้อดีว่าเมื่อทำแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อะไรตามมาบ้าง

• คิดบวก มองไปที่เป้าหมายด้วยความคิดเชิงบวก เช่น คิดว่า “เราต้องชนะ” แทนที่จะคิดเกรงกลัวต่อความพ่ายแพ้ที่ยังมาไม่ถึง

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การเอาชนะใจตนเองเป็นความสำเร็จแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและจะกลายเป็นฐานนำไปสู่ความสำเร็จอื่นๆ ในชีวิตของคุณอีกมากมาย หากคุณเอาชนะใจตนเองได้แล้ว ไม่ว่าเรื่องไหน ๆ คุณก็ย่อมทำให้สำเร็จได้ทั้งนั้นขอให้เรามาเริ่มสร้างความสำเร็จให้ชีวิตตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเอาชนะใจตนเองในเรื่องเล็กๆ แล้วค่อยขยับไปสู่เรื่องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กันเถอะ
อ่านบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อากาศร้อนๆแบบนี้กินอะไรดีหว่า?

By Max




หน้าร้อนปีนี้ มาเยือนเร็วกว่าที่เคยนะครับ สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้หลายคนเกิดอาการเบื่ออาหาร อากาศร้อนยังทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิดได้ง่ายอีกด้วย การเลือกรับประทานอาหารให้ดี นอกจากจะช่วยคลายร้อนแล้ว ยังช่วยให้อารมณ์เย็นขึ้นได้อีกด้วย


หลายคนใช้วิธีดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรือรับประทานไอศกรีม ซึ่งจะช่วยแก้กระหายคลายร้อนได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่จะไม่ช่วยให้ร่างกายเย็นลงจากสภาพอากาศร้อนรอบๆ ตัวได้ ทางที่ดีควรอาบน้ำให้เย็นชื่นใจหรือรับประทานอาหารที่ช่วยให้ร่างกายระบายเหงื่อได้โดยตรง

 อาหารประเภทเนื้อสัตว์และไขมัน เป็นอาหารที่ต้องใช้พลังงานในการย่อยและการนำไปใช้สูงกว่าผักและผลไม้ การที่ทางเดินอาหารทำงานหนัก จะเกิดความร้อนขึ้นในร่างกาย อาหารประเภทเนื้อและไขมัน รวมถึงอาหารทอด จึงเป็นอาหารที่รับประทานแล้วจะเกิดอาการแน่นท้อง อึดอัด ย่อยยาก ทำให้รู้สึกร้อนมากขึ้น ไม่ควรรับประทานมากในหน้าร้อน

 ส่วนอาหารที่ไม่สร้างความร้อนเพิ่มขึ้น คือ ผักและผลไม้ที่ไม่มีแป้งมาก ดังนั้น จึงควรเน้นรับประทานผักและผลไม้เป็นหลักมากกว่าอาหารจำพวกแป้งและเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้พลังงานมากเกินความจำเป็นหากรับประทานมากเกินไป

พืชผักที่เหมาะจะรับประทานในหน้าร้อน ยกตัวอย่างเช่น
 - มะระ เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ แก้กระหาย แก้ร้อนใน
 - ฟักเขียว มีฤทธิ์เย็น คนจีนนิยมทำเป็นยาถอนพิษ ขับร้อนใน
 - ผักกาดขาว ช่วยแก้อาการร้อนในได้
 - ปวยเล้ง เป็นยาเย็น ช่วยขับร้อน แก้กระหาย
 - ถั่วเขียว มีฤทธิ์ขับร้อนใน แก้กระหาย

 นอกจากนี้ เครื่องเทศ ซึ่งมีสรรพคุณเป็นทั้งอาหารและเป็นยา ก็ยังช่วยคลายร้อนได้โดยอาศัยความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ การกินเผ็ดทำให้มีเหงื่อออก เป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีวิธีหนึ่ง ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย หลายประเทศในแถบร้อนจึงรับประทานอาหารรสเผ็ด เช่น แกงเผ็ด ผัดเผ็ดต่างๆ

 ควรแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ รับประทานทีละน้อย แต่รับประทานบ่อยๆ เมนูที่นอกจากจะกินอร่อย ได้ประโยชน์ และยังช่วยคลายร้อนได้ ได้แก่ แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ ต้มโคล้ง ยำต่างๆ น้ำพริกผักจิ้ม ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ส่วนของหวานก็ได้แก่ น้ำแข็งใส เฉาก๊วย ผลไม้ลอยแก้ว เลือกที่ไม่ใส่กะทิ 

อากาศร้อนๆ คงไม่มีใครอยากดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ กันเท่าไรนัก แต่การดื่มเครื่องดื่มร้อน อย่างเช่น ชาร้อน จะทำให้เหงื่อออก ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหย จะทำให้เกิดความเย็น แต่ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ จะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำไปอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ ยังมีน้ำสมุนไพรที่มีสรรพคุณคลายร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ เช่น
 - ใบบัวบก แตงโม ใบเตย ใบสะระแหน่ ช่วยดับกระหายและคลายความร้อนในร่างกาย
 - น้ำตะไคร้ ช่วยขับเหงื่อ
 - น้ำกระเจี๊ยบ ช่วยรักษาอาการร้อนในภายในช่องปาก
 - น้ำมะนาว ช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า และขับเสมหะ
 - น้ำมะพร้าว ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย
 - น้ำมะตูม เป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มในหน้าร้อนมาแต่โบราณ เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมชื่นใจ ช่วยแก้กระหายได้แล้ว ยังมีสรรพคุณในการทำลายเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง
 - น้ำยาอุทัย เหยาะใส่น้ำเย็น ดื่มแล้วชื่นใจ มีสรรพคุณเช่นเดียวกับน้ำมะตูม

 นอกจากนี้ ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่ช่วยย่อยอาหาร ขับลม แก้อาการแน่น จุก เสียด ได้อีกด้วย หากไม่ชอบน้ำสมุนไพร อาจเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้คั้นสดๆ ไม่ใส่น้ำตาลและเกลือ หรือใส่แต่น้อย ก็จะช่วยแก้กระหายคลายร้อนได้เช่นกัน

 สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร หรือประมาณ 4-6 แก้ว แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม แต่อย่าดื่มมากไปจนกระทั่งเกิดอาการจุก และควรดื่มน้ำที่อุณหภูมิห้องอย่างน้อย 1-2 แก้ว เมื่อต้องออกจากบ้านในวันที่อากาศร้อนจัด
อ่านบทความทั้งหมด