แล้วเราจะรู้ความต้องการของมนุษย์ได้อย่างไรหล่ะ จริงๆมันก็มีแบบทดสอบมากมายที่จะให้เราทำและบอกเราว่า เรามีแรงจูงใจรูปแบบไหน บางคนในพวกเราอาจจะได้ทำมาแล้ว สุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่พ้น 5 รูปแบบดังต่อไปนี้
1) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (Achievement Motive) หมายถึง แรงจูงใจที่เป็นแรงขับให้บุคคลพยายามที่จะประกอบพฤติกรรมที่จะประสบสัมฤทธิผลตามมาตรฐานความเป็นเลิศ (Standard of Excellence) ที่ตนตั้งไว้ บุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะไม่ทำงานเพราะหวังรางวัล แต่ทำเพื่อจะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว ้ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- มุ่งหาความสำเร็จ (Hope of Success) และกลัวความล้มเหลว (Fear of Failure)
- มีความทะเยอทะยานสูง
- ตั้งเป้าหมายสูง
- มีความรับผิดชอบในการงานดี
- มีความอดทนในการทำงาน
- รู้ความสามารถที่แท้จริงของตนเอง
- เป็นผู้ที่ทำงานอย่างมีการวางแผน
- เป็นผู้ที่ตั้งระดับความคาดหวังไว้สูง
2 ) แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ (Affiliative Motive) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ มักจะเป็นผู้ที่โอบอ้อมอารี เป็นที่รักของเพื่อน มีลักษณะเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเมื่อศึกษาจากสภาพครอบครัวแล้วผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์มักจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น บรรยากาศในบ้านปราศจาก การแข่งขัน พ่อแม่ไม่มีลักษณะข่มขู่ พี่น้องมีความรักสามัคคีกันดี ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- เมื่อทำสิ่งใดก็จะเป็นไปเพื่อได้รับการยอมรับจากกลุ่ม
- ไม่มีความทะเยอทะยาน มีความเกรงใจสูง ไม่กล้าแสดงออก
- ตั้งเป้าหมายต่ำ
- หลีกเลี่ยงการโต้แย้งมักจะคล้อยตามผู้อื่น
3 ) แรงจูงใจใฝ่อำนาจ (Power Motive) สำหรับผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจนั้น พบว่า ผู้ที่มีแรงจูงใจแบบนี้ส่วนมากมักจะพัฒนามาจากความรู้สึกว่า ตนเอง "ขาด" ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ อาจจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ทำให้เกิดมีความรู้สึกเป็น "ปมด้อย" เมื่อมีปมด้วยจึงพยายามสร้าง "ปมเด่น" ขึ้นมาเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ตนเองขาด ผู้มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจจะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้ชอบมีอำนาจเหนือผู้อื่น ซึ่งบางครั้งอาจจะออกมาในลักษณะการก้าวร้าว
- มักจะต่อต้านสังคม
- แสวงหาชื่อเสียง
- ชอบเสี่ยง ทั้งในด้านของการทำงาน ร่างกาย และอุปสรรคต่าง ๆ
- ชอบเป็นผู้นำ
4 ) แรงจูงใจใฝ่ก้าวร้าว (Aggression Motive) ผู้ที่มีลักษณะแรงจูงใจแบบนี้มักเป็นผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดมากเกินไป บางครั้งพ่อแม่อาจจะใช้วิธีการลงโทษที่รุนแรงเกินไป ดังนั้นเด็กจึงหาทางระบายออกกับผู้อื่น หรืออาจจะเนื่องมาจากการเลียนแบบ บุคคลหรือจากสื่อต่าง ๆ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่ก้าวร้าว จะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
- ถือความคิดเห็นหรือความสำคัญของตนเป็นใหญ่
- ชอบทำร้ายผู้อื่น ทั้งการทำร้ายด้วยกายหรือวาจา
5 ) แรงจูงใจใฝ่พึ่งพา (Dependency Motive) สาเหตุของการมีแรงจูงใจแบบนี้ก็เพราะการเลี้ยงดูที่พ่อแม่ทะนุถนอมมากเกินไป ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเอง ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ พึ่งพา จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- ไม่มั่นใจในตนเอง
- ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง มักจะลังเล
- ไม่กล้าเสี่ยง
- ต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจจากผู้อื่น
หลังจากประเมินจากการอ่านการจำแนกแรงจูงใจข้างบนแล้วบางคนอาจจะมีลักษณะผสมกันก็ไม่ต้องตกใจหรอกเป็นเรื่องปกติเพราะเวลาเราวิเคราะห์ตัวเรามันมองรวมไปทั้งหมดทุกสถานการณ์ ซึ่งพี่คิดว่าบุคลิคลักษณะของเราที่แสดงออกมันก็ขึ้นกับสถานการณ์ด้วยแต่ก็เอาไอ้ที่คิดว่าตรงกับเราเยอะๆนั่นแหล่ะ หรือถ้าเราจะมุ่งในเรื่องงานก็คงต้องคิดในมิติของงานอย่างเดียวก็น่าจะใกล้เคียงพอจะเรียกได้ว่า เป็นแรงจูงใจในการทำงานของเรา เรื่องของเรื่องคือทั้งตัวเราและหัวหน้างานต่างก็ต้องหาแรงจูงใจในการทำงานร่วมกัน ในส่วนหัวหน้างานก็จะยากหน่อยตรงที่ว่า ในส่วนตัวแล้วยังไม่รู้ชัดเจนเลยว่าตัวเองเป็นประเภทไหน แล้วยังต้องไปคาดคะเนว่าลูกน้องแต่ละคนมีแรงจูงใจอย่างไร ถ้ามีลูกน้องสัก 40 คนก็มึนแล้ว พี่ก็เคยคิดเหมือนกันว่าแล้วจะทำอย่างไรถึงจะสร้างบรรยากาศที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานทั้งหัวหน้างานและลูกน้องให้เกิดขึ้นในองค์กร ก็เลยเป็นที่มาของ วัฒนธรรมองค์กร ของพวกเรา ซึ่งวิธีการนี้เราไม่ได้มุ่งเน้นวิเคราะห์แรงจูงใจรายบุคคล แต่เราจะนำแรงจูงใจมาแชร์ (share) กัน ฟังแล้วดูแปลก แต่มันก็เกิดขึ้นได้จริง เพราะเมื่อทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกัน หรือ เราเรียกว่า วัฒนธรรมองค์กร (iHears) เราก็ไม่ต้องกังวลมากนักว่าเราเป็นคนที่มีแรงจูงใจประเภทไหนเพราะแรงจูงใจในการทำงานของพวกเราได้ถูกบรรจุไว้ในนั้นแล้ว แค่นี้เราก็มีความรู้สึกที่ดีในเวลาทำงานและทำงานอย่างมีความสุข
พวกเราลองวิเคราะห์ดูซิว่าเรามีแรงจูงใจประเภทไหนในการทำงาน และด้วยวัฒนธรรมองค์กร (iHears) ของพวกเราได้ตอบสนองแรงจูงใจส่วนบุคคลมากน้อยแค่ไหน
1) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (Achievement Motive) หมายถึง แรงจูงใจที่เป็นแรงขับให้บุคคลพยายามที่จะประกอบพฤติกรรมที่จะประสบสัมฤทธิผลตามมาตรฐานความเป็นเลิศ (Standard of Excellence) ที่ตนตั้งไว้ บุคคลที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะไม่ทำงานเพราะหวังรางวัล แต่ทำเพื่อจะประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว ้ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- มุ่งหาความสำเร็จ (Hope of Success) และกลัวความล้มเหลว (Fear of Failure)
- มีความทะเยอทะยานสูง
- ตั้งเป้าหมายสูง
- มีความรับผิดชอบในการงานดี
- มีความอดทนในการทำงาน
- รู้ความสามารถที่แท้จริงของตนเอง
- เป็นผู้ที่ทำงานอย่างมีการวางแผน
- เป็นผู้ที่ตั้งระดับความคาดหวังไว้สูง
2 ) แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ (Affiliative Motive) ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ มักจะเป็นผู้ที่โอบอ้อมอารี เป็นที่รักของเพื่อน มีลักษณะเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเมื่อศึกษาจากสภาพครอบครัวแล้วผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์มักจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น บรรยากาศในบ้านปราศจาก การแข่งขัน พ่อแม่ไม่มีลักษณะข่มขู่ พี่น้องมีความรักสามัคคีกันดี ผู้มีแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- เมื่อทำสิ่งใดก็จะเป็นไปเพื่อได้รับการยอมรับจากกลุ่ม
- ไม่มีความทะเยอทะยาน มีความเกรงใจสูง ไม่กล้าแสดงออก
- ตั้งเป้าหมายต่ำ
- หลีกเลี่ยงการโต้แย้งมักจะคล้อยตามผู้อื่น
3 ) แรงจูงใจใฝ่อำนาจ (Power Motive) สำหรับผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจนั้น พบว่า ผู้ที่มีแรงจูงใจแบบนี้ส่วนมากมักจะพัฒนามาจากความรู้สึกว่า ตนเอง "ขาด" ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ อาจจะเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ทำให้เกิดมีความรู้สึกเป็น "ปมด้อย" เมื่อมีปมด้วยจึงพยายามสร้าง "ปมเด่น" ขึ้นมาเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ตนเองขาด ผู้มีแรงจูงใจใฝ่อำนาจจะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้ชอบมีอำนาจเหนือผู้อื่น ซึ่งบางครั้งอาจจะออกมาในลักษณะการก้าวร้าว
- มักจะต่อต้านสังคม
- แสวงหาชื่อเสียง
- ชอบเสี่ยง ทั้งในด้านของการทำงาน ร่างกาย และอุปสรรคต่าง ๆ
- ชอบเป็นผู้นำ
4 ) แรงจูงใจใฝ่ก้าวร้าว (Aggression Motive) ผู้ที่มีลักษณะแรงจูงใจแบบนี้มักเป็นผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดมากเกินไป บางครั้งพ่อแม่อาจจะใช้วิธีการลงโทษที่รุนแรงเกินไป ดังนั้นเด็กจึงหาทางระบายออกกับผู้อื่น หรืออาจจะเนื่องมาจากการเลียนแบบ บุคคลหรือจากสื่อต่าง ๆ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่ก้าวร้าว จะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
- ถือความคิดเห็นหรือความสำคัญของตนเป็นใหญ่
- ชอบทำร้ายผู้อื่น ทั้งการทำร้ายด้วยกายหรือวาจา
5 ) แรงจูงใจใฝ่พึ่งพา (Dependency Motive) สาเหตุของการมีแรงจูงใจแบบนี้ก็เพราะการเลี้ยงดูที่พ่อแม่ทะนุถนอมมากเกินไป ไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้ช่วยเหลือตนเอง ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่ พึ่งพา จะมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- ไม่มั่นใจในตนเอง
- ไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง มักจะลังเล
- ไม่กล้าเสี่ยง
- ต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจจากผู้อื่น
หลังจากประเมินจากการอ่านการจำแนกแรงจูงใจข้างบนแล้วบางคนอาจจะมีลักษณะผสมกันก็ไม่ต้องตกใจหรอกเป็นเรื่องปกติเพราะเวลาเราวิเคราะห์ตัวเรามันมองรวมไปทั้งหมดทุกสถานการณ์ ซึ่งพี่คิดว่าบุคลิคลักษณะของเราที่แสดงออกมันก็ขึ้นกับสถานการณ์ด้วยแต่ก็เอาไอ้ที่คิดว่าตรงกับเราเยอะๆนั่นแหล่ะ หรือถ้าเราจะมุ่งในเรื่องงานก็คงต้องคิดในมิติของงานอย่างเดียวก็น่าจะใกล้เคียงพอจะเรียกได้ว่า เป็นแรงจูงใจในการทำงานของเรา เรื่องของเรื่องคือทั้งตัวเราและหัวหน้างานต่างก็ต้องหาแรงจูงใจในการทำงานร่วมกัน ในส่วนหัวหน้างานก็จะยากหน่อยตรงที่ว่า ในส่วนตัวแล้วยังไม่รู้ชัดเจนเลยว่าตัวเองเป็นประเภทไหน แล้วยังต้องไปคาดคะเนว่าลูกน้องแต่ละคนมีแรงจูงใจอย่างไร ถ้ามีลูกน้องสัก 40 คนก็มึนแล้ว พี่ก็เคยคิดเหมือนกันว่าแล้วจะทำอย่างไรถึงจะสร้างบรรยากาศที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานทั้งหัวหน้างานและลูกน้องให้เกิดขึ้นในองค์กร ก็เลยเป็นที่มาของ วัฒนธรรมองค์กร ของพวกเรา ซึ่งวิธีการนี้เราไม่ได้มุ่งเน้นวิเคราะห์แรงจูงใจรายบุคคล แต่เราจะนำแรงจูงใจมาแชร์ (share) กัน ฟังแล้วดูแปลก แต่มันก็เกิดขึ้นได้จริง เพราะเมื่อทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกัน หรือ เราเรียกว่า วัฒนธรรมองค์กร (iHears) เราก็ไม่ต้องกังวลมากนักว่าเราเป็นคนที่มีแรงจูงใจประเภทไหนเพราะแรงจูงใจในการทำงานของพวกเราได้ถูกบรรจุไว้ในนั้นแล้ว แค่นี้เราก็มีความรู้สึกที่ดีในเวลาทำงานและทำงานอย่างมีความสุข
พวกเราลองวิเคราะห์ดูซิว่าเรามีแรงจูงใจประเภทไหนในการทำงาน และด้วยวัฒนธรรมองค์กร (iHears) ของพวกเราได้ตอบสนองแรงจูงใจส่วนบุคคลมากน้อยแค่ไหน
แรงจูงใจคนแต่ละคนต่างกัน แต่สุดท้ายแรงจูงใจก่อจะทำให้เราถึงจุดที่เราตั้งไว้ผมคิดว่าแรงจูงใจทำให้เรามีความสุขนะถ้าเราทำความสำเร็จตามแรงจูงใจที่เราตั้งไว้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าแรงจูงใจกับแรงกายของเรารวมกันเป็นหนึ่งมันเกิดสิ่งดีๆตามมาแน่ผมเชื่ออย่างนี้
ตอบลบแรงกาย แรงใจ ไม่มีวันหมด แรงเยอร์ อิๆๆๆๆๆๆๆ นิดนึงนะ
ตอบลบแรงจูงใจของผมก็มีหลายข้อที่ผสมผสานกัน แต่ข้อที่คิดว่าตรงมากที่สุด
ตอบลบสำหรับผมน่าจะเป็นข้อที่2 แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ ......
i hears ที่ตอบสนองสัมหรับผมน่าจาเป็นเรื่องเพื่อนร่วมงานที่
ที่ช่วยกันสร้างความสัมพันธ์ กันให้เหมือนเป็ยครอบครัวเดียวกัน
ทำให้เกิดความสบายใจที่มาทำงาน อยากมาทำงาน ....
นี้แหละคับ i hears ที่ตอบสนองความต้องการของผม
การทำงานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญของคนหมู่มาก ทำอย่างไรถึงจะก้าวไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม ทุกๆคนต้องเเสดงความคิดเห็น กล้าเเสดงออก กล้าที่จะผจญปัญหา น้องๆทุกๆคนจะต้องกล้าเข้าหาพวกพี่ๆ กล้าที่จะพูดคุย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องงานอย่างเดียว อย่างอื่นก็คุยได้ ถ้าเจอปัญหาไหนที่ตอบไม่ได้เดี๊ยวจะไห้พี่เปิ้ลมาเคลียให้
ตอบลบหวังว่าวันที่ 27 พ.ย นี้คงจะสนุกเเละประสานพวกพี่ๆน้องๆเข้าด้วยกันอย่างเป็นปึกเเผ่นเช่นเดียวกับหินผา
ผมได้อ่านแล้ว แรงจูงใจนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ตัวเราก้าวไปทางที่เราตั้งใจไว้แต่ระหว่างที่จะไปถึงเป้าหมายเราเลือกจะก้าวไปประเภทไหนมากกว่า แต่ที่สำคัญขอให้มี I hears เป็นที่ตั้งแล้วผมคิดว่าทุกอย่างมันจะส่งผลในทางบวกออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน.....(เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด)
ตอบลบการที่เราจะทำอะไรสักอย่าง แน่นอนครับ ต้องมีแรงจูงใจ และที่ผมจากบ้านจากเมืองมาไกลขนาดนี้ก็เพราะแรงจูงใจ ที่อยากให้พ่อกับแม่สบายไม่ต้องทำงานหนัก และแรงจูงใจอีกอย่างหนึ่งในการทำงาน คือสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ ที่อยู่รวมกันแบบพี่แบบน้อง ได้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ตอนแรกก็ทำตัวยากเหมือนกันครับ กับการที่ต้องมาอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก เพราะไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนี้ ผมคิดว่าหลายๆคนก็คงเป็นเหมือนผมในตอนแรก ต่างคนต่างมีเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของตนเอง
ตอบลบและผมขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จไปถึงเป้าหมายได้อย่างความภาคภูมิใจโดยอาศัยแรงจูงใจนี้ ผลักดันไปให้ถึงความฝัน (มีแรงจูงใจในทางที่ดี)
....สำหรับตัวผมขอเลือข้อ 2 ครับ แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์ (Affiliative Motive)
แรงจูงใจโดยส่วนตัวน่าจะเกิดจากเป้าหมายเป็นตัวกระตุ้นให้คนเราอยากทำอะไร เมื่อเป้าหมายชัดเจน ความทะยานอยากที่จะทำเป้าหมายให้สมบูรณ์พร้อม = แรงจูงใจชั้นดี
ตอบลบผมคิดว่าผมคงมีแรงจูงใจในแบบประมาณข้อสอง ปน ๆ กะ ข้อหนึ่งอีกนิดนึง ในตอนนี้ผมมีเพื่อนร่วมงานที่ดี การมาเจอเพื่อน ๆ ร่วมงานทุกวันล้วนมีแต่ความสุข และโดยส่วนตัวผมได้ตั้งเป้าหมายไว้อย่างชัดเจนแล้ว และพร้อมแล้วที่จะทำมันให้เกิดความสัมฤทธิ์ครับ
ตอบลบแรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์+แรงจูงใจใฝ่พึ่งพา ของตัวผมเองน่าจะเป็น2สิ่งนี้แหละครับ และตอนนี้ก็ยังสัมผัสได้อยู่ ถึงความอบอุ่นของพวกพ้องที่มีให้กันตลอดระยะเวลาที่ได้ร่วมงานกันมา เป็นสุขสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานกับพวกพ้องที่ดีแบบนี้ครับ (ระยะทางนับพัน นับพัน นับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง เพียงแต่ระหว่างทางที่เราก้าวไป คิดดี ทำดี พูดดี แค่นี้ ได้ดีแน่นอน...)
ตอบลบเมื่อมีแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจเกิดขึ้นมาในใจของคนเราแล้วก็จะเกิดความพยายามทำให้เราพยายามทำในสิ่งที่เราตั้งความหวังไว้ให้สำเร็จ
ตอบลบแต่ต้องอยู่บนความถูกต้องและไม่เอาเปรียบผู้อื่น
แรงจูงใจของผมคือความสุขอะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป เช่นทำงานแล้วมีความสุขจึงทำ อยู่กับหัวหน้าที่ดีก็มีความสุขหัวหน้าที่ดูแลเอาใจใส่เป็นกันเองให้โอกาศทำงานแบบพี่แบบน้องก็มีคามสุข ค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับงานที่ทำถึงจะไม่มากมายอย่างใครเข้า แต่ก็มีความสุขตามอัฐภาพ เพือนร่วมงานที่ดีอยู่กันก็มีความสุข
ตอบลบสวัสดีคับ พี่น้อง...วันนี้เรามีแรงจูงใจกันหรือยัง
ตอบลบเรารู้กันหรือยังว่าเรามีแรงจูงใจอะไรในการทำงาน555
แรงจูงใจนั้นมีความเชื่อมโยงกันกับการยึดถือเป้าหมายในชีวิต หรือค่านิยมของแต่ละคนครับ ผมเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักในอีกมิตินึงที่กำหนดให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของเรา
ตอบลบใช่ๆๆๆแรงจูงใจของคนแต่ละคนก็คงจะคล้ายๆกันนั้นแหละ
ตอบลบ- ทางด้านชีวิต ก็คงหนี้ไม่พ้น ความเป็นอยู่ที่ดี ครอบครัวมีความสุข มีรากฐานที่ดี มีการพัฒนาความรู้ มีสิ่งของที่อยากได้
- ทางด้านงาน ก็คงหนี้ไม่พ้น มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีหัวหน้างานที่ดี มีตำแหน่งที่ดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ
แต่ที่สำคัญต้องขึ้นอยู่กับการทำตัวของเราเองด้วย ไม่ใช่ว่าอยากจะได้เพียงอย่างเดียวแต่ไม่เคยเข้าไปหาเข้าไปทำหรือเข้าไปสัมผัสเลย แล้วเราจะได้มันมาได้อย่างไร เช่น เราอยากอยากกินโน้นกินนี้แต่เราไม่มีเงินซื้อและที่สำคัญเราไม่ทำงานด้วยแล้วจะได้กินไหม(??????????????(
*****ผมเชื่อว่าทุกคนมีแรงจูงใจและต้องไปให้ถึงจุดน้นได้ด้วย***
---------สู้ๆๆๆๆๆสู้ตายเด้อหม่-----------------
สิ่งที่ทำให้ผมยืนอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ก็เพราะ "แรงจูงใจ+ศรัทธา"กับสิ่งๆหนึ่ง สำหรับแรงจูงใจในตัวผมที่ผมคิดว่ามีคงจะเป็น "แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์+แรงจูงใจใฝ่สัมพันธ์" ชีวิตคนเรามีทุกข์มีสุขมีล้มลุกคลุกคลานเป็นธรรมดาของสัจธรรม ถ้าเกิดเราตั้งใจที่จะทำอะไรซักอย่าง+แรงจูงใจ+ศรัทธา ผมรับประกันได้เลยว่า "สำเร็จ" แน่นอนเพราะประสบการณ์เป็นตัวบอกผมมาผมคิดว่าชาติที่แล้วผมคงทำบุญมาเยอะ ชาตินี้ถึงได้เกิดมาเจอกับ บริษัทดีๆ+เพื่อนดีๆ+หัวหน้าดีๆ อย่างนี้ผมอยากจะให้ความรู้สึกดีๆอย่างนี้มันอยู่กับผมตลอดไป "เซือในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซือ"
ตอบลบทุกคนมีแรงจูงใจที่ไม่ต่างกันมากนักหรอกผมเชื่ออย่างนั้นนะ
ตอบลบแต่ความเป็นจริงทุกคนย่อมต้องการปัจจัย 4......
เยี่ยม! จากที่พวกเราแสดงความคิดเห็นกันมาแสดงให้เห็นว่าพวกเรามีการพัฒนาในด้านความคิดไปในทิศทางที่ดี พี่ก็ยังรอดูความคิดเห็นที่น่าสนใจจากน้องๆที่เหลืออยู่นะ
ตอบลบที่ Cloxxzzz กล่าวไว้เป็นสิ่งที่ถูกเลย เนื่องจากบทความข้างบนนั้นกล่าวว่าแรงจูงใจจะเกิดขึ้นเมื่อความต้องการของพวกเราได้รับการตอบสนอง เนื่องจากพวกเราเป็นวัยเริ่มต้นทำงานความต้องการพื้นฐานก็คือ ความต้องการด้านร่างกาย หรือ ปัจจัยสี่ ซึ่งก็ได้มาจากเงินนั่นเอง สังเกตุได้ว่าพวกเราก็ค่อนข้างจะเน้นกันที่รายได้กันเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อความต้องการพื้นฐานส่วนนี้ได้รับการตอบสนอง ความต้องการของเราจะถูกยกระดับขึ้นสู่ความต้องการด้านความปลอดภัย เช่น ทำงานในบริษัทที่มั่นคง จากนั้นก็ต้องการความรักและการยกย่อง เช่น มีทีมงาน เพื่อนร่วมงานที่ดี ฯลฯ ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรของเราออกแบบให้ตอบสนองในทุกมิติของความต้องการ ยกเว้นเรื่องเงิน เพราะมันขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ประเภทธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไร วงจรของผลิตภัณฑ์ ฯลฯ แต่พี่เชื่อว่าการทำงานอย่างมีความสุขนั้นสำคัญที่สุดและถ้าเราทุ่มเทกันเต็มทีเพื่อให้ธุรกิจของเราเติบโต ผลที่ได้กลับมาน่าจะดีต่อทุกคนในองค์กร
สิ่งที่ตอบความต้องการของผวกเราคือปัยจัยพื้นฐานนั้นก็จริงอย่าง
ตอบลบปฎิเสธไม่ได้แต่สิ่งที่ผวกเราต้องการคือ ความมั้นคงกับบริษัทและเจริญเติบโตไปพร้อมกับบริษัท และเพื้อนร่วมงานที่ดี
เป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นแรงจูงใจที่ดีีที่สามารถจะพาเราไปถึงจุดมุ่งหมายได้
ตอบลบขึ้นอยู่ว่าคุณได้ตั้งเป้าหมายไว้หรือยัง...
ผมได้เคยอ่านหนังสืออยู่เล่นหนึ่ง เค้าพูดถึงแรงจูงใจ และจิตใต้สำนึก ของมนุษย์เรา เค้าบอกไว้ว่า คนเราเมื่อ มีแรงจูงใจอยู่แล้ว และเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ เกือบ 100% จะสำเร็จแน่นอน คนที่เคยถูกหวยรางวัลที่ 1 90% มาจากแรงจูงใจ และ ความเชื่อมั่นว่าจะต้องถูก เพราะฉนั้น ผมจึงเชื่อมั่นมาตลอด ว่าแรงจูงใจจะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เหมือนกับตอนที่ ผมสัมภาษณ์ เข้าที่ solvay ผมก็มีแรงจูงใจมาก ว่ารอบสอง และ รอบสาม มันต้องมี และแล้วมันก็เกิดขึ้น จริงๆ และได้มายืนตรงจุดนี้ได้ ผมว่าเป็นเพราะแรงจูงใจพลักดันให้ความเชื่อมั่นของเราแสดงออกมา100% เราจิงมีวันนี้ได้ และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามายืนตรงจุดนี้ก็เหมือนกัน มีแรงจูงใจที่จะพลักดันให้เราประสบครามสำเร็จในหน้าที่การงานด้วยเช่นกัน!!! เพราะหัวใจผม มันบ่แม่นหัวใจ มันเป็น!!!!!! SOLVAY !!!!!!
ตอบลบเมื่อมีความเชื่อ
ตอบลบจึงเกิดแรงจูงใจ
แล้วก็ทำมันไป
ถึงแม้จะไม่สำเร็จในเร็ววัน
แต่สักวันมันจะเห็นผล
•Rey jr•
ผมก็คนนึงเหมือนกันที่มาพร้อมกับแรงจูงใจอย่างหนึ่ง ผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากมีความมั่นคงในชีวิต ปัจจัยก็มีผลต่อการเจริญเติบโตส่วนหนึ่งในชีวิต เราอาจปฎิเสธไม่ได้ บริษัทเติบโตพวกผมทุกคนก็เจริญเติบโตตามไปด้วย สู้ สู้ สู้ ........
ตอบลบผมก็มีพี่ แรงจูนใจหลายๆอย่าง แรงจูนใจเล็กๆน้อยๆก็มี แล้วแรงจูนใจมากมายก็มี แรงจูนใจอาจทำให้เราทำตนดีบ้างไม่ดีบ้าง เพื่อที่จะปรับตัวให้ได้แรงจูนใจของเราที่เราตั้งใจ
ตอบลบน่าสนใจที่พวกเราเชื่อมโยงแรงจูงใจกับความเชื่อ(ทางบวก)ถ้าพวกเราจำเนื้อหาของบทความ "ส่องกระจกความคิด" ได้จะพบว่า ระหว่างสิ่งที่มากระตุ้น กับ การตอบสนองของเราจะมีช่องว่างอยู่เสมอ ช่องว่างนี้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน น่าคิดว่าทำอย่างไรให้เรามีช่องว่างนี้มากพอที่จะเติมความคิดเชิงบวกให้ทันจนทำให้การตอบสนองของเราต่อสิ่งต่างๆไปในทิศทางที่ดีเสมอ วัฒนธรรมองค์ก็เป็นเหมือนแนวทางที่สนับสนุนการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆนั่นเอง ในที่สุดเราก็จะมีสิ่งแวดล้อมในการทำงานตามที่เราคาดหวังและเป็นแรงจูงใจที่ดีในการทำงานร่วมกัน
ตอบลบแรงจูงใจคือ....?
ตอบลบการที่เราจะทำอะไรสักอย่างมันต้องอยู่ว่าเราจะทำมันเพื่ออะไรและทำทำไมและความพึงพอใจที่เราทำเราพอใจแค่ใหนถ้าเราทำได้ตามที่เราหวังนั่นแหละความพึงพอใจในแรงจูงใจที่เราทำ เราก็จะมีความสุขในการทำงาน สู้เพื่อน้องปิงปอง(หง๊องแหง๊ง)
แรงจูนใจ + ความตั้งใจ + สู้ด้วยใจ = ความสำเร็จ
ตอบลบแรงจูงใจของผมคือการที่พวกพี่ๆเปิดโอกาสให้ผมเข้ามาทำงานที่นี้แล้วผมจึงพยายามก้าวต่อไปถึงผมจะหัวช้าไปหน่อยแต่ผมได้แรงจูงใจหลายๆอย่างมาจากพวกพี่ๆและมันอยู่ที่ตัวของผมว่าพร้อมที่จะยอมรับแรงจูงใจนั้นมาในตัวของผมหรือป่าวแรงจูงใจเป็นแรงผลักดันให้ผมพยายามมากกว่าเดิมคับพวกๆพี่ๆทุกคนเป็นมายไอดอของผมคับๆ ผมจะตั้งใจ สู้ด้วยความสำเร็จคับถ้าเราเชื่อว่าทำได้ความพยายามของเราก้จะให้เราประสบความสำเร็จคับ
ตอบลบเมื่อมีแรงจูงใจ ก็จะเกิดกำลังใจและแรงผลักดัน
ตอบลบขอให้พวกเราพยายามสู้ต่อไป
"แม้ล้มเป็นครั้งที่ร้อย ..แต่อย่างน้อยก็ขอให้ลุกทุกครั้งที่ล้ม"
ความฝัน + แรงจูงใจ + กำลังใจ + แรงกาย = อนาคตที่หอมหวาน
ตอบลบแรงจูงใจใกล้จะออกแล้ว.....เฮ้ๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบแรงจูงใจฝ่ายสัมฤทธิ์เป็นแรงจูงใจที่ทำให้คนทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข
ตอบลบคนเรามีแรงจูงใจก็มีพลังในการทำงานแล้วก็เหมือนกันกับเราอยากได้อะไรเราก็ตั้งความหวังและสร้างแรงจูงใจและแรงบัลดาลใจเพื่อให้ได้มันมา
ตอบลบแรงจูงใจดีๆๆๆมีมากมายแต่จะด้ายหรือเปล่าไม่รู้
ตอบลบ..แต่ตอนนี้พวกเราๆๆๆๆๆๆก็ทุ่มแรง.ทุ่มใจเพื่อแลกกับแรงบันดาลใจและแรงจูงใจ
..ผมเชื่อว่าสักวันแรงบันดาลใจและแรงจูงใจเหล่านั้นต้องมีให้เราชมเป็นแน่ๆตั้งใจร่วมกันทำไปนะพี่น้อง
แรงจูงใจดีๆๆเกิดจากการกระทำดีๆๆๆช่ายม้ายค้าบ
ตอบลบหรือการกระทำดีๆๆเกิดจากแรงจูงใจดีๆๆ
หากวันนี้เรายังไม่ทำดีที่สุด....พรุ่งนี้เราจะทำดีที่สุดได้อย่างไร
ตอบลบแรงจูงใจเก่าแล้ว comment กันหน่อยมั้ย
ตอบลบแรงๆๆๆๆๆๆๆจูง
พืชพรรณพร้อมที่จะเปลี่ยนขยะเน่าและซากสัตว์ให้กลายเป็นดอกผล อันงดงามและหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตได้ฉันใดเราแต่ละคนก็มีศักยภาพที่จะแปรเปลี่ยนความทุกข์ ให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้ฉันนั้น ถ้ามีแรงจูงใจ
ตอบลบการรู้จักชื่นชมในสิ่งต่างๆที่เรามีอยุ่รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบตัวจะช่วยให้เราเป็นคนไวต่อความสุข แม้สิ่งดีๆเพียงเล็กน้อยก็สามารถบัลดาลใจให้เป็นสุขได้
ตอบลบ