มารู้จัก และตรวจสอบอาการปวดท้องในตำแหน่ง ๆ ต่าง เพื่อเช็คสุขภาพร่างกายด้วยตัวเองกันนะครับเผื่อพี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ชาวSolvayเรากำลังเป็นอยู่
ปวดท้องด้านขวาตอนบน
ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้อง มักเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี
ปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร
แอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาการไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน บางครั้งโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้
ปวดท้องตรงกลาง
ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุมาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มขึ้นที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง
ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน
อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นหมายถึงอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ
ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง
อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาการอักเสบ ของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกันพร้อมกับ อาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)
กลุ่มอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด (dyspepsia) จะมีอาการหลักคือ เมื่อตื่นเช้าจะสบายท้องดี แต่หลังรับประทานอาหารหรือเมื่อเริ่มทำงานจึงเริ่มอึดอัดท้อง และจะเป็นอยู่หลายชั่วโมง นอกจากนี้เป็นลักษณะอาการปวด จุกเสียด แน่นบริเวณหน้าท้อง เรอเหม็นเปรี้ยว เมื่อเรอแล้วจะสบายขึ้น หากมีอาการมาก ๆ ท้องจะเกร็ง อาการที่เกิดร่วมด้วยคือ เรอบ่อย ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น อาจจะมีอาการทั้งท้องผูกและท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่เป็นโรคนี้จะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด ส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน
กลืนลำบาก
"อาการของหลอดอาหารที่สำคัญ คือ อาจเกิดจากก้อนเนื้อ หรือมะเร็ง หรืออาจเกิดจากกล้ามเนื้อหรือระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารไม่ดี ระบบประสาทไม่ทำงาน วิธีสังเกตก็คือ ถ้ากลืนแล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก และต้องสังเกตว่าสิ่งที่กลืนลำบากนั้นเป็นของแข็งหรือของเหลว ถ้าเป็นมะเร็งแรก ๆ จะกลืนลำบากเฉพาะของแข็ง เช่นเนื้อสัตว์ ถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รักษา ต่อมาจะกลืนก้อนเล็ก ๆ หรือแม้แต่ของเหลวอย่างน้ำก็ไม่ได้ จะสำลัก ส่วนการกลืนลำบากที่ไม่ใช่สาเหตุจากมะเร็ง แต่เกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะ ของหลอดอาหารนั้น จะกลืนไม่ได้ทั้งของแข็งและของเหลวแต่แรกเลย และอาจจะเป็น ๆ หาย ๆ สรุปแล้วถ้ากลืนลำบากต้องหาหมอก่อน อย่าสันนิษฐานเอง"
จุดเสี่ยงโรคฮิตที่ไม่ควรมองข้าม แสบร้อนกลางอกตอนกลางคืนส่อกรดไหลย้อน
"กรดไหลย้อน เป็นกรดจากกระเพาะที่ขึ้นไปในหลอดอาหาร ชาวตะวันตกเป็นมากกว่าชาวเอเชีย แต่ตอนนี้ชาวเอเชียเริ่มเป็นมากขึ้น เพราะไปกินอาหารเหมือนตะวันตก แล้วเริ่มอ้วน เพราะโรคนี้จะเป็นกับคนอ้วน กินแล้วนอน และเกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก จะเป็นเวลานอนตอนกลางคืน นอกจากนี้เวลานอนอาจจะไอสำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนที่มีอาการตอนกลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนด้วย
" หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนักหรือว่านอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้
โรคแผลในกระเพาะอาหารติดต่อได้
โรคที่เกิดกับกระเพาะก็มีได้ทั้งโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจจะมีทั้งเลือดออก การอุดตัน หรือทะลุ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแผลที่กระเพาะอาหารกัน สาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะเกิดจากการติดเชื้อโรค Helicobacter pylori และการกินยา NSAIDs (Non-steroidal anti-inflammatory drugs หมายถึง ยาต้านการอักเสบชนิดที่ ไม่ใช่สเตียรอยด์)
สำหรับเชื้อโรค Helicobacter pylori จะอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา มากกว่าในประเทศที่เจริญแล้ว อยู่ในสภาพที่สกปรก แออัดเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำ อยู่ในตัวคน ในน้ำลาย อาหารที่อาเจียนออกมาของเด็ก ๆ ถ้าไม่ติดตอนเด็กมักจะไม่เป็นอีกแล้ว โดยมากเราจะติดโรคนี้ตอนเราเป็นเด็ก บ้านไหนที่ลูกดก ก็จะมีเชื้อโรคนี้ได้ง่าย ซึ่งก็ทำให้เกิดกระเพาะอักเสบ เกิดแผล เกิดมะเร็งได้ ซึ่งหากตรวจพบเชื้อและฆ่าเชื้อนี้ได้ก็จะหาย
นอกจากนี้ยา NSAIDs ซึ่งเป็นยาแก้ปวด แก้โรคข้อ แก้อักเสบข้อ ซึ่งผู้สูงอายุบางคน คนที่เป็นโรคเกาต์ รูมาตอยด์ โรคกล้ามเนื้ออักเสบ ที่มักจะกินเป็นประจำ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มีผลต่อกระเพาะ คือทำให้เกิดแผล เลือดออก ทะลุ หรืออุดตัน เพราะฉะนั้นอย่าซื้อยากินเอง
ไอบีเอสไม่ใช่โรค
ไอบีเอสมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ท้องอืด แน่นท้อง มีลมมาก เรอและผายลมบ่อย ๆ อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ ไปตรวจก็ไม่เจออะไร แต่ไม่หายสักที อาจจะเป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีก็ได้ นอกจากนี้หากเครียดหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาการก็จะรุนแรงขึ้นได้ ไอบีเอสจะมีอาการปวดท้องไม่สบายในท้องซึ่งสัมพันธ์กับการถ่ายอุจจาระ และลักษณะของอุจจาระที่ถ่ายออกมา เช่น เมื่อปวดท้อง พอได้ถ่ายอุจจาระแล้วสบายท้อง หรือได้ถ่ายอุจจาระแล้วท้องเดิน หรือถ่ายอุจจาระแล้วแข็ง
จุกแน่นชายโครงขวาระวังตับอักเสบเรื้อรังและมะเร็งตับ สาเหตุของโรคตับอักเสบเรื้อรัง เกิดจากหนึ่งเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี สองเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี สามการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสี่คือความอ้วน ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่าทำให้ตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน นอกจากนี้คนที่ได้รับสารอัลฟาทอกซิน และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ทำให้เป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน
หลังจากได้รับเชื้อ เชื้อจะฟักตัวอยู่ 2-3 เดือน ช่วงนั้นจึงอาจไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย อาจมีอ่อนเพลียเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน และจะจุกแน่นที่ชายโครงขวาซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ ถ้าเกิดมีการอักเสบขึ้นมาก็จะเจ็บที่บริเวณนี้มากขึ้น อาจมีไข้ และตัวเหลือง เมื่อตับวาย เราจะผอม กล้ามเนื้อลีบ ไม่เผาผลาญสารอาหาร ไม่กำจัดสารที่มีพิษ เราก็จะมีพิษสะสมในร่างกายมาก
"เมื่อเป็นตับอักเสบ เป็นตับแข็ง จะทำให้เป็นมะเร็งได้ในที่สุด แม้จะทำการรักษาหรือหยุดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้ว แม้ไวรัสจะหายไปแล้ว แต่ตับแข็งจะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งจะเป็นมะเร็งได้ สาเหตุของมะเร็งจึงมาจากตับแข็ง สาเหตุของตับแข็งมาจากสี่สาเหตุข้างต้น"
แน่นท้องหลังกินอาหารไขมันสูงอาจเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
"โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้มักเป็นกับผู้หญิงอ้วน อายุ 40 ขึ้นไป กินอาหารไขมันสูง หรือมีลูกดก เพราะการตั้งครรภ์แต่ละครั้งถุงน้ำดีจะไม่ค่อยบีบตัวแต่จะนิ่ง พอนิ่งก็ตกตะกอน ทำให้เกิดนิ่วได้" บางคนหลังทานอาหารจะอึดอัดเหมือนอาหารไม่ย่อย และมักจะเป็นหลังทานอาหารไขมันสูง สังเกตได้จากความรุนแรงของอาการ คือ ยิ่งถ้าทานอาหารที่มีไขมันเข้าไปมาก ๆ ก็จะรู้สึกแน่นมากขึ้น ถ้าเกิดนิ่วที่ไปอุดท่อน้ำดีจะปวดที่ชายโครงขวา อาจร้าวไปถึงไหล่ขวาได้ ปวดท้อง ถ้าเกิดนิ่วอุดที่ท่อน้ำดีก็จะมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง อาจจะทำให้เป็นถุงน้ำดีอักเสบได้
อุจจาระผิดปกติเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
"กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้คือผู้ชายอายุ 50 ขึ้นไป ที่กินมันสัตว์เยอะ กินเนื้อสัตว์เยอะ ท้องผูก ไม่ออกกำลังกาย และมีพฤติกรรมสูบบุหรี่" อาการที่ส่อว่าจะเป็นมะเร็งคือ ปวดท้อง อาเจียน ไม่ผายลม ท้องผูกไม่ถ่ายอุจจาระ ถ้าเกิดก้อนเนื้อที่ด้านซ้ายจะมีอาการท้องผูกสลับท้องเสียและอุจจาระลำเล็กลง หรือเป็นก้อนเล็ก ๆ เพราะก้อนมะเร็งทำให้ลำไส้อุดตัน ถ้ามะเร็งเกิดที่ด้านขวามักจะคลำเจอก้อน ถ้าเกิดก้อนในส่วนลำไส้ใหญ่ส่วนตรงจะทำให้ปวดทวารหนัก ความรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นเลือด นอกจากนี้อาจมีก้อนออกมาทางทวารหนัก ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
ปวดเบ่งต้นทางโรคริดสีดวงทวาร
"เกิดจากหลอดเลือดดำของบริเวณลำไส้ใหญ่โป่งพองหรือยื่นออกมา สาเหตุ หนึ่งคือปัจจัยทางพันธุกรรม สองคนที่ต้องยืนหรือนั่งนาน ๆ เพราะเลือดไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ค่อยดี จะคั่งอยู่บริเวณปลายลำไส้ใหญ่" อาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดเบ่ง เหมือนอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก ขณะถ่ายอุจจาระ มักมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน ระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้าทานอาหารกากใยน้อยจะทำให้การขับถ่ายไม่ดี เวลาเราถ่ายจะต้องเบ่งเยอะ ทำให้ความดันในช่องท้องสูง ทำให้เส้นเลือดในบริเวณก้นมันโป่ง
ฟื้นฟูเพื่อระบบย่อยแข็งแรง โดยรวมอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารอันดับหนึ่ง คือ อาหารที่มีกากใยสูงก็มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ เพราะอาหารที่มีกากใยสูงเปรียบเสมือนไม้กวาด ที่คอยทำความสะอาดลำไส้ ตับ และระบบ ย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น และยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า อาหารที่มีเอนไซม์ก็ดีต่อการช่วยย่อยเช่นกัน เช่น สับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์สูงช่วยย่อยโปรตีน ช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร มะละกอ มะม่วง มีเอนไซม์ชื่อปาเปนที่มีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ช่วยทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหารได้ดี นอกจากนี้อาหารบางประเภทก็มีประโยชน์ในการเยียวยาโรคบางชนิดได้ เช่น โยเกิร์ต ถั่วเมล็ดแห้ง สลัดใบเขียว มันเทศ ผลไม้ต่างๆ แครอท ก็มีประโยชน์ต่อโรคลำไส้แปรปรวนโดยตรง เพราะโยเกิร์ตมีแบคทีเรียตัวดีที่ช่วยให้แบคทีเรียฟลอราในลำไส้เจริญเติบโต ซึ่งช่วยบรรเทาอาการของลำไส้แปรปรวนได้ ขณะที่ถั่วเมล็ดแห้ง สลัดผักใบเขียว มันเทศ มีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันอาการท้องผูก ส่วนผลไม้ต่าง ๆ และแครอทซึ่งมีเส้นใยอาหารละลายน้ำจะช่วยลดอาการท้องร่วงในผู้ที่เป็นโรคนี้ได้ สำหรับภาวะกรดไหลย้อน ก็มีถั่วเมล็ดแบน มันฝรั่ง ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดขาว มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่กระเพาะย่อยได้ง่ายก็ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนที่อก ยอดแค ถั่วเมล็ดแห้ง ผักต่าง ๆ ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ช่วยลดน้ำหนักได้ และบรรเทาอาการแสบร้อนที่อกได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า อาหารประเภทเต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้งโดยเฉพาะถั่วที่มีสีแดงและสีขาว มีส่วนช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจากดัชนีมวลกายทั้งชายและหญิง โดยน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง ให้ได้ดัชนีมวลกายไม่ให้เกิน 23 วัดรอบเอวดู ผู้หญิงรอบเอวไม่เกิน 80 เซนติเมตร ผู้ชายไม่เกิน 90 เซนติเมตร การออกกำลังกายที่ดีต่อระบบย่อย น่าจะเป็นการเดินหรือการวิ่งเพราะจะได้เคลื่อนไหว ทำให้ระบบดียิ่งขึ้นถ่ายอุจจาระก็ง่ายขึ้นด้วย
เป็นไงบ้างครับพี่ๆเพื่อนๆน้องชาว Solvay ใครมีอาการตรงกับบริเวณไหนก็แชร์กันมานะครับผม
ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้อง มักเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี
ปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร
แอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาการไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้เช่นเดียวกัน บางครั้งโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้
ปวดท้องตรงกลาง
ส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุมาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มขึ้นที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง
ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน
อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นหมายถึงอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ
ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง
อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาการอักเสบ ของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกันพร้อมกับ อาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)
กลุ่มอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด (dyspepsia) จะมีอาการหลักคือ เมื่อตื่นเช้าจะสบายท้องดี แต่หลังรับประทานอาหารหรือเมื่อเริ่มทำงานจึงเริ่มอึดอัดท้อง และจะเป็นอยู่หลายชั่วโมง นอกจากนี้เป็นลักษณะอาการปวด จุกเสียด แน่นบริเวณหน้าท้อง เรอเหม็นเปรี้ยว เมื่อเรอแล้วจะสบายขึ้น หากมีอาการมาก ๆ ท้องจะเกร็ง อาการที่เกิดร่วมด้วยคือ เรอบ่อย ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น อาจจะมีอาการทั้งท้องผูกและท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่เป็นโรคนี้จะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด ส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน
กลืนลำบาก
"อาการของหลอดอาหารที่สำคัญ คือ อาจเกิดจากก้อนเนื้อ หรือมะเร็ง หรืออาจเกิดจากกล้ามเนื้อหรือระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหารไม่ดี ระบบประสาทไม่ทำงาน วิธีสังเกตก็คือ ถ้ากลืนแล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก และต้องสังเกตว่าสิ่งที่กลืนลำบากนั้นเป็นของแข็งหรือของเหลว ถ้าเป็นมะเร็งแรก ๆ จะกลืนลำบากเฉพาะของแข็ง เช่นเนื้อสัตว์ ถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ ไม่ได้รักษา ต่อมาจะกลืนก้อนเล็ก ๆ หรือแม้แต่ของเหลวอย่างน้ำก็ไม่ได้ จะสำลัก ส่วนการกลืนลำบากที่ไม่ใช่สาเหตุจากมะเร็ง แต่เกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะ ของหลอดอาหารนั้น จะกลืนไม่ได้ทั้งของแข็งและของเหลวแต่แรกเลย และอาจจะเป็น ๆ หาย ๆ สรุปแล้วถ้ากลืนลำบากต้องหาหมอก่อน อย่าสันนิษฐานเอง"
จุดเสี่ยงโรคฮิตที่ไม่ควรมองข้าม แสบร้อนกลางอกตอนกลางคืนส่อกรดไหลย้อน
"กรดไหลย้อน เป็นกรดจากกระเพาะที่ขึ้นไปในหลอดอาหาร ชาวตะวันตกเป็นมากกว่าชาวเอเชีย แต่ตอนนี้ชาวเอเชียเริ่มเป็นมากขึ้น เพราะไปกินอาหารเหมือนตะวันตก แล้วเริ่มอ้วน เพราะโรคนี้จะเป็นกับคนอ้วน กินแล้วนอน และเกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก จะเป็นเวลานอนตอนกลางคืน นอกจากนี้เวลานอนอาจจะไอสำลัก หอบ ซึ่งอาจทำให้นึกว่าเป็นโรคปอด โรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนที่มีอาการตอนกลางคืนต้องนึกถึงกรดไหลย้อนด้วย
" หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนักหรือว่านอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้
โรคแผลในกระเพาะอาหารติดต่อได้
โรคที่เกิดกับกระเพาะก็มีได้ทั้งโรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจจะมีทั้งเลือดออก การอุดตัน หรือทะลุ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแผลที่กระเพาะอาหารกัน สาเหตุใหญ่ ๆ ที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะเกิดจากการติดเชื้อโรค Helicobacter pylori และการกินยา NSAIDs (Non-steroidal anti-inflammatory drugs หมายถึง ยาต้านการอักเสบชนิดที่ ไม่ใช่สเตียรอยด์)
สำหรับเชื้อโรค Helicobacter pylori จะอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนา มากกว่าในประเทศที่เจริญแล้ว อยู่ในสภาพที่สกปรก แออัดเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำ อยู่ในตัวคน ในน้ำลาย อาหารที่อาเจียนออกมาของเด็ก ๆ ถ้าไม่ติดตอนเด็กมักจะไม่เป็นอีกแล้ว โดยมากเราจะติดโรคนี้ตอนเราเป็นเด็ก บ้านไหนที่ลูกดก ก็จะมีเชื้อโรคนี้ได้ง่าย ซึ่งก็ทำให้เกิดกระเพาะอักเสบ เกิดแผล เกิดมะเร็งได้ ซึ่งหากตรวจพบเชื้อและฆ่าเชื้อนี้ได้ก็จะหาย
นอกจากนี้ยา NSAIDs ซึ่งเป็นยาแก้ปวด แก้โรคข้อ แก้อักเสบข้อ ซึ่งผู้สูงอายุบางคน คนที่เป็นโรคเกาต์ รูมาตอยด์ โรคกล้ามเนื้ออักเสบ ที่มักจะกินเป็นประจำ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มีผลต่อกระเพาะ คือทำให้เกิดแผล เลือดออก ทะลุ หรืออุดตัน เพราะฉะนั้นอย่าซื้อยากินเอง
ไอบีเอสไม่ใช่โรค
ไอบีเอสมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น ท้องอืด แน่นท้อง มีลมมาก เรอและผายลมบ่อย ๆ อาการจะเป็น ๆ หาย ๆ ไปตรวจก็ไม่เจออะไร แต่ไม่หายสักที อาจจะเป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีก็ได้ นอกจากนี้หากเครียดหรือมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อาการก็จะรุนแรงขึ้นได้ ไอบีเอสจะมีอาการปวดท้องไม่สบายในท้องซึ่งสัมพันธ์กับการถ่ายอุจจาระ และลักษณะของอุจจาระที่ถ่ายออกมา เช่น เมื่อปวดท้อง พอได้ถ่ายอุจจาระแล้วสบายท้อง หรือได้ถ่ายอุจจาระแล้วท้องเดิน หรือถ่ายอุจจาระแล้วแข็ง
จุกแน่นชายโครงขวาระวังตับอักเสบเรื้อรังและมะเร็งตับ สาเหตุของโรคตับอักเสบเรื้อรัง เกิดจากหนึ่งเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี สองเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี สามการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสี่คือความอ้วน ซึ่งเป็นที่ยอมรับแล้วว่าทำให้ตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน นอกจากนี้คนที่ได้รับสารอัลฟาทอกซิน และมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง ทำให้เป็นมะเร็งตับได้เช่นกัน
หลังจากได้รับเชื้อ เชื้อจะฟักตัวอยู่ 2-3 เดือน ช่วงนั้นจึงอาจไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย อาจมีอ่อนเพลียเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน และจะจุกแน่นที่ชายโครงขวาซึ่งเป็นที่อยู่ของตับ ถ้าเกิดมีการอักเสบขึ้นมาก็จะเจ็บที่บริเวณนี้มากขึ้น อาจมีไข้ และตัวเหลือง เมื่อตับวาย เราจะผอม กล้ามเนื้อลีบ ไม่เผาผลาญสารอาหาร ไม่กำจัดสารที่มีพิษ เราก็จะมีพิษสะสมในร่างกายมาก
"เมื่อเป็นตับอักเสบ เป็นตับแข็ง จะทำให้เป็นมะเร็งได้ในที่สุด แม้จะทำการรักษาหรือหยุดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้ว แม้ไวรัสจะหายไปแล้ว แต่ตับแข็งจะดำเนินไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งจะเป็นมะเร็งได้ สาเหตุของมะเร็งจึงมาจากตับแข็ง สาเหตุของตับแข็งมาจากสี่สาเหตุข้างต้น"
แน่นท้องหลังกินอาหารไขมันสูงอาจเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
"โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้มักเป็นกับผู้หญิงอ้วน อายุ 40 ขึ้นไป กินอาหารไขมันสูง หรือมีลูกดก เพราะการตั้งครรภ์แต่ละครั้งถุงน้ำดีจะไม่ค่อยบีบตัวแต่จะนิ่ง พอนิ่งก็ตกตะกอน ทำให้เกิดนิ่วได้" บางคนหลังทานอาหารจะอึดอัดเหมือนอาหารไม่ย่อย และมักจะเป็นหลังทานอาหารไขมันสูง สังเกตได้จากความรุนแรงของอาการ คือ ยิ่งถ้าทานอาหารที่มีไขมันเข้าไปมาก ๆ ก็จะรู้สึกแน่นมากขึ้น ถ้าเกิดนิ่วที่ไปอุดท่อน้ำดีจะปวดที่ชายโครงขวา อาจร้าวไปถึงไหล่ขวาได้ ปวดท้อง ถ้าเกิดนิ่วอุดที่ท่อน้ำดีก็จะมีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง อาจจะทำให้เป็นถุงน้ำดีอักเสบได้
อุจจาระผิดปกติเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
"กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้คือผู้ชายอายุ 50 ขึ้นไป ที่กินมันสัตว์เยอะ กินเนื้อสัตว์เยอะ ท้องผูก ไม่ออกกำลังกาย และมีพฤติกรรมสูบบุหรี่" อาการที่ส่อว่าจะเป็นมะเร็งคือ ปวดท้อง อาเจียน ไม่ผายลม ท้องผูกไม่ถ่ายอุจจาระ ถ้าเกิดก้อนเนื้อที่ด้านซ้ายจะมีอาการท้องผูกสลับท้องเสียและอุจจาระลำเล็กลง หรือเป็นก้อนเล็ก ๆ เพราะก้อนมะเร็งทำให้ลำไส้อุดตัน ถ้ามะเร็งเกิดที่ด้านขวามักจะคลำเจอก้อน ถ้าเกิดก้อนในส่วนลำไส้ใหญ่ส่วนตรงจะทำให้ปวดทวารหนัก ความรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นเลือด นอกจากนี้อาจมีก้อนออกมาทางทวารหนัก ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
ปวดเบ่งต้นทางโรคริดสีดวงทวาร
"เกิดจากหลอดเลือดดำของบริเวณลำไส้ใหญ่โป่งพองหรือยื่นออกมา สาเหตุ หนึ่งคือปัจจัยทางพันธุกรรม สองคนที่ต้องยืนหรือนั่งนาน ๆ เพราะเลือดไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ค่อยดี จะคั่งอยู่บริเวณปลายลำไส้ใหญ่" อาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดเบ่ง เหมือนอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก ขณะถ่ายอุจจาระ มักมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน ระคายเคืองและรู้สึกไม่สบายบริเวณทวารหนัก ถ้าทานอาหารกากใยน้อยจะทำให้การขับถ่ายไม่ดี เวลาเราถ่ายจะต้องเบ่งเยอะ ทำให้ความดันในช่องท้องสูง ทำให้เส้นเลือดในบริเวณก้นมันโป่ง
ฟื้นฟูเพื่อระบบย่อยแข็งแรง โดยรวมอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารอันดับหนึ่ง คือ อาหารที่มีกากใยสูงก็มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ เพราะอาหารที่มีกากใยสูงเปรียบเสมือนไม้กวาด ที่คอยทำความสะอาดลำไส้ ตับ และระบบ ย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น และยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า อาหารที่มีเอนไซม์ก็ดีต่อการช่วยย่อยเช่นกัน เช่น สับปะรด ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์สูงช่วยย่อยโปรตีน ช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร มะละกอ มะม่วง มีเอนไซม์ชื่อปาเปนที่มีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ช่วยทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหารได้ดี นอกจากนี้อาหารบางประเภทก็มีประโยชน์ในการเยียวยาโรคบางชนิดได้ เช่น โยเกิร์ต ถั่วเมล็ดแห้ง สลัดใบเขียว มันเทศ ผลไม้ต่างๆ แครอท ก็มีประโยชน์ต่อโรคลำไส้แปรปรวนโดยตรง เพราะโยเกิร์ตมีแบคทีเรียตัวดีที่ช่วยให้แบคทีเรียฟลอราในลำไส้เจริญเติบโต ซึ่งช่วยบรรเทาอาการของลำไส้แปรปรวนได้ ขณะที่ถั่วเมล็ดแห้ง สลัดผักใบเขียว มันเทศ มีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำช่วยป้องกันอาการท้องผูก ส่วนผลไม้ต่าง ๆ และแครอทซึ่งมีเส้นใยอาหารละลายน้ำจะช่วยลดอาการท้องร่วงในผู้ที่เป็นโรคนี้ได้ สำหรับภาวะกรดไหลย้อน ก็มีถั่วเมล็ดแบน มันฝรั่ง ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดขาว มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่กระเพาะย่อยได้ง่ายก็ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนที่อก ยอดแค ถั่วเมล็ดแห้ง ผักต่าง ๆ ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ช่วยลดน้ำหนักได้ และบรรเทาอาการแสบร้อนที่อกได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า อาหารประเภทเต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้งโดยเฉพาะถั่วที่มีสีแดงและสีขาว มีส่วนช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารได้ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาจากดัชนีมวลกายทั้งชายและหญิง โดยน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง ให้ได้ดัชนีมวลกายไม่ให้เกิน 23 วัดรอบเอวดู ผู้หญิงรอบเอวไม่เกิน 80 เซนติเมตร ผู้ชายไม่เกิน 90 เซนติเมตร การออกกำลังกายที่ดีต่อระบบย่อย น่าจะเป็นการเดินหรือการวิ่งเพราะจะได้เคลื่อนไหว ทำให้ระบบดียิ่งขึ้นถ่ายอุจจาระก็ง่ายขึ้นด้วย
เป็นไงบ้างครับพี่ๆเพื่อนๆน้องชาว Solvay ใครมีอาการตรงกับบริเวณไหนก็แชร์กันมานะครับผม
การไม่โรคเป็นลาภอันประเสริฐ รักษาสุขภาพบ้างนะ
ตอบลบต่อไปนี้กินอาหารทุกมื้อต้องมีผักเเละผลไม้ร่วมด้วยเเล้วหละ จะได้ไม่ปวดท้อง มันทรมารม้วกม้วก
ตอบลบขึ้นอยู่กับการกินนะครับ กินให้ถูกวิธี กินให้ถูกหลักอนามัย ไม่กินของแปลกๆที่ท้องไม่เคยกิน ช่วยทำให้ไม่ปวดท้องนะครับ
ตอบลบส่วนคนที่ท้องไม่ค่อยดีแนะนำให้ ดีทอค ลำไส้บ้างนะครับ อย่างที่พี่จำนงเคยเอามาลง ผมว่ามันได้ผลดีเลยทีเดียวครับ ลองทำดูครับ
ตอบลบงานมีขี้บ่อย งานน้อยค่อยๆขี้ งานไม่มีไม่ขี้เลย 5555555
ลบการดูแลเรื่องอาหารการกินนั้นสำคัญมากๆ เพราะการกินอาหารเข้าไปนั้นมีส่วนสำคัญกับระบบขับถ่ายของเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นการแก้ไขหรือป้องกันเบื้องต้นนั้นขึ้นอยู่กับการกินอาหารของเราว่าจะกินอย่างไร แต่ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยคำนึงถึงเรื่องท้องไส้ อร่อยเข้าว่า ดังนั้นเราควรป้องกันการกินอาหารเพื่อสุขภาพของท้องลำไส้และตัวคุณเอง
ตอบลบหลังจากอายุก้าวเข้า30แล้วระบบลำไส้ผมผิดปกติ อาหารไม่ย่อยเลย
ตอบลบอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารอันดับหนึ่ง คือ อาหารที่มีกากใยสูงก็มีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น เพราะอาหารที่มีกากใยสูงจะทำความสะอาดลำไส้ ตับ และระบบ ย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น ควรฝึกการขับถ่ายด้วยช่วงเช้าเหมาะสมที่สุด
ตอบลบการเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ อย่างเช่นผักผลไม้ ออกกำลังกายอย่างสำเสมอ กินอาหารที่ตรงต่อเวลาก็จะช่วยได้อีกส่วนหนึ่ง
ตอบลบการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐเห็นเพื่อนที่ชอบกินเหล้าก็เบาๆกันหน่อยนะครับหันไปกินผัก ผลไม้กันบ้างนะครับ
ตอบลบอ่านแล้วทำให้รู้ถึงอันตรายต่อกระเพราะและลำไส้ รวมทั้งอวัยวะต่างๆที่อยู่ภายใน
ตอบลบนั้นเราควรหันมากินผักดูแลสุขภาพกันสักหน่อย ก่อนที่จะไม่ทันการณ์
สิ่งที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย ห่างหายไปนานเมื่อไหร่ดีละครับกะบี
ตอบลบใครท้องผูกเเนะนำกินมะละกอ หรือทำดีทอคลำใส้โดยใช้กาแฟ(ปรึกษาคุณยุรี)
... เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องไกล้ตัวต้องหมั่นดูแลตัวเองครับ ผมคนนึงกินข้าวไม่ค่อยเป็นเวลา กลัวเป็นโรคกระเพาะเหมือนกันครับ แต่พยามๆทานให้ตรงทุกมื้อ
ตอบลบนมเปรี้ยว ช่วยแก้อาการท้องร่วงได้จริงมั้ยครับ ได้ยินเค้าว่ามาว่าในนมเปรี้ยวมี จุลินทรีแลคโตบาซีลัต ช่วยลดอาการท้องร่วงได้ดี รบกวนสอบถามผู้รู้หน่อยครับ
ตอบลบช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าร้อนแล้ว! ต้องระวังเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษด้วยนะครับ ยิ่งอาหารดิบๆสุกๆ.......ควรหลีกเลี่ยงครับอาจทำให้ท้องเสียได้
ตอบลบเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับพี่อิฐ ปกตฺก็ไม่ได้ใส่ใจอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองมากสักเท่าไหร่ แต่เนื้อหาของพี่อิฐหน้าสนใจดีครับ ทำให้ผมต้องดูแลสุขภาพมากขึ้นกว่านี้แล้ว จะได้หาวิธีป้องกันตั้งแต่เริ่มครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบเรื่องการขวบคุมอาหารการกิน คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะว่าอาการของแต่ละอาการมักเกิดจาก การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้ร่ายการทำงานหนัก ทางที่ดีเราควรควบคุมอาหารการกินเป็นดีที่สุดนะครับ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆนะครับ
ตอบลบเป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้ อาการแต่ละอาการที่ปวดก็แตกต่างไปอีกไม่มีข้อมูลก็ไม่รู้เลย ดีครับที่พี่อิฐเอาข้อมูลนี่มาลงให้อ่าน จะได้สังเกตุอาการปวดท้อง เพราะที่บ้านก็มีคนปวดท้องอยู่บ่อยครั้ง
ตอบลบเวลาทำงานอย่าลืมกินข้าวให้เป็นเวลานะครับเดียวจะเป็นโรคกระเพาะนะครับโรคนี้ก็หายยากเหมือนกันต้องพกยาลดกรดติดตัวตลอดเวลาเหมือนเพื่อนร่วมงานเราคนที่หล่อๆๆๆอยู่แถวพยูนเขาทำงานหนักกินข้าวไม่เป็นเวลา...........อิอิ.......ล้อเล่น.........
ตอบลบควรเลือกกินอาหารที่เป็นผักผลไม้ เป็นอาหารหลักเพราะจะเป็นตัวต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยระบบการขับถ่ายได้ดี ลดปัญหาเกี่ยวกับการเกิดโรคมะเร็งในลำไล้
ตอบลบถ้ามีอาการเกี่ยวกับภายในลำไล้ควรรีบไปหาเเพทย์ทันทีเพราะจะได้เเก้ปัญหาได้ทันเวลาอย่าปล่อยไว้อาจจะเเก้ไม่ทัน
ตอบลบส่วนคนที่มีน้ำหนักมาก ควรลดอาหารและออกกำลังอย่างสำเสมอ เพราะถ้าน้ำหนักมากก็จะมีผลต่อสุขภาพอีก
ตอบลบความไม่มีโรคเป็น ลาภอันอันประเสริฐ อย่าคำพระทันว่าจริงๆครับ เพราะเวลาเจ็บป่วยทีเงินก็ช่วยอะไรไม่ได้
ตอบลบกินผักเยอะๆช่วยย่อยได้ดีครับบบบบบ
ตอบลบสิ่งที่ดีที่สุด คือ การออกกำลังกาย และ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ครับบบบบบ
ตอบลบการทานผักเป็นประจำนอกจากจะช่วยให้การขับถ่ายดีแล้ว ก็ยังลดอาการปวดท้องได้นะครับ
ตอบลบสุดท้ายการไม่มีโรคนั้น เป็นลาภอันประเสริฐนักแล จริงๆเลยครับ
ตอนนี้ก็ย่านเข้าหน้าร้อนแล้วนะครับ ยังไงก็ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด และเลือกอาหารปรุงสุกและสดใหม่อยู่เสมอนะครับ เป็นห่วงพี่น้องทุกท่านครับ
ตอบลบจากที่ผมศึกษาเรื่องพยาธิมา เป็นสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวมากนะครับบางชนิดอาจทำให้เราถึงตายได้ใครที่ชอบกินสุกๆดิบๆก็หมั่นถ่ายท้องบ้างนะครับ
ตอบลบระวังการทานอาหาร ในหน้าร้อนกันนะคร๊าฟ เพราะอาจจะเกิดอาการของอาหารเป็นพิษ
ตอบลบทำให้เกิดอาการปวดท้องแล้วท้องเสียรุนแรงได้จร้าาา
เป็นบทความที่มีประโยชน์มากครับท่าน อิฐ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหากับการขับถ่ายครับ
ตอบลบเป็นบทความที่มีประโยชน์มากครับ แต่มีข้อควรระวังอีกอย่างนึงคับ เวลาหิว ๆ หาอะไรทานไม่ได้ หลายคนมักแอบเปิดตู้เย็นหยิบผลไม้มาทานรองท้อง ซึ่งก็ช่วยให้อยู่ท้องได้บ้างล่ะ แต่ว่า...ถ้าจะทานผลไม้อะไรก็ต้องเลือกหน่อยนะคับ อย่างผลไม้บางชนิดต้องเลี่ยงไว้ก่อนเลย เพราะถ้ากินขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ นั่นก็คือ
ตอบลบลูกพลับ เพราะตอนท้องว่างกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามาก หากไปรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เรามีอาการคลื่นไส้ และระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
มะละกอ เพราะเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก จึงไม่ควรทานตอนท้องว่าง
สับปะรด ส้ม มะนาว มีรสชาติเปรี้ยว ทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
แต่ผมส่วนมากจะปวดท้องมากกกกกก เวลาหิวข้าวอะครับ 5555555+++
อาหารที่เพื่อนๆนำมากินกันตอนเข้ากะก็ควรจะเวฟให้ร้อนก่อนก็ดีนะครับเดียวจะท้องร่วงได้ง่ายๆนะครับบบ
ตอบลบการกินข้าวแล้วปวดท้อง(อึ)มีใครเป็นมั้ยครับ สงสัยมั้ยครับ คือกระเพาะเรา ก็ยังมีการเผาผลาญ และอาหารหลงเหลืออยู่ เวลาขับถ่าย มันจะออกมาเกลี้ยงท้อง
ตอบลบบางครั้งอาหารประเภทเนื้่อสัตว์ ค้างอยู่ในกระเพาะ 2-3 วัน สำหรับคนที่ย่อยยากๆๆ บางคนก็นานมาก อาหารก็จะต่อแถวกันรอออกมา
....ให้คิดถึงท่อน้ำเส้นหนึ่ง วันนี้เรากินอะไร มันก็อยู่อันดับแรก จากนั้นสิ่งที่ 2 จากนั้นทยอยไปเรื่อยๆๆ สิ่งใดย่อยไม่หมด ก็ยังคงลำเลียงตามสายท่อนั่นเอง ....บางคนทานน้ำน้อยเกินไป อาหารย่อยก็แสนจะแข็งจริงๆๆ ..บางคนทานอาหารเหลว เยอะ ก็ขับถ่ายสะดวกหน่อย
ดังนั้นไม่แปลกหรอกสำหรับคนขับถ่ายดี สุขภาพน่าจะดีด้วยนะ ไม่น่าจะมีปัญหาอุดตันของสิว หรือสิ่งต่างๆๆ เพราะการเผาผลาญดี แม้มีก็หายไวครับอย่าเป็นกังวล
ไม่ถ่ายนี่น่ากลัว บ่อเกิดแห่งโรคต่างๆๆ ที่ร้ายแรงทั้งนั้น หากไม่ถ่าย 7-10 วัน อัมพาต อัมพฤกษ์อาจจะถามหาได้ คิดดูแล้วกันว่า ทรมานขนาดไหน....
การกินที่ดีไม่ให้เกิดการปวดท้องจากอาหารก็คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ส่วนการปวดท้องจากสุขภาพก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ตอบลบการกินอาหารถ้าเรากินให้ถูกสุขนามัยแล้วผมว่าน่าจะช่วยในส่วนนี้ได้พอสมควรและมีอีกอย่างนะครับถ้าเกิดการปวดท้องมีปัญหาบ่อยๆอาจมีผลกระทบต่อลำไส้ได้ครับ
ตอบลบมีประโยชน์มากเลยครับ ส่วนใหญ่พวกเราที่เข้ากะ จะมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารได้ง่าย เนื่องจากเราจะมีโอกาสทานข้าวไม่ตรงเวลาอยู่บ่อยๆ ผมเองก็เป็นกระเพาะอาหารอักเสบอยู่ช่วงนึง ยังไงฝากรักษาสุขภาพกันด้วยนะคร้าบบ
ตอบลบอย่างนี้ต้องลดอาหารพวกเนื้อสัตว์ หันมากินผักและผลไม้เยอะๆ ซะแล้ว เพราะว่าท้องผูกบ่อยมาก เลย
ตอบลบตัวผมเองกปวดท้องอยู่บ่อยๆคับเพราะว่ามีโรคประจำตัวคือโรคกระเพาะคับรักษาให้หายขาดยากมาก ปีนี้ก็รักษาสุขภาพกันด้วนนะคับ...
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาให้เราได้อ่านและเป็นความรู้ที่ทำให้เราสามารถรู้ถึงสาเหตุของอาการเบื้องต้นของโรคที่อาจจะเป็นหรือไม่เป็น ขอบคุณคับ
ตอบลบการกินก็สำคัญกินข้าวเหนียวยิ่งไม่ย่อยใหญ่เลยจะลดท้องอืดท้องเฝ้อนี่ยากจัง.
ตอบลบผมเองก็ปวดท้องอยู่บ่อย เลยต้องซัด....เข้าไปหายทุกที แต่สำหลับการทานอาหารตรงเวลาช่วยได้นะครับ 5 หมู่อย่าลืมกันหล่ะ
ตอบลบฤดูร้อนเป็นฤดูที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด ในบางพื้นที่ของประเทศที่ประสบกับภาวะภัยแล้ง ในช่วงฤดูร้อนนี้อาจจะเกิดการระบาดของโรคติดต่อบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ บิด อหิวาตกโรค ไข้รากสาดน้อย หรือไข้ไทฟอยด์ เป็นต้น จึงควรระมัดระวังในเรื่องความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม และภาชนะในการใส่อาหาร ตลอดจนให้มีการใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ
ตอบลบสำหรับพี่ๆที่อายุมากๆแล้วการกินเป็นอะไรที่สำคัญมากควรกินให้เหมาะสมกับเพศกับวัยนะครับ
ตอบลบการกินนี้มีส่วนสำคัญกับท้องมากเลยครับ ต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทานผักเยอะๆ ไม่กินแล้วก็ก็ทำงานหนักๆ หรือกินแล้วนอนครับ
ตอบลบชุคสมัยนี้โรคภัยเยอะแยะไปหมดจะกินอาไรต้องระมัดระวัง
ตอบลบ