BY พี่นครา
“วิกฤต” คืออะไร สำหรับพนักงานแล้วอาจพูดได้ว่ามีอยู่ทุกที่ ทุกเวลา เช่น ไม่ได้
ขึ้นเงินเดือน ไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หัวหน้าไม่เห็นความสำคัญ มีเรื่อง
ขัดแย้งกับผู้ร่วมงาน ฯลฯ วิกฤตมีทั้งหนักและเบา มันเริ่มก่อตัวเมื่อใด ถ้าเราไม่รีบขจัด
ปัดเป่า เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความ
เจริญก้าวหน้าในที่สุด วิธีรับมือวิกฤตคือ ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าพบแต่เนิ่น ๆ ก็
สามารถแก้ไขอย่างทันกาล
1. วิกฤต ที่นำไปสู่ความล้มเหลว คนที่ล้มเหลวบนเวทีชีวิต ส่วนใหญ่เป็นคนประเภทที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
1.1 มีข้อด้อยทางพันธุกรรม ไม่ว่าสติปัญญา รูปร่างหน้าตาล้วน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้เรา ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่เราอย่ามัวโทษพ่อแม่ หรือโทษวาสนาอยู่เลย ทำไมเราไม่ค้นหาจุดเด่นข้อดีในตัวเราบ้าง เพราะสรรพสิ่งในโลก นี้ล้วนมีสองด้านเสมอ สิ่งที่เลวที่สุดก็ยังมีส่วนที่ดี หรือสิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีส่วนที่เลว
1.2 สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง แต่ทัศนะของคนเปลี่ยนยาก สภาพแวดล้อมมีอิทธิพลต่อคนเราในวัยเด็กเป็นอย่างมาก ตามทัศนะของเรานั้น เห็นว่า ทำไม่ได้ไปเสียทุกอย่าง หรือเห็นว่า ถึงจะมีอุปสรรคมากเพียงใดก็น่าจะลองดู นี่ก็คือ ปัจจัยตัดสินความสำเร็จของเราในอีกทางหนึ่ง
1.3 ขี้โรค ถ้ามีโรคติดตัวมาแต่เกิด ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างไร เราก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเสียแต่วันนี้ ต้องบำรุงร่างกาย ออกกำลังกาย ใช้ชีวิต อย่างปกติสุข อย่าใช้ร่างกายอย่างหักโหม ต้องถนอมไว้ใช้นาน ๆ เพราะไม่มีหน่วยงานใด ต้องการคนขี้โรค
1.4 ความรู้ไม่เพียงพอ อันนี้ไม่ได้หมายถึง วุฒิการศึกษา แต่ หมายถึงการศึกษาหาความรู้และเทคนิควิธีการจากงานที่ทำ ไม่ใช่รู้จักแต่พูดว่าเรียนมา น้อย จนหมดกำลังใจ ไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้ออ้างของคนเกียจคร้าน เราต้อง เริ่มจาก ตาดูหูฟัง มือทำ ที่สำคัญต้องมีความตั้งใจจริง
1.5 ไม่มีเป้าหมายแห่งความสำเร็จ หากเราไม่สามารถเป็นผู้ชนะ นั่นย่อมหมายความว่าเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็อาจเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้อง พ่ายแพ้ หรือ ล้มเหลว
1.6 ไม่พยายามปรับปรุงพัฒนาตนเอง “ผมไม่สามารถแก้ไข ปรับปรุงอะไรในตัวเองได้” มักเป็นคำพูดของคนอายุ 40 ขึ้นแล้ว และเป็นคนที่ไม่เคย สร้างสาระอะไรให้แก่ชีวิตตนเอง ความจริงมิใช่แก้ไขไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่ยอมแก้ไข คอยหลีกหนีการต่อสู้กับตัวเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่สามารถเอาชนะ ตัวเองได้
1.7 ขาดความทะเยอทะยาน ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมง เท่ากัน เราใช้เวลาพัฒนาตนเอง ทุ่มเวลาให้กับความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คำตอบมี เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้
1.8 ไม่มีความอดทน การอดทนคือความทุกข์ แต่ผลที่ได้รับคือ ความสุข หากเราต้องการแต่จะเสพสุข สุดท้ายแม้แต่เงาของความสุขก็มองไม่เห็น มัวแต่ หนีความทุกข์ ความทุกข์จะติดตัวเราตลอดไป ก่อนประสบความสำเร็จต้องมีความอดทน เสมอ
2. วิกฤตที่เกิดขึ้นระหว่างทำงาน
2.1 ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง คนที่มีความสามารถย่อมเป็นที่ต้องการ ของทุกแผนกงาน ในขณะที่คนไร้ความสามารถไปอยู่ที่ไหนก็เป็นภาระของเพื่อน ไม่มีใคร อยากจะทำงานด้วย ถ้าเราลองพิจารณาตนเอง ลองเหลียวมองรอบกาย ก็คงช่วยให้เรา เข้าใจสภาวะของตนเองดีขึ้น หากพอใจแค่เหมือนคนทั่วไป ก็คงทำแค่รักษาสถานะที่ เป็นอยู่ แต่ถ้ามีจิตใจฮึกเหิมมีความปรารถนาแรงกล้า ก็ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและ วิธีการทำงานใหม่ เพื่อให้คนอื่นยอมรับคุณค่าของตัวเรา ด้วยการเพิ่มความพยายามมาก ขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามถ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียวก็คงยังไม่พอ เราต้อง รู้จักวิธีนำเสนอตัวเอง ให้เป็นที่ประทับใจของนายด้วยเมื่อมีโอกาส ถ้าเห็นเพื่อนได้เลื่อน ตำแหน่งก่อนเรา เราต้องลองศึกษาดูว่าเขามีข้อดีอะไรบ้าง ขณะเดียวกันต้องพยายาม ปรับปรุงข้อด้อยเสริมสร้างจุดเด่นของตนเอง มิใช่ท้อแท้หมดกำลังใจ ไม่คิดที่จะสู้
2.2 ได้ขึ้นเงินเดือนน้อยกว่าคนอื่น จะมีคนประเภทหนึ่งที่พอรู้ ว่าได้ขึ้นเงินเดือนน้อยกว่าคนอื่น แทนที่จะพิจารณาตัวเองกลับคิดแต่ว่าไม่ได้รับความ เป็นธรรม ก็เลยหมดกำลังใจ ดื่มเหล้า สำมะเลเทเมา คนพวกนี้วิฤตที่เกิดขึ้นจะเป็นวิกฤต ถาวร ไม่มีทางกลายเป็นโอกาสได้ สำหรับคนอีกประเภทหนึ่ง พอรู้ว่าได้เงินเดือนขึ้นน้อยกว่าเพื่อนเขาจะเกิด ทิฐิ มุมานะพยายามทำงานจนเต็มความสามารถ รู้จักกระตุ้นพลังสร้างเสริมกำลังใจให้ฮึด สู้ต่อไป ด้วยความหวังว่าการขึ้นเงินเดือนครั้งต่อไปจะได้มากกว่านี้
2.3 หัวหน้าไม่เห็นความสำคัญ หัวหน้าของเราไม่มีวิสัยทัศน์เลย ดูคนไม่เป็น ถ้าไม่มีเราสักคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Solvay จะเป็นอย่างไร เสียงพร่ำบ่นใน ลักษณะนี้ มักหลุดออกจากปากพนักงานที่เก่งแต่พูดทำงานไม่ได้เรื่อง หรือพอจับกลุ่มกัน ก็มักจะนินทาว่าร้ายเจ้านาย ธรรมชาติของคนเรามักเข้าข้างตัวเอง เห็นแต่ข้อดีไม่เห็น ข้อด้อยของตัวเอง การให้คนอื่นช่วยพิจารณาเป็นเรื่องจำเป็น อย่ารับแต่คำชมไม่ยอม รับคำวิจารณ์ เราควรฝึกทำใจให้สงบ แล้วลองประเมินตัวเองโดยพยายามคิดอย่างมี เหตุผล ถึงเราจะมีความสามารถสักเพียงใด แต่ความสามารถนั้นขึ้นกับคำพูดของ เราเองเสมอ คนอื่นจะไม่รู้สึกว่าเราเก่ง เพราะความเก่งของเรานั้นได้ถูกเราเองพูดจน หมดแล้ว
2.4 ทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เอาไหน ไม่ว่าจะทำงานที่ใดก็ตาม ล้วนมีโอกาสพบกับเจ้านายหรือหัวหน้าที่ไม่เอาไหน เช่น เป็นคนสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาเป็นเอาตายกับเรื่องเล็กน้อย เรื่องที่ควรสนใจดำเนินการกลับไม่ทำ อะไรทำนองนี้ การทำงานกับคนประเภทนี้ถ้าคิดดูให้ดี สถานการณ์เช่นนี้มิใช่หรือที่เปิดโอกาสให้เราได้ แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ความจริงเจอหัวหน้าแบบนี้ เราควรยินดีด้วยซ้ำ เราควร จะกระตือรือร้น พยายามสร้างบทบาทของตนเองขึ้นมา เพื่อเป็นพลังผลักดันงานให้ก้าว ไปข้างหน้า และที่สำคัญต้องลงมือปฏิบัติ
3. วิกฤตที่แอบแฝงอยู่ในตัวเรา
3.1 ความคิดแบบอนุรักษ์นิยม เงื่อนไขสภาพแวดล้อมรอบตัว เราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันนี้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้น หากเราปรับตัวไม่ทัน ก็จะกลายเป็นคนตกยุคตกสมัยทันที กลายเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ในที่นี้หมายถึง ด้าน ความคิด ชอบใช้วิธีคิดแบบเดิม งานเคยทำมาอย่างไรก็ยังคงใช้วิธีเดิม ๆ ไม่ยอม เปลี่ยนแปลงและกลัวการเปลี่ยนแปลง ลองสังเกตดูว่าในสองปีที่ผ่านมา เรามีอะไร เปลี่ยนแปลงบ้าง ทั้งความคิดและวิธีทำงาน น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ พระอาทิตย์ขึ้นทาง ตะวันออกและล่วงลับไปทางตะวันตก คนกลัวยากชอบง่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่อง ธรรมดาแต่หน่วยงานต้องพัฒนาขยายตัว กลัวการหยุดอยู่กับที่ จึงไม่ต้องการบุคลากรที่ หยุดนิ่ง เพราะนั่นหมายถึงว่าเข้าใกล้จุดอวสานของหน่วยงาน
3.2 ชอบวิตกกังวลในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น เงินเดือน น้อยจะทำอย่างไรดี ถ้าต้องย้ายที่ทำงานจะทำอย่างไรดี ถ้าเจ็บป่วยจะทำอย่างไรดี เอา แต่คิดเรื่องทุกข์ใจ ไม่เป็นประโยชน์ ปัญหาในที่ทำงานยังพากลับไปกลุ้มใจที่บ้านอีก กลุ้มใจเรื่องเงินเดือนต่ำ แล้วเป็นไปได้ไหมที่เงินเดือนจะสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ถ้า เงินเดือนต่ำ ทำไมไม่พยายามทำงานเพื่อให้มีผลงาน เงินเดือนจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับตัว เราเอง แทนที่จะนั่งกลุ้มใจ เอาเวลาตรงนั้นมาคิดพัฒนางานไม่ดีกว่าหรือ การโยกย้าย งานก็เป็นเรื่องธรรมดา ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา เรากำหนดไม่ได้ ถ้าจะกลุ้มใจเรื่อง โยกย้าย ทำไมไม่พยายามศึกษาโครงสร้างของที่ทำงานว่าเป็นอย่างไร เราจะได้เตรียมการ วางแผนเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นถ้าไม่อยากเจ็บป่วย ก็ต้องพยายามรักษาสุขภาพ หมั่นออกกำลังกายที่สำคัญต้องรู้จักวิธีคลายเครียด เพราะความเครียด อารมณ์โกรธ ความรู้สึกอัดอั้น เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย
3.3 ลุ่มหลงการพนัน คนที่จะประสบความสำเร็จต้องห่างไกลจาก การพนันทุกชนิด การพนันคล้ายยาเสพติด ถ้าได้ลิ้มลองแล้วมักจะติด โดยเฉพาะคนที่ไม่ เข้มงวดตนเอง และไม่เคยจัดระเบียบชีวิตตนเองจะถลำลึกลงไปได้ง่าย
3.4 สำมะเลเทเมา คนดื่มเหล้ายิ่งดื่มก็ยิ่งติด ยิ่งเพิ่มปริมาณมาก ขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ติดเหล้าจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง การดื่มเหล้า ถ้าดื่มอย่างมีสติ ดื่ม ตามสภาพร่างกายก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ดื่มตามความอยากดื่ม ข้อเตือนใจสำหรับคนดื่มเหล้า คือ “แก้วที่หนึ่งเพื่อสุขภาพ แก้วที่สองเพื่อความสนุก แก้วที่สามเพื่อปล่อยวาง แก้วที่สี่ ขาดสติ" เราต้องดื่มอย่างมีสติ ทั้งรักษาสุขภาพและรักษาเงินไว้
3.5 ไม่รู้จักคลายเครียด คนที่มีความเครียด มักมีอาการเหล่านี้
- วิตกกังวลโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นประจำ
- หลับยาก ตื่นง่าย
- ชอบดูรายการทีวีที่มีการต่อสู้แข่งขันกันน่าตื่นเต้น ไม่ชอบดูละคร ที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง - กระเพาะอาหารมีปัญหา ท้องเสียบ่อย
- ชอบเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ
- ชอบฝันร้าย หรือชอบพูดเพ้อเจ้อ
- ตื่นตอนเช้ารู้สึกมึนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง
- เบื่ออาหาร ไม่นึกอยากกินอะไร
- มักรู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจไม่ทั่วท้อง
- เห็นอะไรขัดหูขัดตาไปหมด จุกจิกจู้จี้ขี้บ่น
- กลับถึงบ้านก็ยังไม่รู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่มีสมาธิ ไม่มีความอดทน รู้สึกเบื่อหน่าย
- ชอบนั่งสั่นขา
- รู้สึกสุดเซ็งกับเช้าวันจันทร์ เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะเกิดปัญหาการทำงานที่ขัดแย้งกัน เช่น เส้นเลือดไหลเวียนผิดปกติ อัตราการเต้นหัวใจสูง ระบบย่อยอาหารช้าลงหรือหยุดทำงาน ทำให้ร่างกายขาดสมดุล เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ตามมาหลายอย่างเช่น เป็นโรคหัวใจ เมื่อเกิดความเครียด คนจะหมกมุ่นกับปัญหาของตนเอง ไม่คิดถึงคนรอบข้าง มีอารมณ์ ฉุนเฉียว โมโหร้าย สมรรถภาพทางความคิดด้อยลง ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีสมาธิ หลงลืม อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้
การบำบัดความเครียดทำได้หลายทาง
- โภชนาการบำบัด การขาดแคลนสารอาหารบางตัวเป็นสาเหตุของ ความเครียดอย่างแท้จริง เพราะกลไกการทำงานของสมองต้องการสารอาหารเหล่านั้นใน การช่วยระบบการทำงานผลิตสารเคมี (Neurotransmitter) ที่ทำหน้าที่รับและส่งอารมณ์ รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้สมองหลั่งสารอารมณ์ดี (Adrenaline) ออกมามาก ๆ สารอาหาร ที่จำเป็นต่อการหลั่ง “สารเคมีอารมณ์ดี” โดยหลักคือ วิตามิน B, แคลเซียม, แมกนีเซียม, กรดโอเมก้า-3, สังกะสี
- เครื่องหอมบำบัด (อโรมาเธอราปี) เป็นการใช้กลิ่นหอมจากน้ำมัน หอมระเหย (Essential Oil) ที่สกัดจากพืชต่าง ๆ เช่น มะกรูด คาโมมายล์ อบเชย มะลิ ลาเวนเดอร์ เป็นต้น
- การนวดบำบัด เช่น การนวดแผนไทย
- การนอนบำบัด คนเราควรนอนแต่หัวค่ำ และตื่นแต่เช้า เวลาตื่นนอน เช้าแสงอาทิตย์อ่อน ๆ จะกระตุ้นการทำงานของสารเคมีในสมอง จะทำให้เราสดชื่น แจ่มใส เพราะแสงสีขาวทำให้สารเคมีอารมณ์ดีในสมองหลั่ง และช่วงพระอาทิตย์ตกแสง เริ่มแดงสลัวจะทำให้รู้สึกซึมเศร้า เพราะทำให้การผลิตสารเคมีอารมณ์ดีลดลง
- การออกกำลังกายบำบัด อย่างน้อยเดินวันละ 20 นาที3 วันต่อสัปดาห์
- การนั่งสมาธิบำบัด การนั่งสมาธิมีประโยชน์ต่อการช่วยทำให้คนสามารถ บังคับจิตใจให้เพ่งความสนใจในจุดเดียว รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด ปรับอารมณ์ ไม่ให้รู้สึกในในทางลบ คิดในแง่บวกมากขึ้น
- ดนตรีบำบัด โดยเฉพาะดนตรีบรรเลง (Light Music) จะทำให้ผ่อน คลาย สมองสงบ เช่น ดนตรีประเภทที่มีเสียงธรรมชาติเสริมไม่ว่าจะเป็นเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง__
1. วิกฤต ที่นำไปสู่ความล้มเหลว คนที่ล้มเหลวบนเวทีชีวิต ส่วนใหญ่เป็นคนประเภทที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
1.1 มีข้อด้อยทางพันธุกรรม ไม่ว่าสติปัญญา รูปร่างหน้าตาล้วน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้เรา ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่เราอย่ามัวโทษพ่อแม่ หรือโทษวาสนาอยู่เลย ทำไมเราไม่ค้นหาจุดเด่นข้อดีในตัวเราบ้าง เพราะสรรพสิ่งในโลก นี้ล้วนมีสองด้านเสมอ สิ่งที่เลวที่สุดก็ยังมีส่วนที่ดี หรือสิ่งที่ดีที่สุดก็ยังมีส่วนที่เลว
1.2 สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง แต่ทัศนะของคนเปลี่ยนยาก สภาพแวดล้อมมีอิทธิพลต่อคนเราในวัยเด็กเป็นอย่างมาก ตามทัศนะของเรานั้น เห็นว่า ทำไม่ได้ไปเสียทุกอย่าง หรือเห็นว่า ถึงจะมีอุปสรรคมากเพียงใดก็น่าจะลองดู นี่ก็คือ ปัจจัยตัดสินความสำเร็จของเราในอีกทางหนึ่ง
1.3 ขี้โรค ถ้ามีโรคติดตัวมาแต่เกิด ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างไร เราก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเสียแต่วันนี้ ต้องบำรุงร่างกาย ออกกำลังกาย ใช้ชีวิต อย่างปกติสุข อย่าใช้ร่างกายอย่างหักโหม ต้องถนอมไว้ใช้นาน ๆ เพราะไม่มีหน่วยงานใด ต้องการคนขี้โรค
1.4 ความรู้ไม่เพียงพอ อันนี้ไม่ได้หมายถึง วุฒิการศึกษา แต่ หมายถึงการศึกษาหาความรู้และเทคนิควิธีการจากงานที่ทำ ไม่ใช่รู้จักแต่พูดว่าเรียนมา น้อย จนหมดกำลังใจ ไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้ออ้างของคนเกียจคร้าน เราต้อง เริ่มจาก ตาดูหูฟัง มือทำ ที่สำคัญต้องมีความตั้งใจจริง
1.5 ไม่มีเป้าหมายแห่งความสำเร็จ หากเราไม่สามารถเป็นผู้ชนะ นั่นย่อมหมายความว่าเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งก็อาจเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เราต้อง พ่ายแพ้ หรือ ล้มเหลว
1.6 ไม่พยายามปรับปรุงพัฒนาตนเอง “ผมไม่สามารถแก้ไข ปรับปรุงอะไรในตัวเองได้” มักเป็นคำพูดของคนอายุ 40 ขึ้นแล้ว และเป็นคนที่ไม่เคย สร้างสาระอะไรให้แก่ชีวิตตนเอง ความจริงมิใช่แก้ไขไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่ยอมแก้ไข คอยหลีกหนีการต่อสู้กับตัวเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่สามารถเอาชนะ ตัวเองได้
1.7 ขาดความทะเยอทะยาน ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมง เท่ากัน เราใช้เวลาพัฒนาตนเอง ทุ่มเวลาให้กับความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน คำตอบมี เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้
1.8 ไม่มีความอดทน การอดทนคือความทุกข์ แต่ผลที่ได้รับคือ ความสุข หากเราต้องการแต่จะเสพสุข สุดท้ายแม้แต่เงาของความสุขก็มองไม่เห็น มัวแต่ หนีความทุกข์ ความทุกข์จะติดตัวเราตลอดไป ก่อนประสบความสำเร็จต้องมีความอดทน เสมอ
2. วิกฤตที่เกิดขึ้นระหว่างทำงาน
2.1 ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง คนที่มีความสามารถย่อมเป็นที่ต้องการ ของทุกแผนกงาน ในขณะที่คนไร้ความสามารถไปอยู่ที่ไหนก็เป็นภาระของเพื่อน ไม่มีใคร อยากจะทำงานด้วย ถ้าเราลองพิจารณาตนเอง ลองเหลียวมองรอบกาย ก็คงช่วยให้เรา เข้าใจสภาวะของตนเองดีขึ้น หากพอใจแค่เหมือนคนทั่วไป ก็คงทำแค่รักษาสถานะที่ เป็นอยู่ แต่ถ้ามีจิตใจฮึกเหิมมีความปรารถนาแรงกล้า ก็ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและ วิธีการทำงานใหม่ เพื่อให้คนอื่นยอมรับคุณค่าของตัวเรา ด้วยการเพิ่มความพยายามมาก ขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามถ้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียวก็คงยังไม่พอ เราต้อง รู้จักวิธีนำเสนอตัวเอง ให้เป็นที่ประทับใจของนายด้วยเมื่อมีโอกาส ถ้าเห็นเพื่อนได้เลื่อน ตำแหน่งก่อนเรา เราต้องลองศึกษาดูว่าเขามีข้อดีอะไรบ้าง ขณะเดียวกันต้องพยายาม ปรับปรุงข้อด้อยเสริมสร้างจุดเด่นของตนเอง มิใช่ท้อแท้หมดกำลังใจ ไม่คิดที่จะสู้
2.2 ได้ขึ้นเงินเดือนน้อยกว่าคนอื่น จะมีคนประเภทหนึ่งที่พอรู้ ว่าได้ขึ้นเงินเดือนน้อยกว่าคนอื่น แทนที่จะพิจารณาตัวเองกลับคิดแต่ว่าไม่ได้รับความ เป็นธรรม ก็เลยหมดกำลังใจ ดื่มเหล้า สำมะเลเทเมา คนพวกนี้วิฤตที่เกิดขึ้นจะเป็นวิกฤต ถาวร ไม่มีทางกลายเป็นโอกาสได้ สำหรับคนอีกประเภทหนึ่ง พอรู้ว่าได้เงินเดือนขึ้นน้อยกว่าเพื่อนเขาจะเกิด ทิฐิ มุมานะพยายามทำงานจนเต็มความสามารถ รู้จักกระตุ้นพลังสร้างเสริมกำลังใจให้ฮึด สู้ต่อไป ด้วยความหวังว่าการขึ้นเงินเดือนครั้งต่อไปจะได้มากกว่านี้
2.3 หัวหน้าไม่เห็นความสำคัญ หัวหน้าของเราไม่มีวิสัยทัศน์เลย ดูคนไม่เป็น ถ้าไม่มีเราสักคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Solvay จะเป็นอย่างไร เสียงพร่ำบ่นใน ลักษณะนี้ มักหลุดออกจากปากพนักงานที่เก่งแต่พูดทำงานไม่ได้เรื่อง หรือพอจับกลุ่มกัน ก็มักจะนินทาว่าร้ายเจ้านาย ธรรมชาติของคนเรามักเข้าข้างตัวเอง เห็นแต่ข้อดีไม่เห็น ข้อด้อยของตัวเอง การให้คนอื่นช่วยพิจารณาเป็นเรื่องจำเป็น อย่ารับแต่คำชมไม่ยอม รับคำวิจารณ์ เราควรฝึกทำใจให้สงบ แล้วลองประเมินตัวเองโดยพยายามคิดอย่างมี เหตุผล ถึงเราจะมีความสามารถสักเพียงใด แต่ความสามารถนั้นขึ้นกับคำพูดของ เราเองเสมอ คนอื่นจะไม่รู้สึกว่าเราเก่ง เพราะความเก่งของเรานั้นได้ถูกเราเองพูดจน หมดแล้ว
2.4 ทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เอาไหน ไม่ว่าจะทำงานที่ใดก็ตาม ล้วนมีโอกาสพบกับเจ้านายหรือหัวหน้าที่ไม่เอาไหน เช่น เป็นคนสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่อง เอาเป็นเอาตายกับเรื่องเล็กน้อย เรื่องที่ควรสนใจดำเนินการกลับไม่ทำ อะไรทำนองนี้ การทำงานกับคนประเภทนี้ถ้าคิดดูให้ดี สถานการณ์เช่นนี้มิใช่หรือที่เปิดโอกาสให้เราได้ แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ความจริงเจอหัวหน้าแบบนี้ เราควรยินดีด้วยซ้ำ เราควร จะกระตือรือร้น พยายามสร้างบทบาทของตนเองขึ้นมา เพื่อเป็นพลังผลักดันงานให้ก้าว ไปข้างหน้า และที่สำคัญต้องลงมือปฏิบัติ
3. วิกฤตที่แอบแฝงอยู่ในตัวเรา
3.1 ความคิดแบบอนุรักษ์นิยม เงื่อนไขสภาพแวดล้อมรอบตัว เราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว เพียงแต่ปัจจุบันนี้ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้น หากเราปรับตัวไม่ทัน ก็จะกลายเป็นคนตกยุคตกสมัยทันที กลายเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ในที่นี้หมายถึง ด้าน ความคิด ชอบใช้วิธีคิดแบบเดิม งานเคยทำมาอย่างไรก็ยังคงใช้วิธีเดิม ๆ ไม่ยอม เปลี่ยนแปลงและกลัวการเปลี่ยนแปลง ลองสังเกตดูว่าในสองปีที่ผ่านมา เรามีอะไร เปลี่ยนแปลงบ้าง ทั้งความคิดและวิธีทำงาน น้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ พระอาทิตย์ขึ้นทาง ตะวันออกและล่วงลับไปทางตะวันตก คนกลัวยากชอบง่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่อง ธรรมดาแต่หน่วยงานต้องพัฒนาขยายตัว กลัวการหยุดอยู่กับที่ จึงไม่ต้องการบุคลากรที่ หยุดนิ่ง เพราะนั่นหมายถึงว่าเข้าใกล้จุดอวสานของหน่วยงาน
3.2 ชอบวิตกกังวลในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น เงินเดือน น้อยจะทำอย่างไรดี ถ้าต้องย้ายที่ทำงานจะทำอย่างไรดี ถ้าเจ็บป่วยจะทำอย่างไรดี เอา แต่คิดเรื่องทุกข์ใจ ไม่เป็นประโยชน์ ปัญหาในที่ทำงานยังพากลับไปกลุ้มใจที่บ้านอีก กลุ้มใจเรื่องเงินเดือนต่ำ แล้วเป็นไปได้ไหมที่เงินเดือนจะสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ถ้า เงินเดือนต่ำ ทำไมไม่พยายามทำงานเพื่อให้มีผลงาน เงินเดือนจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับตัว เราเอง แทนที่จะนั่งกลุ้มใจ เอาเวลาตรงนั้นมาคิดพัฒนางานไม่ดีกว่าหรือ การโยกย้าย งานก็เป็นเรื่องธรรมดา ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา เรากำหนดไม่ได้ ถ้าจะกลุ้มใจเรื่อง โยกย้าย ทำไมไม่พยายามศึกษาโครงสร้างของที่ทำงานว่าเป็นอย่างไร เราจะได้เตรียมการ วางแผนเพื่อรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นถ้าไม่อยากเจ็บป่วย ก็ต้องพยายามรักษาสุขภาพ หมั่นออกกำลังกายที่สำคัญต้องรู้จักวิธีคลายเครียด เพราะความเครียด อารมณ์โกรธ ความรู้สึกอัดอั้น เป็นสาเหตุของโรคต่าง ๆ มากมาย
3.3 ลุ่มหลงการพนัน คนที่จะประสบความสำเร็จต้องห่างไกลจาก การพนันทุกชนิด การพนันคล้ายยาเสพติด ถ้าได้ลิ้มลองแล้วมักจะติด โดยเฉพาะคนที่ไม่ เข้มงวดตนเอง และไม่เคยจัดระเบียบชีวิตตนเองจะถลำลึกลงไปได้ง่าย
3.4 สำมะเลเทเมา คนดื่มเหล้ายิ่งดื่มก็ยิ่งติด ยิ่งเพิ่มปริมาณมาก ขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ติดเหล้าจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง การดื่มเหล้า ถ้าดื่มอย่างมีสติ ดื่ม ตามสภาพร่างกายก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ดื่มตามความอยากดื่ม ข้อเตือนใจสำหรับคนดื่มเหล้า คือ “แก้วที่หนึ่งเพื่อสุขภาพ แก้วที่สองเพื่อความสนุก แก้วที่สามเพื่อปล่อยวาง แก้วที่สี่ ขาดสติ" เราต้องดื่มอย่างมีสติ ทั้งรักษาสุขภาพและรักษาเงินไว้
3.5 ไม่รู้จักคลายเครียด คนที่มีความเครียด มักมีอาการเหล่านี้
- วิตกกังวลโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นประจำ
- หลับยาก ตื่นง่าย
- ชอบดูรายการทีวีที่มีการต่อสู้แข่งขันกันน่าตื่นเต้น ไม่ชอบดูละคร ที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง - กระเพาะอาหารมีปัญหา ท้องเสียบ่อย
- ชอบเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ
- ชอบฝันร้าย หรือชอบพูดเพ้อเจ้อ
- ตื่นตอนเช้ารู้สึกมึนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง
- เบื่ออาหาร ไม่นึกอยากกินอะไร
- มักรู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจไม่ทั่วท้อง
- เห็นอะไรขัดหูขัดตาไปหมด จุกจิกจู้จี้ขี้บ่น
- กลับถึงบ้านก็ยังไม่รู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่มีสมาธิ ไม่มีความอดทน รู้สึกเบื่อหน่าย
- ชอบนั่งสั่นขา
- รู้สึกสุดเซ็งกับเช้าวันจันทร์ เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะเกิดปัญหาการทำงานที่ขัดแย้งกัน เช่น เส้นเลือดไหลเวียนผิดปกติ อัตราการเต้นหัวใจสูง ระบบย่อยอาหารช้าลงหรือหยุดทำงาน ทำให้ร่างกายขาดสมดุล เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ตามมาหลายอย่างเช่น เป็นโรคหัวใจ เมื่อเกิดความเครียด คนจะหมกมุ่นกับปัญหาของตนเอง ไม่คิดถึงคนรอบข้าง มีอารมณ์ ฉุนเฉียว โมโหร้าย สมรรถภาพทางความคิดด้อยลง ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีสมาธิ หลงลืม อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในการทำงานได้
การบำบัดความเครียดทำได้หลายทาง
- โภชนาการบำบัด การขาดแคลนสารอาหารบางตัวเป็นสาเหตุของ ความเครียดอย่างแท้จริง เพราะกลไกการทำงานของสมองต้องการสารอาหารเหล่านั้นใน การช่วยระบบการทำงานผลิตสารเคมี (Neurotransmitter) ที่ทำหน้าที่รับและส่งอารมณ์ รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้สมองหลั่งสารอารมณ์ดี (Adrenaline) ออกมามาก ๆ สารอาหาร ที่จำเป็นต่อการหลั่ง “สารเคมีอารมณ์ดี” โดยหลักคือ วิตามิน B, แคลเซียม, แมกนีเซียม, กรดโอเมก้า-3, สังกะสี
- เครื่องหอมบำบัด (อโรมาเธอราปี) เป็นการใช้กลิ่นหอมจากน้ำมัน หอมระเหย (Essential Oil) ที่สกัดจากพืชต่าง ๆ เช่น มะกรูด คาโมมายล์ อบเชย มะลิ ลาเวนเดอร์ เป็นต้น
- การนวดบำบัด เช่น การนวดแผนไทย
- การนอนบำบัด คนเราควรนอนแต่หัวค่ำ และตื่นแต่เช้า เวลาตื่นนอน เช้าแสงอาทิตย์อ่อน ๆ จะกระตุ้นการทำงานของสารเคมีในสมอง จะทำให้เราสดชื่น แจ่มใส เพราะแสงสีขาวทำให้สารเคมีอารมณ์ดีในสมองหลั่ง และช่วงพระอาทิตย์ตกแสง เริ่มแดงสลัวจะทำให้รู้สึกซึมเศร้า เพราะทำให้การผลิตสารเคมีอารมณ์ดีลดลง
- การออกกำลังกายบำบัด อย่างน้อยเดินวันละ 20 นาที3 วันต่อสัปดาห์
- การนั่งสมาธิบำบัด การนั่งสมาธิมีประโยชน์ต่อการช่วยทำให้คนสามารถ บังคับจิตใจให้เพ่งความสนใจในจุดเดียว รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด ปรับอารมณ์ ไม่ให้รู้สึกในในทางลบ คิดในแง่บวกมากขึ้น
- ดนตรีบำบัด โดยเฉพาะดนตรีบรรเลง (Light Music) จะทำให้ผ่อน คลาย สมองสงบ เช่น ดนตรีประเภทที่มีเสียงธรรมชาติเสริมไม่ว่าจะเป็นเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง__
วิกฤต...ขอให้ค่อยๆๆพิจารณา ที่ละข้อ แล้วจะรู้มันเป็นสัจธรรม....
ตอบลบส่วนการบำบัดความเครียด ก็ลองหาวิธีการที่ตัวเองถนัดและชอบนะจ๊ะ
ปล. สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อค่ะ 5555555
ผมคิดว่าเราทุกคนสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้...ถ้าเรารู้จักมองโลกในแง่บวก...โดยการนำกฤตที่เกิดขึ้นมาพิจารณาและนำมาปรับปรุงข้อบกพร่องของตนเอง...เราก็จะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้คับ
ตอบลบกดไลค์ครับแบงค์ เตะบอลดีกว่าแบบนี้
ลบเท่าที่เห็นนี่คุนแบงค์จะมีแต่โอกาสนะนี่..
ลบความเครียดคือมะเร็งในอารมณ์ ควรบำบัดด้วยเสียงดนตรี heavy music ที่บ้านตะวันเด้อ...
ตอบลบการทำงานต้องเข้าใจว่าเราต้องอยู่กับคนร้อยพ่อ พันเเม่ เเละก็จะเจอกับสารพันปัญหา มันก็ขึ้นอยู่กับเเต่ละคนว่าจะเเก้ปัญหาอย่างไรเท่านั้นเอง
เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาศ...เคยได้ยินในทีวีบ่อยๆครับคำๆนี้ เกี่ยวกับเศฐษกิจ "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาศ " เห็นด้วยครับกับบทความที่ว่า ( วิกฤตมีทั้งหนักและเบา มันเริ่มก่อตัวเมื่อใด ถ้าเราไม่รีบขจัด ปัดเป่า เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางความ เจริญก้าวหน้าในที่สุด )
ตอบลบถึงไม่มีวิกฤตเราก็มีโอกาสกันอยู่แล้ว..เพราะโอกาสมีได้ถ้าคุณตั้งใจที่จะทำมัน.....
ตอบลบ..อย่าคิดไปเอง..
..ไม่รู้ให้ถาม..
..ฟังคำสั่งให้เคลียร์..
มีข้อด้อยทางพันธุกรรม ไม่ว่าสติปัญญา รูปร่างหน้าตาล้วน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้
ตอบลบข้อนี้โดนใจ เอาแบบฮา ปนสาระนิดๆ ผมว่าน่าตาไม่ดี แต่นิสัยดี ขยัน ทุกคนก็รักแล้ว ฮิฮิฮิ ..
อีกข้อหนึ่ง ก็คือ โภชนาการบำบัด จัดหนักทุกวัน หนะ กะ ซี สงสัยจะต้องบำบัดหลังกิน
กันซ๊ะ หน่อยแล้ว
จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวล หรือ ความเครียด มันก็เกิดจากตัวของเราทั้งสิ้น ถ้าเราตัดความอยาก.......ทั้งหลายออกไปได้ มันก็จะไม่เกิดอาการเหล่านี้คับ
ตอบลบฉะนั้นควรจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด แล้ววันหนึ่งโอกาศต้องเป็นของเราบ้าง.....
บวก เป็นเครี่ยงหมายที่คนทุกๆคนต้องการให้เข้ามาในชีวิตไม่ว่าชีวิตการทำงาน หรือชีวิตที่ต้องอยู่จนวันสุดท้ายของชีวิต และวิกิตก็เช่นกันจะเข้ามาในชีวิต มันเหมือนอะไรบ้างอย่างที่เข้ามาทำให้เราต้องรู้จักมัน และต้องก้าวผ่านไปกับพร้อมความสำเส็จในตัววิกิตนั้นๆที่มันเกิดขึ้นมา แล้วโอกาสจะตามมาและที่สำคัญที่สุดคือความสุขของเราที่สามารถผ่านวิกิตนั้นไปได้
ตอบลบชอบมากเลยคับข้อสุดท้ายดนตรีบำบัดแต่มันขาดไปอย่างคับ...สุรา มีดนตรีแล้วมันต้องสุรามันถึงจะผ่อนคลาย 555
ตอบลบการบำบัดความเครียดทำได้หลายทาง เช่น...
ตอบลบ- โภชนาการบำบัด
- เครื่องหอมบำบัด
- การนวดบำบัด
- การนอนบำบัด
- การออกกำลังกายบำบัด
- การนั่งสมาธิบำบัด
- ดนตรีบำบัด
พี่ นครา ครับ นอกจากนี้แล้ว ผมว่ามันยังขาดไปอีกอย่างนะครับ เนี่ย!
- นารีบำบัด ครับ!!! อิอิ ^0^
ทำงานเพื่อเงินก็คงสุขใจตอนเงินเดือนออก สุขใจตอนได้ 2 ขั้น ก็แค่นั้น...สำหรับชีวิต
ตอบลบแต่ ทำงานเพื่องาน จึงเป็นงานที่ไม่เหน็ดเหนื่อย(ใจ) ไม่เครียด เพราะเราไม่ได้แข่งหรือชิงดีชิ่งเด่นกับใคร นอกจากแข่งกับตัวเราเอง...
ฝากถึง ทีมงานบ้านตะวัน ด้วยนะครับ ให้ระวัง"วิกฤตที่แอบแฝงอยู่ในตัวเรา"
ตอบลบโดยเฉพาะ ข้อ3.4 สำมะเลเทเมา ครับ เป็นห้วง! เป็นห่วง! อิอิ ^_^
ไม่เกี่ยงงาน ไม่ถือตัว ไม่อวดดี
ตอบลบให้ความจริงใจกับทุกคน แม้สุดท้าย กับคนที่มองเราเป็นศัตรู
เพิ่มน้ำใจ เพิ่มบริการ เพิ่มการรับใช้ผู้อื่นให้มากขึ้น
อย่าให้ความคิดช่างเปรียบเทียบพากระเจิดกระเจิง
มีความสุขกับการคิดค้น แก้ปัญหา และพัฒนาประสิทธิภาพของตัวเอง...
จิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคนเรา
ตอบลบเป็นภาวะที่ต้องหมั่นดูแลรักษา
ให้มีความเบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ
เพื่อเป็นเครื่องรับรู้ปรากฏการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างเท่าทัน...
คำนึงการมีชีวิตให้ “กว้างขว้าง” มากกว่าการมีชีวิตที่ “ยืนยาว”
ตอบลบชอบทุกคำบรรยาย
ตอบลบการทำงานกับคนส่วนรวมก็ต้องพบกับอุปสัก อาจจะมีความขัดแย่งกัน หรืออาจจะต้องแก่งแย่ง กันเพื่อให้ได้มากับสิ่งที่เราต้องการทุกที่ทุกบริษัท มีบุคลกลุ่มนี้หมด เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ครับพี่น้องชาวไทย
ตอบลบสำหรับตัวผมเอง ทำงานเพื่อเงิน ครับพี่น้องชาวไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่า เงินสามารถทำให้ผมเป็นคนเลว แต่ผมทำตามกฎระเรียบ ข้อบังขับ ที่สังคมย่อมรับ และไม่ทำให้สังคมการทำงานเป็นกลุ่มต้องขัดแย่งกัน ครับ
ตอบลบถ้าทำงานแล้งรู้สึกว่า เหนื่อยหรือท้อแท่กับงาน หรืออาจจะผิดหวังกับสิ่งที่เรา คาดหวังไว้มาก สำหรับผมคิดว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ ได้มาเสียไป ทำงานตามหน้าที่ตามกฎระเบียบ ข้อบังขับ ไม่สร้างภาระให้กับตัวเราเอง มัมจะได้ไม่กดดันตัวเรา
ตอบลบมีเงินแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว คุณคิดว่าความพอของคนเราจะหยุดที่จุดไหน คนเรานั้นจิตใจมีแต่กิเลสความอย่าไม่มีวันที่สิ้นสุด แต่ถ้าคนนั้นอยู่นกฎระเบียบกติกาของสังคมและได้มาโดยความชอบทำ ผมขอนับถือครับ พี่น้องชาวไทย
ตอบลบขอคุณสำหรับข้อความดีๆ อย่างนี้ครับ
ตอบลบ"ลิขิตฟ้า รึจะสู้มานะตน"
ตอบลบแต่ลิขิตของตน ก็ขึ้นอยู่ที่ตนกระทำ
ลบสุดยอดมากเลยครับลูกพี่
ตอบลบไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีบทความดีๆอย่างนี้
ตอบลบอ่านแล้วบางครั้งต้องปลง
อ่านจริงรึเปล่าพี่นัน..555
ลบคิดดีทำดี มองโลกในแง่บวก มานะ อุตสาหะ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจจะผ่องใส แล้วเราจะมีความสุข
ตอบลบ...หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญ ท้า ชะตาฟ้า
ตอบลบหรือจะเพียง "ศัรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย
แม้จะเป็นเพียงแค่ "ฝัน" จนวันตาย
แต่ผู้ชายคนี้จะอยู่สู้ต่อไป...และ..ตลอดไป
คนเราทุกคนมีทั้งความเครียด ความสุข ความทุกข์ ตัวเราเองนั้นหละที่จะเป็นตัวตัดสินว่า สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบันนี่ดีหรือไม่ ถ้าเราคิดดีทำดี ชีวิตก็มีความสุข แต่ถ้าเราคิดไม่ดี ไม่ซื่อกับคนอื่นชีวิตเรานี่หละที่มีแต่ความทุกข์
ตอบลบคิดดีทำดีเข้าไว้ ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุขกาย สบายใจครับ
ตอบลบความขยันหมั่นเพียร และคำ คำนี้ เป็นคำสอนของพี่ กะบี ทำอะไร เราต้อง check check check check
ตอบลบถูกต้องแล้วครับ
ลบงาน เรา ทำ เพียง 3 วัน เลย ต้อง ทำ ให้ ดี ทำ ให้ มี ความ สุข กับ มัน วัน ออฟ เรา จะ ได้ สบาย ตัว -.-....
ตอบลบสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญ คือการมีเป้าหมายในชีวิต เวลาทำงานเหนื่อยๆ ก็จะมานั่งคิดถึงเป้าหมายในชีวิตของเรา จะทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ตอบลบพี่ไปหาจากที่ไหนมาลงครับโดนใจมากๆๆ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทนและปล่อยวาง
ตอบลบเป็นบทความที่ดีมากครับ
ตอบลบการใช้ชีวิตโดยขาดความกังวลจะทำให้เรามีความสุข
ตอบลบคนทุกคนมีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ความพอเพียงแต่ละบุคคล
ตอบลบทุกอย่างอยู่ที่ใจคับจะทุกจะสุขอยู่ที่ใจคับ ใจเราสงบก็เป็นสุขแล้ว
ตอบลบทุกวันนี้เพียงเราใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและเพียงพอ ไม่เบียดเบียนใคร ใครก็ไม่เบียดเบียนเรา เท่านี้ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว
ตอบลบ