วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

15 ข้อ ฝึกหาความสุขแบบตัดตรง (ไม่หรูหราแต่ได้ผลจริง)

By Nick



 ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องแนวคิดส่งเข้ามาเท่าไหร่ วันนี้เลยหาเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดมาบำรุงเสริมความรู้ให้ทุกคนได้กลับไปคิดมองย้อนหาตัวเองแล้วนำไปปรับใช้กันครับ

1.ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้

1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมาก อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความ รู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก ดังนั้นก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม

2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย ในแง่ของความสุข เราไม่จำเป็นต้องสะสมอะไรเพื่อให้มีความสุข วิธีมีความสุขของคนเรามีมากมายหลายอย่าง และเราไม่ควรเลือกวิธีที่สร้างภาระให้กับตนเอง

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ

3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หัดเว้นที่วางไว้ให้ความผิดพลาดบ้าง ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ การผิดบ้างถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับปรุงตนเองไม่ให้ผิดพลาดบ่อยๆ ซ้ำๆซากๆ

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ

4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว คนที่พูดจาไม่ดี แม้ว่าคำพูดจะดูฉลาดหลักแหลมเพียงไรมันก็คือความโง่ชนิดหนึ่ง คนที่พูดแต่เรื่องไม่ดีของคนอื่นนับเป็นคนหาความสุขได้ยากนัก

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ

5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทา

6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลก มีมาช้านานแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน

7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเอง มีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน การยุติความเป็นขี้ข้าของอำนาจเงินนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ ชีวิตทั้งชีวิตของเรา ก็จะเป็นชีวิตที่เกิดมาแล้วตายไปเปล่าๆ ด้วยเหตุที่ว่า ใช้เวลาหมดไปกับการสะสมเงินทองที่เอาไปไม่ได้แม้แต่บาทเดียว

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ

8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเองลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ยากเต็มที

9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด

9. ฝึกตัวเองให้เป็นแสงสว่างในที่มืด หมายความว่า ตรงไหนที่มันมืด เราควรไปเป็นดวงไฟส่องทางให้เขา ตรงไหนที่ไม่มีคนช่วย เราควรไปทำ เช่น ลองหาเวลาไปรับประทานอาหารร้านที่ไม่มีลูกค้าเข้า อย่ามุ่งแต่เรื่องกิน ให้การกินของเรามันเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นบ้าง ร้านเขาไม่มีลูกค้า แล้วเราเข้าไปนั่ง มันไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงกำลังใจ อย่าคิดถึงการบริการที่ดีที่สุด อย่าคิดถึงรสชาติของอาหารให้มาก นัก ให้คิดว่า เรากำลังเป็นผู้ให้ เดินเข้าร้านหนังสือ หนังสือเล่มไหน เก่าที่สุด เราอ่านเนื้อหาแล้วสนใจ หยิบมันขึ้นมาแล้วจ่ายเงิน นำมันกลับบ้าน เหลือหนังสือเล่มสวยๆ ไว้ให้คนอื่นๆ ได้ซื้อได้อ่าน อย่าไปบ้ากับการเก็บสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปบ้ากับการปรนเปรอสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง แต่ให้เน้นจิตใจที่ดีที่สุด ใช้วัตถุ ใช้เงินเป็นเครื่องมือในการซื้อจิตใจดีๆ สูงๆ สะอาดๆ ของเรากลับคืนมา วัตถุเป็นเรื่องไม่จีรัง แต่จิตใจดีๆ นั้นเป็นทั้งหมดของชีวิต เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้จักรักษาดูแลเอาไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย

10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม

10. ฝึกให้ตัวเองไม่ไหลไปตามอำนาจวัตถุนิยม หมายความว่า ต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ และมีปัญญาในการมองเห็นว่า อะไรคือสิ่งจำเป็น อะไรคือสิ่งที่เราถูกโฆษณาหลอก เรากำลังเป็นตัวของตัวเอง หรือเรากำลังบ้ากระแสสังคมอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลดความจำเป็นเรื่องแฟชั่น ลดความจำเป็นเรื่องโทรศัพท์ ลดความจำเป็นเรื่องสิ่งของเครื่องใช้ ก่อนจะซื้อ ก่อนจะอยากได้ ให้ลองถามตัวเองว่า เราอยากได้เพราะอะไร เพราะมันจำเป็น เพราะอยากเท่ อยากดูดีในสายตาของอื่น หรือเพราะอะไรกันแน่ๆ ตอบตัวเองให้ได้ชัดๆ ในเรื่องของความจำเป็นนี้ พูดได้เลยว่า ของในชีวิตส่วนใหญ่ที่เราครอบครองกันอยู่มีไว้โชว์ มากกว่ามีไว้ใช้

11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ

11. ฝึกให้ตัวเองยอมรับความจริงง่ายๆ หมายความว่า อะไรที่ทำผิด อย่าดันทุรัง ให้พูดคำว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ฝึกพูดคำเหล่านี้ให้เป็นเรื่องปกติ ความผิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนั้นเป็นเรื่องเสียหาย และส่งผลเสียกับชีวิตเป็นวงกว้าง เพราะการปรับปรุงตัวนั้นมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนๆ หนึ่งรู้ตัวว่าทำไม่ดี ดังนั้นคนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ดีแล้วดันทุรัง ก็คือคนที่ไม่มีโอกาสปรับปรุงตน เองให้ดีขึ้น ขอให้รู้ว่า เมื่อเราทำผิด ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ดันทุรังแค่ไหน ผิดมันก็คือผิด หลอกตัวเองได้ แต่หลอกคนอื่นไม่ได้ เหมือนเราบอกว่า ไม่เหม็น แต่กลิ่นเหม็นนั้น ถ้ามันมีจริงมันก็โชยออกมาอยู่วันยังค่ำ

12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม

12. ฝึกให้ตัวเองรู้จักเลือกคนต้นแบบที่ถูกต้องตรงธรรม หมายความว่า เมื่อคิดจะเลือกใครสักคนมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต อย่าไปมุ่งเน้นแต่ความสำเร็จด้านเงินทองเพียงอย่างเดียว แต่เราควรให้ความสำคัญกับคุณค่าในด้านอื่นๆ ด้วยเช่น ความดี คุณธรรม ความเสียสละ เราควรเคารพและชื่นชมใครซักคนที่ความดีของเขาไม่ใช่รายได้ของเขา ทุกวันนี้ คำว่าความสำเร็จถูกใช้ไปกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ มากเกินไป ใครหาเงินได้มาก แปลว่า คนๆ นั้นประสบความสำเร็จมาก ตรงนี้เป็นการให้คุณค่าที่ผิดพลาด การคิดเช่นนี้ย่อมเป็นการปลูกฝั่งค่านิยมในระดับจิตวิญญาณที่ทำให้เราให้ตกเป็นทาสของเงิน เมื่อเราเป็นทาสของเงินเสียแล้ว เราก็จะเป็นคนที่ฝากความสุขของเราไว้กับเงินด้วย เราเลือกต้นแบบอย่างไร ชีวิตของเราก็จะมุ่งหน้าไปทางนั้น สังคมจะดีขึ้นได้ก็เริ่มจากทัศนคติของเราตรงนี้นั่นเอง

13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด

13. ฝึกให้ตนเองเป็นคนไม่ทะเลาะกับคนใกล้ชิด หมายความว่า เราต้องไม่เป็นคนหน้าชื่นอกตรม คือยิ้มไปทั่วกับคนนอกบ้าน แต่กลับมาทะเลาะกับคนที่บ้าน ขอให้ใช้คนที่บ้านเป็นเครื่องมือฝึกจิตใจของตนเอง อะไรที่ยอมได้ก็ขอให้ยอม เสียเปรียบคนในครอบครัวให้มากที่สุด ดีกับเขาให้เหมือนเขาเป็นคนเดียวกับเรา อย่าเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องนอกบ้าน แต่กลับมาเก่งในบ้าน เพราะมันจะสร้างแต่ความทุกข์ให้ชีวิต ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา ถ้าหาความสุขจากครอบครัวไม่ได้ ความสุขที่อื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้หลอกคนทั้งโลกได้ว่าชีวิตประสบความสำเร็จ แต่ภาพที่สร้างขึ้นมา ก็เป็นแค่ภาพลวงตาที่จะย้อนกลับมาสร้างความละอายใจให้ตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมพ่อแม่ ยอมลูกเมีย ยอมสามี ยอมคุณตาคุณยายคุณปู่คุณย่า สิ่งดีๆ ที่ทำแล้วชื่นใจก็ขอให้ทำให้บ่อย คำพูดดีๆ ที่พูดได้ก็ขอให้พูด ครอบครัวคือรากของมนุษย์ ถ้ารากของชีวิตเน่า ส่วนที่เหลือก็เน่าทั้งหมด

14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน

14. ฝึกตัวเองให้เข้าใจคำสอนของศาสนาตน หมายความว่า เรานับถือศาสนาอะไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจคำสอนของศาสนานั้น แม้ทำตามคำสั่งสอนยังไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจถึงแก่นแท้ ขอให้ถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ หัวใจของศาสนาตัวเองคืออะไร เรารู้แล้วหรือยัง หยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่น แล้วลองเขียนดู ถ้าไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรลงไป ก็แปลว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศาสนาของเรา อย่าหลอกตัวเองว่าเรารู้แล้ว ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน นึกเรื่องจะเขียนไม่ออก ก็แปลว่าเราไม่รู้ เรียบเรียงไม่ได้ ความคิดยังไม่ตกผลึกทั้งๆ ที่นับถือศาสนานี้มาแล้วชั่วชีวิต ย่อมหมายความว่า เราเป็นคนไม่ใส่ใจในศาสนาตนเองเท่าที่ควร ไม่ต้องไปตกใจหรือรู้สึกผิดบาป ทุกอย่างแก้ไขได้ ขอให้รีบปรับปรุงตัวเสียแต่วันนี้ ก็ยังไม่สาย ศาสนาเป็นรากของจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทิ้งๆ ขว้างๆ แล้วค่อยไปใส่ใจในวัยชรา เพราะถึงเวลานั้น ก็คงไม่ทันการแล้ว

15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ

15. ฝึกตัวเองให้ค่อยๆ ทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสั่งสอนจนสำเร็จ หมายความว่า เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่าน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ อย่าน้อยที่สุด ก็ขอให้อายตัวเองเมื่อคิดจะพูดโกหก เมื่อจะเบียดเบียนผู้อื่น เมื่อจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตรงธรรม บุคคลในอุดมคติของแต่ละศาสนาไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่ถ้าไม่เริ่มก็ไม่มีโอกาสไปถึง สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา หรือไม่นับถืออะไร ก็ขอให้นับถือความดี ซื่อสัตย์กับความดี
คาถาง่ายๆ ที่สำหรับผู้ไม่มีศาสนาก็คื
เราไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่าไปทำสิ่งนั้นกับคนอื่น
ส่วนศีลสำหรับคนไร้ศาสนานั้นมีอยู่เพียงข้อเดียวนั่นก็คือ
อย่าขโมยความดีไปจากจิตใจของตนเอง
คาถาหนึ่งบท กับศีลหนึ่งข้อ ถ้าทำได้ แม้เป็นคนไม่มีศาสนา ก็ไม่เป็นภาระต่อโลกในนี้ เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองที่ดีของโลกและเพื่อนมนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์
วิธีหาความสุขทั้ง 15 ข้อนี้คือสิ่งที่ทำได้ทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อจนครบทั้ง 15 ข้อ ถึงแม้คุณไม่ได้บรรลุธรรมแต่คุณก็จะเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่าที่สุดคนหนึ่งทีเดียว และหากใครเบื่อการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อทำทั้ง 15 ข้อนี้ได้ก็มีโอกาสบรรลุเป็นอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งในชาติปัจจุบัน เปรียบเหมือนคนที่เตรียมความพร้อมมาดี เพียงเติมส่วนที่ขาดเล็กน้อยก็บรรลุถึงฝั่งฝันได้ไม่ยา
ขอให้ทุกคนสนุกกับการหาความสุขให้ตนเองในแบบง่ายๆ
ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า
มีปัญญาสามารถเปลี่ยนโลกแห่งนี้
ให้เป็นสวนดอกไม้แห่งชีวิตได้สำเร็จกันทุกคน…

Credit:  http://www.facebook.com/talktopasin2013
http://happyhappiness.monkiezgrove.com/2013/09/11/15-way-to-happiness-pasin/

39 ความคิดเห็น:

  1. อยู่อย่างพอเพียง พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้ ชีวิตก็มีความสุขครับ

    ตอบลบ
  2. ทำในสิ่งที่เรารัก ถ้าเราทำในสิ่งที่ตัวเองชอบตัวเองรักเราก็จะมีความสุขกับสิ่งนั้น แต่ถ้าเกิดว่าเราต้องทำงานในสิ่งที่เราไม่ได้ถนัดคิดว่าตัวเองไม่ชอบเลยไม่รักเลย ทำอย่างไร จงรักมันต้องสร้างความคุ้นเคย สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง มองให้เห็นประโยชน์ว่าสิ่งที่เราทำนั้นเกิดประโยชน์อะไร เราทำไปเพื่ออะไร บางคนบอกว่า อ๋อ ทำไปเพื่อที่จะได้สั่งสมบุญ ทำงานไปจะได้มีปัจจัยมามากขึ้น จะได้เอาไปทำบุญ อันนี้ทำให้เราเกิด ความรักในงาน ก็คือเราทำในสิ่งที่เรารักแล้ว ทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเรานั่นเอง

    ตอบลบ
  3. ทำอะไรก็ได้ถ้าทำเเล้วมีความสุข ทำเเต่พอดีเเละพอเพียง
    การทำให้ครบทุกข้อคงต้องใช้เวลา
    ทำข้อที่ 15 ได้ ก็ถือว่าน่าจะครอบคลุมได้ทั้งหมด

    ตอบลบ
  4. ทำในสิ่งที่เราใช่ ทำในสิ่งที่เราชอบ และบอกกับตัวเองว่า ทำไปเหอะในส่วนที่ออกมาจากความคิดที่ดีๆของเรา เหมือนกับที่ ตูน บอดี้สแลมบอกไว้ว่า...แค่คิดดี ทำดี ก็พอ แต่มันก็มีของขัดแย้งกับความคิดของเราด้วยว่า เราไม่สามารถคิดหรือทำคนเดียวได้ต้องมีหลายๆอย่างเข้ามาช่วยกันนะ ถ้าเราคิดว่า ความคิดที่เราช่วยกันคิดนั้นมันดีจริงโดยที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ส่วนตัวมาตัดสินแค่นี่ก็มีความสุขมากแล้ว สุขทุกข์ใดที่เกิด ย่อมสลายหายไปได้ ด้วยตัวท่านเองนะ.....

    ตอบลบ
  5. ข้อคิด 15 ข้อนี้ทำให้ผมชุกคิดขึ้นมาเลยครับ เมื่อรู้ว่าศาสนาของตนสอนอะไร ก็ขอให้ทำ ทำด้วยความเบิกบาน ไม่จำเป็นต้องทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้ทำเรื่อยๆ ทำให้ดีขึ้นทุกวัน อย่างน้อย ในแง่ของศีลธรรมก็ควรจะทำให้ได้ (คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ครับ....พี่น้อง)

    ตอบลบ
  6. ส่วนตัวเเล้วผมชอบข้อ 7 กับข้อ 10 มากเลยครับ ทุกวันนี้คนเราน่าจะเป็นแแบบสองข้อนี้เยอะมากเลยครับ

    ตอบลบ
  7. การฝึกตนตามคำสอนของศาสนาจะทำให้ใจเรามีความสุขมากนะครับค่อยๆฝึกแล้วจะเจอด้วยตัวเอง

    ตอบลบ
  8. นานๆจะมีข้อคิดดีดีมาให้เราได้ฝึกอ่านกันสักครั้ง อ่านและทำความเข้าใจในสิ่งนี้ การที่เราลองฝึกทำเรื่องที่เราไม่เคยทำ อาจเป็นการค้นพบความสุขแบบใหม่ๆให้จิตใจ ลองปล่อยจินตนาการให้ว่างแล้วทำสมาธิ คิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่อใคร ทำ ทำไมแล้วเราอาจค้นพบความสุขที่แท้จริงก็ได้นะครับ อย่าคิดหรือบอกตัวเองว่า กูไม่ทำก็กูเป็นของกูแบบนี้ ลองเปลี่ยนดูเถอะครับความสุขก็จะมาเองโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว แล้วสิ่งดีดีในชีวิตจะเข้ามาเองถ้าจิตใจเราเป็นสุข สู้สู้ครับทุกคนความสุขเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเองนะครับ...

    ตอบลบ
  9. ต้องฝึกให้ตัวเองคิดว่าอะไรๆเดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่ยั่งยืนทั้งความสุขและความทุกข์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เฉียดวัดแล้วเพื่อนเรา

      ลบ
  10. ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคนเรา จงยอมเสียเปรียบเพื่อให้คนในครอบครัวมีความสุข
    เพราะ ความสำเร็จที่มากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทดแทนความล้มเหลวของครอบครัวได้
    thank you

    ตอบลบ
  11. คงต้องไปฝึกให้ตัวเอง ทั้ง 15 ข้อนี้ให้ครอบคุม และปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพื่อชีวิตจะได้มีความสุข

    ตอบลบ
  12. การรู้จักพอสำคัญที่สุดเมื่อรู้จักคำว่าพอแล้วความอยากได้อยากมีก็ทำอะไรเราไม่ได้ทำตามกำลังที่เรามีไม่ทำเกินตัวเราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลกับความอยากได้อยากมีของตัวเราเองและที่สำคัญอย่า คิดมากเราควรรู้จักปล่อยวางสิ่งไหนที่เป็นของเรามันก็คือของเราเมื่อเราไม่คิดมากก็ไม่เกิดการอิจฉาริษยาซึ้งกันและกัน

    ตอบลบ
  13. ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเราเองนั้นมีความสุขที่สุดแต่ก็ต้องดูคนรอบข้างด้วยว่าเขาชอบสิ่งที่เราทำอยู่หรือไม่ ถ้าคนรอบข้างไม่ชอบตัวเราเองก็ต้องปรับปรุง ให้คนรอบข้างนั้นชอบเรา ถ้าคนรอบข้างชอบสิ่งที่เราเป็นสิ่งที่เราทำตัวเราเองนั้นก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก

    ตอบลบ
  14. 7.ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน ..ข้อนี้ฝึกยากจริงๆ

    ตอบลบ
  15. มิตรเฮดเดอร์ไฮเปอร์เรดซิ่ง16 เมษายน 2557 เวลา 22:32

    ความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และพากันแสวงหา ความสุขก็คือความสบายกาย และสบายใจ ในสองอย่างนี้ ความสุขใจ นับว่าเป็นยอดแห่งความสุขในโลก

    ตอบลบ
  16. ผมชอบและสนับสนุนข้อ 14,15 เป็นอย่างยิ่งครับพี่น้อง
    แนวทางการใช้ชีวิตให้มีคามสุขแบบนี้ผมว่าโอมากกกกกกกกกกก พี่น้อง

    ตอบลบ
  17. ทำได้ทุกข้อก็มีความสูขมากๆ ที่อ่านผมทำได้แค่3ใน4ก็ดีใจแล้วนะ

    ตอบลบ
  18. ผมฝึกมานานแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ

    ตอบลบ
  19. ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน แต่ถ้าเปลี่ยนความคิดในทางบวกคงเพิ่มเวลาที่มีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนครับ

    ตอบลบ
  20. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ ครับเราต้องยอมรับกับมันว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติครับอย่ายึดติด ปล่อยวางบ้างเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ

    ตอบลบ
  21. ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย ชอบมากเลยประโยคนี้

    ตอบลบ
  22. ถ้าทำได้ทั้ง 15 ข้อนี้เราจะประสบแต่ความสุขความสำเร็จ ทำทีเดียวคงยาก ค่อยๆทำกันไปก็จะประสบผลสำเร็จเอง...ไม่ต้องรีบร้อน

    ตอบลบ
  23. สิ่งที่ทำได้ควรรีบทำทันที แบบไม่ต้องรีรอ ไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ ข้อไหนสะดวกใจให้ทำก่อน ข้อไหนรู้สึกว่ายากก็เว้นเอาไว้ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ เก็บไปทีละข้อจนครบ ทำดีชีวีมีสุขครับพี่น้อง อิอิ

    ตอบลบ
  24. ฝึกใครใครก็ไม่ยากเท่าตัวเองแน่ๆครับ เพราะว่าการที่จะฝึกตัวเราเองเราต้องตั้งใจกับมันจริงๆเสียก่อนถึงจะทำมันได้สำเร็จ ขอคุณมากครับจากที่ได้อ่านมาทั้ง 15 ข้อ ก็พอจะได้รู้วีธีที่จะสามารถฝึกตัวเองในแบบต่างๆ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นครับ

    ตอบลบ
  25. การที่เราจะเอาชนะทั้ง 15 ข้อนี้ ผมคิดว่าเราต้องฝึกใจตัวเองก่อน เอาชนะความอยากและความไม่อยากของตัวเอง และเราจะต้องมีความตั้งใจที่แน่วแน่ครับ

    ตอบลบ
  26. คิดว่า ควรฝึกในข้อที่คิดว่าทำได้ก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยฝึกในข้อต่อๆไป

    ตอบลบ
  27. มีหลายๆข้อที่ผมทำได้ และก็จะพยายามทำข้อที่เหลือให้ได้คับ

    ตอบลบ
  28. ชอบข้อที่2 ฝึกตัวเองเป็นคนที่ไม่สะสมเนื่องจาก การสะสมของมากเราก็ต้องมีภาระมาก บ้างครั้งอาจเกินตัว ทำให้ตัวเราเครียดเกิดการเสียสุขภาพ

    ตอบลบ
  29. ความสุขที่แท้จริงคือการปล่อยว่าง ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ทำให้จิตใจมีความสุขสงบมันเป็น อนิจจัง

    ตอบลบ
  30. ความสุขเกิดจากการกระทำ เปลี่ยนพฤติกรรม การกระทำก็เปลี่ยน เราก็มีความสุขได้

    ตอบลบ
  31. เป็นแนวทางความคิดที่ดีมากๆครับ การจะทำให้ได้ครบทุกข้อนั้นยอมรับว่ายากจริงๆ แต่การทำให้ได้ทีละข้อค่อยเป็นค่อยไปก็ไม่น่าจะเหลือเกินกำลังของเรานะครับ ทำให้ได้เป็นนิสัยก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเลยครับ แล้วเราจะมีความสุขครับ

    ตอบลบ
  32. ความสุขอยู่ที่มุมมองของเรา
    ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องปล่อยวาง

    ตอบลบ
  33. ความสุขเกิดที่ตัวเรา คิดให้มีความสุขเราก็สุข คิดแต่เรื่องความทุกข์เราก็จะทุกข์
    เราควรปล่อยวาง เป็นคนง่ายๆ พอเพียง พอใจกับสิ่งที่เรามี

    ตอบลบ
  34. มิตรเฮดเดอร์ไฮเปอร์เรดซิ่ง8 กรกฎาคม 2557 เวลา 23:55

    ยิ้มทุกวัน มองฟ้าให้เป็นฟ้า

    ตอบลบ
  35. เป็นแนวทางความคิดที่ดีมากๆครับ การจะทำให้ได้ครบทุกข้อนั้นยอมรับว่ายากจริงๆ แต่เราก็ต้องพยายามทำให้ได้เพราะมันเป็นความสุขของตัวเราเอง

    ตอบลบ
  36. ทั้ง 15 ข้อ หากฝึกได้สัก 10 ข้อนี้ถือว่า เก่งมาก และคงเป็นคนที่มีความสุขมากไม่น้อยเลยครับ

    ตอบลบ
  37. จะนำแบบฝึกหัดทุกข้อไปลองทำตามดูนะคับ...

    ตอบลบ
  38. ฝึกที่ตัวเองก่อนไปฝึกคนอื่น จริงครับ

    ตอบลบ