By Nick
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องแนวคิดส่งเข้ามาเท่าไหร่ วันนี้เลยหาเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดมาบำรุงเสริมความรู้ให้ทุกคนได้กลับไปคิดมองย้อนหาตัวเองแล้วนำไปปรับใช้กันครับ
1.ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้
1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเอ งมาก อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมาก ับความ รู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางข องโลก ดังนั้นก็อย่าไปให้ความสำคั ญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา
2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม
2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็ นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่ เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมด ไม่มากก็น้อย ในแง่ของความสุข เราไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรเพ ื่อให้มีความสุข วิธีมีความสุขของคนเรามีมาก มายหลายอย่าง และเราไม่ควรเลือกวิธีที่สร ้างภาระให้กับตนเอง
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่ม ีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่ า ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หัดเว้นที่วางไว้ให้ความผิด พลาดบ้าง ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้ที ่ติ การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่อ งธรรมดาของชีวิต เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับป รุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆซากๆ
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้ น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดี แม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหล มเพียงไรมันก็คือความโง่ชนิ ดหนึ่ง คนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของค นอื่นนับเป็นคนหาความสุขได้ ยากนัก
5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ
5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตา ย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเ ป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู ้ และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคน ปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้
6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทา
6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องขอ งการ นินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่ าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนิน ทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินท าคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โ ลก มีมาช้านานแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้ก ับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินท า ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุ งตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีราคา สร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝ ึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาค นอื่นเช่นกัน
7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน
7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป ็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตั วเอง มีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้ าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียง พอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มาก กว่าการหาเงิน การยุติความเป็นขี้ข้าของอำ นาจเงินนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็จะเป็นชีวิตที่เกิดมาแล้ว ตายไปเปล่าๆ ด้วยเหตุที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการสะสมเงิน ทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาท เดียว
8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ
8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต ่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้าง เต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องท ี่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียง ความถูกต้องที่กิเลสของตัวเ องลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบ านจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า ที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไ ปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วห รือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะ หาความสุขได้ยากเต็มที
9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด
9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างใน ที่มืด หมายความว่า ตรงไหนที่มันมืด เราควรไปเป็นดวงไฟส่องทางให ้เขา ตรงไหนที่ไม่มีคนช่วย เราควรไปทำ เช่น ลองหาเวลาไปรับประทานอาหารร ้านที่ไม่มีลูกค้าเข้า อย่ามุ่งแต่เรื่องกิน ให้การกินของเรามันเป็นการช ่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ร้านเขาไม่มีลูกค้า แล้วเราเข้าไปนั่ง มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงกำลังใจ อย่าคิดถึงการบริการที่ดีที ่สุด อย่าคิดถึงรสชาติของอาหารให ้มาก นัก ให้คิดว่า เรากำลังเป็นผู้ให้ เดินเข้าร้านหนังสือ หนังสือเล่มไหน เก่าที่สุด เราอ่านเนื้อหาแล้วสนใจ หยิบมันขึ้นมาแล้วจ่ายเงิน นำมันกลับบ้าน เหลือหนังสือเล่มสวยๆ ไว้ให้คนอื่นๆ ได้ซื้อได้อ่าน อย่าไปบ้ากับการเก็บสิ่งที่ ดีที่สุด อย่าไปบ้ากับการปรนเปรอสิ่ง ที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่ให้เน้นจิตใจที่ดีที่สุด ใช้วัตถุ ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการ ซื้อจิตใจดีๆ สูงๆ สะอาดๆ ของเรากลับคืนมา วัตถุเป็นเรื่องไม่จีรัง แต่จิตใจดีๆ นั้นเป็นทั้งหมดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ จักรักษาดูแลเอาไว้ไม่ให้เก ิดความเสียหาย
10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำน
11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริง
12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต
14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของ
10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำน าจวัตถุนิยม
10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำน าจวัตถุนิยม หมายความว่า ต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ และมีปัญญาในการมองเห็นว่า อะไรคือสิ่งจำเป็น อะไรคือสิ่งที่เราถูกโฆษณาห ลอก เรากำลังเป็นตัวของตัวเอง หรือเรากำลังบ้ากระแสสังคมอ ย่างไม่ลืมหูลืมตา ลดความจำเป็นเรื่องแฟชั่น ลดความจำเป็นเรื่องโทรศัพท์ ลดความจำเป็นเรื่องสิ่งของเ ครื่องใช้ ก่อนจะซื้อ ก่อนจะอยากได้ ให้ลองถามตัวเองว่า เราอยากได้เพราะอะไร เพราะมันจำเป็น เพราะอยากเท่ อยากดูดีในสายตาของอื่น หรือเพราะอะไรกันแน่ๆ ตอบตัวเองให้ได้ชัดๆ ในเรื่องของความจำเป็นนี้ พูดได้เลยว่า ของในชีวิตส่วนใหญ่ที่เราคร อบครองกันอยู่มีไว้โชว์ มากกว่ามีไว้ใช้
11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริง ง่ายๆ
11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริง ง่ายๆ หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้ให้เป็นเรื ่องปกติ ความผิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิดน ั้นเป็นเรื่องเสียหาย และส่งผลเสียกับชีวิตเป็นวง กว้าง เพราะการปรับปรุงตัวนั้นมีจ ุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัวว่าตั วเองทำไม่ดีแล้วดันทุรัง ก็คือคนที่ไม่มีโอกาสปรับปรุงตน เองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็น แต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็โชยออกมาอ ยู่วันยังค่ำ
12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต ้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม
12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต ้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเ ป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิ ต อย่าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็ จด้านเงินทองเพียงอย่างเดีย ว แต่เราควรให้ความสำคัญกับคุ ณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละ เราควรเคารพและชื่นชมใครซัก คนที่ความดีของเขาไม่ใช่ราย ได้ของเขา ทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับ เรื่องของเงินๆ ทองๆ มากเกินไป ใครหาเงินได้มาก แปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้คุณค่าที่ผ ิดพลาด การคิดเช่นนี้ย่อมเป็นการปล ูกฝั่งค่านิยมในระดับจิตวิญ ญาณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาส ของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสีย แล้ว เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุข ของเราไว้กับเงินด้วย เราเลือกต้นแบบอย่างไร ชีวิตของเราก็จะมุ่งหน้าไปท างนั้น สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจาก ทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง
13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด
13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะ กับคนใกล้ชิด หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอก ตรม คือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับคนที่บ้า น ขอให้ใช้คนที่บ้านเป็นเครื่ องมือฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอม เสียเปรียบคนในครอบครัวให้ม ากที่สุด ดีกับเขาให้เหมือนเขาเป็นคน เดียวกับเรา อย่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องน อกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เพราะมันจะสร้างแต่ความทุกข ์ให้ชีวิต ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีว ิตคนเรา ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ ได้ ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูด ถึง ต่อให้หลอกคนทั้งโลกได้ว่าช ีวิตประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อน กลับมาสร้างความละอายใจให้ต ัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า สิ่งดีๆ ที่ทำแล้วชื่นใจก็ขอให้ทำให ้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูด ครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิตเน่า ส่วนที่เหลือก็เน่าทั้งหมด
14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของ ศาสนาตน
14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของ ศาสนาตน หมายความว่า เรานับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจคำสอนของศาสนาน ั้น แม้ทำตามคำสั่งสอนยังไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ ขอให้ถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ หัวใจของศาสนาตัวเองคืออะไร เรารู้แล้วหรือยัง หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วลองเขียนดู ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไ ป ก็แปลว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศ าสนาของเรา อย่าหลอกตัวเองว่าเรารู้แล้ ว ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน นึกเรื่องจะเขียนไม่ออก ก็แปลว่าเราไม่รู้ เรียบเรียงไม่ได้ ความคิดยังไม่ตกผลึกทั้งๆ ที่นับถือศาสนานี้มาแล้วชั่ วชีวิต ย่อมหมายความว่า เราเป็นคนไม่ใส่ใจในศาสนาตน เองเท่าที่ควร ไม่ต้องไปตกใจหรือรู้สึกผิด บาป ทุกอย่างแก้ไขได้ ขอให้รีบปรับปรุงตัวเสียแต่ วันนี้ ก็ยังไม่สาย ศาสนาเป็นรากของจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วค่อยไปใส่ใจในวัยชรา เพราะถึงเวลานั้น ก็คงไม่ทันการแล้ว
15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ
15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่ง สอนจนสำเร็จ หมายความว่า เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะ ไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่าน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให ้ได้ อย่าน้อยที่สุด ก็ขอให้อายตัวเองเมื่อคิดจะ พูดโกหก เมื่อจะเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตรงธรรม บุคคลในอุดมคติของแต่ละศาสน าไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาส ไปถึง สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่นับถืออะไร ก็ขอให้นับถือความดี ซื่อสัตย์กับความดี
คาถาง่ายๆ ที่สำหรับผู้ไม่มีศาสนาก็คื อ
“เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปท ำสิ่งนั้นกับคนอื่น”
ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้ นมีอยู่เพียงข้อเดียวนั่นก็ คือ
“อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจข องตนเอง”
คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกในนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ด ีของโลกและเพื่อนมนุษย์แล้ว โดยสมบูรณ์
คาถาง่ายๆ ที่สำหรับผู้ไม่มีศาสนาก็คื
“เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปท
ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้
“อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจข
คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกในนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ด
วิธีหาความสุขทั้ง 15 ข้อนี้คือสิ่งที่ทำได้ทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอ าไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อจนครบทั้ง 15 ข้อ ถึงแม้คุณไม่ได้บรรลุธรรมแต ่คุณก็จะเป็นบุคคลที่ทรงคุณ ค่าที่สุดคนหนึ่งทีเดียว และหากใครเบื่อการเวียนว่าย ตายเกิด เมื่อทำทั้ง 15 ข้อนี้ได้ก็มีโอกาสบรรลุเป็ นอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งใ นชาติปัจจุบัน เปรียบเหมือนคนที่เตรียมควา มพร้อมมาดี เพียงเติมส่วนที่ขาดเล็กน้อ ยก็บรรลุถึงฝั่งฝันได้ไม่ยา ก
ขอให้ทุกคนสนุกกับการหาความ สุขให้ตนเองในแบบง่ายๆ
ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า
มีปัญญาสามารถเปลี่ยนโลกแห่ งนี้
ให้เป็นสวนดอกไม้แห่งชีวิตไ ด้สำเร็จกันทุกคน…
Credit: http://www.facebook.com/ talktopasin2013
http://happyhappiness.monkiezgrove.com/2013/09/11/15-way-to-happiness-pasin/
ขอให้ทุกคนสนุกกับการหาความ
ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า
มีปัญญาสามารถเปลี่ยนโลกแห่
ให้เป็นสวนดอกไม้แห่งชีวิตไ
Credit: http://www.facebook.com/
http://happyhappiness.monkiezgrove.com/2013/09/11/15-way-to-happiness-pasin/
อยู่อย่างพอเพียง พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้ ชีวิตก็มีความสุขครับ
ตอบลบทำในสิ่งที่เรารัก ถ้าเราทำในสิ่งที่ตัวเองชอบตัวเองรักเราก็จะมีความสุขกับสิ่งนั้น แต่ถ้าเกิดว่าเราต้องทำงานในสิ่งที่เราไม่ได้ถนัดคิดว่าตัวเองไม่ชอบเลยไม่รักเลย ทำอย่างไร จงรักมันต้องสร้างความคุ้นเคย สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง มองให้เห็นประโยชน์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นเกิดประโยชน์อะไร เราทำไปเพื่ออะไร บางคนบอกว่า อ๋อ ทำไปเพื่อที่จะได้สั่งสมบุญ ทำงานไปจะได้มีปัจจัยมามากขึ้น จะได้เอาไปทำบุญ อันนี้ทำให้เราเกิด ความรักในงาน ก็คือเราทำในสิ่งที่เรารักแล้ว ทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเรานั่นเอง
ตอบลบทำอะไรก็ได้ถ้าทำเเล้วมีความสุข ทำเเต่พอดีเเละพอเพียง
ตอบลบการทำให้ครบทุกข้อคงต้องใช้เวลา
ทำข้อที่ 15 ได้ ก็ถือว่าน่าจะครอบคลุมได้ทั้งหมด
ทำในสิ่งที่เราใช่ ทำในสิ่งที่เราชอบ และบอกกับตัวเองว่า ทำไปเหอะในส่วนที่ออกมาจากความคิดที่ดีๆของเรา เหมือนกับที่ ตูน บอดี้สแลมบอกไว้ว่า...แค่คิดดี ทำดี ก็พอ แต่มันก็มีของขัดแย้งกับความคิดของเราด้วยว่า เราไม่สามารถคิดหรือทำคนเดียวได้ต้องมีหลายๆอย่างเข้ามาช่วยกันนะ ถ้าเราคิดว่า ความคิดที่เราช่วยกันคิดนั้นมันดีจริงโดยที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ส่วนตัวมาตัดสินแค่นี่ก็มีความสุขมากแล้ว สุขทุกข์ใดที่เกิด ย่อมสลายหายไปได้ ด้วยตัวท่านเองนะ.....
ตอบลบข้อคิด 15 ข้อนี้ทำให้ผมชุกคิดขึ้นมาเลยครับ เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่างน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ (คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ครับ....พี่น้อง)
ตอบลบส่วนตัวเเล้วผมชอบข้อ 7 กับข้อ 10 มากเลยครับ ทุกวันนี้คนเราน่าจะเป็นแแบบสองข้อนี้เยอะมากเลยครับ
ตอบลบการฝึกตนตามคำสอนของศาสนาจะทำให้ใจเรามีความสุขมากนะครับค่อยๆฝึกแล้วจะเจอด้วยตัวเอง
ตอบลบนานๆจะมีข้อคิดดีดีมาให้เราได้ฝึกอ่านกันสักครั้ง อ่านและทำความเข้าใจในสิ่งนี้ การที่เราลองฝึกทำเรื่องที่เราไม่เคยทำ อาจเป็นการค้นพบความสุขแบบใหม่ๆให้จิตใจ ลองปล่อยจินตนาการให้ว่างแล้วทำสมาธิ คิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่อใคร ทำ ทำไมแล้วเราอาจค้นพบความสุขที่แท้จริงก็ได้นะครับ อย่าคิดหรือบอกตัวเองว่า กูไม่ทำก็กูเป็นของกูแบบนี้ ลองเปลี่ยนดูเถอะครับความสุขก็จะมาเองโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว แล้วสิ่งดีดีในชีวิตจะเข้ามาเองถ้าจิตใจเราเป็นสุข สู้สู้ครับทุกคนความสุขเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเองนะครับ...
ตอบลบต้องฝึกให้ตัวเองคิดว่าอะไรๆเดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่ยั่งยืนทั้งความสุขและความทุกข์
ตอบลบเฉียดวัดแล้วเพื่อนเรา
ลบครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา จงยอมเสียเปรียบเพื่อให้คนในครอบครัวมีความสุข
ตอบลบเพราะ ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
thank you
คงต้องไปฝึกให้ตัวเอง ทั้ง 15 ข้อนี้ให้ครอบคุม และปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อชีวิตจะได้มีความสุข
ตอบลบการรู้จักพอสำคัญที่สุดเมื่อรู้จักคำว่าพอแล้วความอยากได้อยากมีก็ทำอะไรเราไม่ได้ทำตามกำลังที่เรามีไม่ทำเกินตัวเราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลกับความอยากได้อยากมีของตัวเราเองและที่สำคัญอย่า คิดมากเราควรรู้จักปล่อยวางสิ่งไหนที่เป็นของเรามันก็คือของเราเมื่อเราไม่คิดมากก็ไม่เกิดการอิจฉาริษยาซึ้งกันและกัน
ตอบลบทำยังไงก็ได้ให้ตัวเราเองนั้นมีความสุขที่สุดแต่ก็ต้องดูคนรอบข้างด้วยว่าเขาชอบสิ่งที่เราทำอยู่หรือไม่ ถ้าคนรอบข้างไม่ชอบตัวเราเองก็ต้องปรับปรุง ให้คนรอบข้างนั้นชอบเรา ถ้าคนรอบข้างชอบสิ่งที่เราเป็นสิ่งที่เราทำตัวเราเองนั้นก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก
ตอบลบ7.ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน ..ข้อนี้ฝึกยากจริงๆ
ตอบลบความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และพากันแสวงหา ความสุขก็คือความสบายกาย และสบายใจ ในสองอย่างนี้ ความสุขใจ นับว่าเป็นยอดแห่งความสุขในโลก
ตอบลบผมชอบและสนับสนุนข้อ 14,15 เป็นอย่างยิ่งครับพี่น้อง
ตอบลบแนวทางการใช้ชีวิตให้มีคามสุขแบบนี้ผมว่าโอมากกกกกกกกกกก พี่น้อง
ทำได้ทุกข้อก็มีความสูขมากๆ ที่อ่านผมทำได้แค่3ใน4ก็ดีใจแล้วนะ
ตอบลบผมฝึกมานานแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ
ตอบลบความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน แต่ถ้าเปลี่ยนความคิดในทางบวกคงเพิ่มเวลาที่มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนครับ
ตอบลบฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ ครับเราต้องยอมรับกับมันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติครับอย่ายึดติด ปล่อยวางบ้างเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ
ตอบลบไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย ชอบมากเลยประโยคนี้
ตอบลบถ้าทำได้ทั้ง 15 ข้อนี้เราจะประสบแต่ความสุขความสำเร็จ ทำทีเดียวคงยาก ค่อยๆทำกันไปก็จะประสบผลสำเร็จเอง...ไม่ต้องรีบร้อน
ตอบลบสิ่งที่ทำได้ควรรีบทำทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อจนครบ ทำดีชีวีมีสุขครับพี่น้อง อิอิ
ตอบลบฝึกใครใครก็ไม่ยากเท่าตัวเองแน่ๆครับ เพราะว่าการที่จะฝึกตัวเราเองเราต้องตั้งใจกับมันจริงๆเสียก่อนถึงจะทำมันได้สำเร็จ ขอคุณมากครับจากที่ได้อ่านมาทั้ง 15 ข้อ ก็พอจะได้รู้วีธีที่จะสามารถฝึกตัวเองในแบบต่างๆ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นครับ
ตอบลบการที่เราจะเอาชนะทั้ง 15 ข้อนี้ ผมคิดว่าเราต้องฝึกใจตัวเองก่อน เอาชนะความอยากและความไม่อยากของตัวเอง และเราจะต้องมีความตั้งใจที่แน่วแน่ครับ
ตอบลบคิดว่า ควรฝึกในข้อที่คิดว่าทำได้ก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยฝึกในข้อต่อๆไป
ตอบลบมีหลายๆข้อที่ผมทำได้ และก็จะพยายามทำข้อที่เหลือให้ได้คับ
ตอบลบชอบข้อที่2 ฝึกตัวเองเป็นคนที่ไม่สะสมเนื่องจาก การสะสมของมากเราก็ต้องมีภาระมาก บ้างครั้งอาจเกินตัว ทำให้ตัวเราเครียดเกิดการเสียสุขภาพ
ตอบลบความสุขที่แท้จริงคือการปล่อยว่าง ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ทำให้จิตใจมีความสุขสงบมันเป็น อนิจจัง
ตอบลบความสุขเกิดจากการกระทำ เปลี่ยนพฤติกรรม การกระทำก็เปลี่ยน เราก็มีความสุขได้
ตอบลบเป็นแนวทางความคิดที่ดีมากๆครับ การจะทำให้ได้ครบทุกข้อนั้นยอมรับว่ายากจริงๆ แต่การทำให้ได้ทีละข้อค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่น่าจะเหลือเกินกำลังของเรานะครับ ทำให้ได้เป็นนิสัยก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเลยครับ แล้วเราจะมีความสุขครับ
ตอบลบความสุขอยู่ที่มุมมองของเรา
ตอบลบไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องปล่อยวาง
ความสุขเกิดที่ตัวเรา คิดให้มีความสุขเราก็สุข คิดแต่เรื่องความทุกข์เราก็จะทุกข์
ตอบลบเราควรปล่อยวาง เป็นคนง่ายๆ พอเพียง พอใจกับสิ่งที่เรามี
ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า
ตอบลบเป็นแนวทางความคิดที่ดีมากๆครับ การจะทำให้ได้ครบทุกข้อนั้นยอมรับว่ายากจริงๆ แต่เราก็ต้องพยายามทำให้ได้เพราะมันเป็นความสุขของตัวเราเอง
ตอบลบทั้ง 15 ข้อ หากฝึกได้สัก 10 ข้อนี้ถือว่า เก่งมาก และคงเป็นคนที่มีความสุขมากไม่น้อยเลยครับ
ตอบลบจะนำแบบฝึกหัดทุกข้อไปลองทำตามดูนะคับ...
ตอบลบฝึกที่ตัวเองก่อนไปฝึกคนอื่น จริงครับ
ตอบลบ