พวกเราอาจจะเคยได้ยินว่า เราเป็นอย่างที่เราคิด สิ่งนี้ดูเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับบางคน แต่ถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ วันๆหนึ่งคนเรานั้นมีความคิดร้อยแปดพันเก้าในหัวของเรา เราเคยสังเกตไหมว่าส่วนใหญ่เราคิดในเชิงบวกหรือลบ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
วันๆหนึ่งเราก็คิดวนเวียนแต่กับ เรื่องของเรา, เรื่องของเขา, ของของเรา, ของของเขา และ ก็เปรียบเทียบเรื่องเรากับเรื่องเขา ของเรากับของเขา น่าคิดไหมว่าทำไมเราไม่คิดถึงแค่แต่เรื่องของเราที่เราสามารถบริหารจัดการกระบวนการคิดได้ มากกว่าจะคิดถึงบุคคลอื่นซึ่งนอกเหนือความสามารถของเราในการควบคุมอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่มักจะพูดกับพวกเราเสมอๆว่า ให้อยู่กับปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องการฝึกอบรม
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ กระบวนการคิดในเชิงบวกต่อตนเองครับ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถควบคุมได้ขณะเรามีสติ มันจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ถ้าเรายัดเยียดความคิดเชิงบวกให้กับตนเองทุกๆวัน ในที่สุดการแสดงออกหรือการตอบสนองต่อบุคคลรวมถึงสถานการณ์ต่างๆก็จะเป็นในเชิงบวก และ สมเหตุผล ขณะที่เราป้อนความคิดเชิงบวกให้กับตนเอง พลังงานเชิงบวกก็จะส่งผ่านออกสู่สิ่งแวดล้อมรอบๆตัว และ ดึงดูดให้บุคคลหรือสิ่งแวดล้อมที่มีพลังงานใกล้เคียงกันเข้ามา จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนที่คิดบวกจึงถูกล้อมรอบด้วยสิ่งดีๆ จนในที่สุดสิ่งที่คิดก็จะถูกทำให้เป็นจริง
กลไกดังกล่าวนั้นอธิบายง่ายๆดังนี้
1. เมื่อเรารับข้อมูลมาจากสิ่งแวดล้อม (ข้อเท็จจริง) เช่น บุคคลรอบๆตัว เป็นต้น
2. เราจะเกิดความคิด ซึ่งพื้นฐานส่วนใหญ่จะมาจากการสั่งสมของความคิดในอดีต ถ้าปกติเป็นคนที่มีทัศนคติดี ก็จะตีความสิ่งที่รับรู้ในแง่ดีเป็นต้น
3. จากนั้นเราก็จะเกิดความรู้สึกต่อสิ่งที่คิด ตามการตีความดังกล่าว
4. จึงเกิดการตอบสนองต่อสิ่งที่มากระทบ แน่นอนว่าถ้าการตีความเป็นในเชิงบวกจนรู้สึกบวก การตอบสนองย่อมออกมาในเชิงบวก
5. การตอบสนองจากการกระทำของเรานั้น (feed back) ก็กลายเป็นความจริงของเราในที่สุด
จะเห็นว่าความเป็นจริงของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน มันล้วนเกิดจากการตีความสิ่งที่รับรู้ตามทัศนคติของตนเอง และ การตอบสนองที่คนนั้นๆได้รับมาจากสิ่งแวดล้อม เราจึงไม่ควรหวั่นไหวต่อความคิดเห็นที่บุคคลอื่นมีต่อเรามากนัก เนื่องจากเราควบคุมไม่ได้และมันก็เป็นเป็นความจริงของเขา แต่เราก็ควรทำแค่การรับฟังและพิจารณาด้วยสติว่า ความคิดเห็นดังกล่าวนั้นจริงหรือเท็จ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาตัวเรา (i Hears) โดยไม่เก็บมาเป็นอารมณ์
จากกลไกดังกล่าวสิ่งที่สำคัญจึงอยู่ที่กระบวนการที่ 2 หรือ กระบวนการคิด จะเห็นว่าสิ่งนี้สอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร iHears ของพวกเรา ซึ่งได้แก่ตัวอักษร a (Attitude) นั่นเอง ถ้าเราสามารถบังคับตัวเองให้มีการคิดที่เป็นบวก กระบวนการที่เหลือจะเป็นบวกทั้งสิ้น ดังนั้นการที่พวกเราคิดว่าการทำสิ่งที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องบังคับนั้นก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด การบังคับตัวเองให้ปรับกระบวนการคิดให้เป็นบวกนั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก ลองคิดดูว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ที่คนที่เคยคิดแต่เรื่องลบๆมาตลอด จะเปลี่ยนความคิดตัวเองให้เป็นบวกโดยปราศจากการบังคับตนเอง
วัฒนธรรมองค์กร iHears ของพวกเราจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยปรับวิธีการคิด พูดง่ายๆคือการบังคับให้พวกเราปฏิบัติตามค่านิยมดังกล่าว เนื่องจาก เรารู้ว่าเป็นสิ่งที่กลุ่มของเราคาดหวัง และจึงกลายมาเป็นการประเมินในมิติที่สองที่นอกจากการประเมินผลทางวิชาการ
พี่เชื่อว่า เมิ่อเราคิดบวก จนเกิดความรู้สึกบวก โดยมีเจตนาในการกระทำตามสิ่งที่คิดอย่างแน่วแน่ สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่พวกเราอยากเห็นต้องเกิดขึ้นจริงครับ แผนการพัฒนาตนเองในแต่ละด้านของ iHears จึงมีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาบุคลิคในการทำงานของพวกเรา พี่จึงขอเชิญชวนให้พวกเรานำเสนอแผนการพัฒนาตนเองรายบุคคลและคุยกับพี่เป็นการส่วนตัวในคราวหน้าครับ
ถ้าเรามอบรอยยิ้มให้แก่คนในกระจก คนในกระจกก้อจะมอบรอยยิ้มให้แก่เราเช่นกัน
ตอบลบ"วันดีดี" เริ่มต้นจากการที่เรา "คิดดี" นะครับ
สิ่งที่เราต้องทำอันดับแรกก็คือต้องให้เวลากับตัวเองก่อนเพื่อจะได้ทบทวนกระบวนความคิดว่าเราคิดไปในทางไหนถ้าไปในทางลบก็ถามตัวเองว่าทำไมเราถึงคิดไปทางนั้นเพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องไปกลัวว่าเราสู้คนอื่นไม่ได้ ต้องไม่ลืมคำๆนี้ที่พี่เปิ้ลเคยบอกเราพยายามถึงที่สุดแล้วหรือยังแล้วเราก็จะพบคำตอบให้กับตัวเอง ดังนั้นค่อยๆปล่อยพลังทางลบออกเพื่อที่จะรับพลังทางบวกที่จะเข้ามาแทนแล้วเราก็จะมีรองยิ้มที่สวยงามไห้กับตัวเองและคนรอบข้างตลอดเวลา
ตอบลบสู้ต่อไป....ทาเคชิ
คนเราทุกคน ย่อมมีเรื่องราวต่างๆนาๆทั้งทุกข์และสุขปนกันไป แต่การที่
ตอบลบเรามองโลกหรือมองปัญหาทุกอย่างในแง่ดี เราก็จะพบกันหนทางในการ
แก้ไขปัญหา และจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกดีไปด้วย
ความพยามครั้งที่ 100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
การใช่ชีวิตเชิงบวก เป็นสิ่งทำให้เราอยู่ได้และมีความสุข ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่คิดเชิงบวก แล้วความจริงแล้วมันเป็นลบ แต่เราก็ไม่เสียใจ เพราะเราถือว่าเราได้ให้โอกาสเค้าในทางบวกแล้วนั้นเอง
ตอบลบ@ ความคิดในเชิงบวกอย่างเดียวไม่ได้
ตอบลบ@ แสดงออกด้วยการกระทำด้วยนะ
@ ถ้า2อย่างรวมกันแล้วผมคิดว่าทุกคนไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
ถึงแม้ความคิดเชิงลบที่เรามองต่อผู้อื่นจะมากว่าความคิดเชิงบวกมากแค่ไหน
ตอบลบแต่เราต้องพยายามมองความคิดเชิงบวกที่มีอยู่น้อยนั้นให้อยู่เหนือความคิดเชิงลบไห้ได้
และในที่สุดเราก็จะสามารถเอาชนะตนเองและผู้ได้ด้วยความคิดที่ดีทำดีและความดีนั้นก็จะทำให้เราและผู้อื่นมีความสุขในที่สุดคร๊าบหวาดดีจร้า
ถึงผมจะไม่เก่งแต่ผมก็จะขอสู้ๆๆๆไปกับ Solvay
ตอบลบทุกคนสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ เหมือนผมนะครับ
ถึงผมไม่หล่อ แต่ผมจน..เอ้ยมะช่าย
ตอบลบถึงผมไม่เก่งแต่ผมก็ จะนำ iHears ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และจะพยายามทำให้ดีที่ซูด เท่าที่ตัวผมจะทำได้น่ะครับ
ไม่ลองเราก็ไม่รู้ ไม่สู้เราก็ไม่ชนะ
ตอบลบอ่านแล้วผมรู้สึกได้อาวุธทางปัญญาที่สามารถเป็นตัวขับเคลื่อน
ตอบลบในการใช้ชีวิตให้สดใสขึ้นกว่าเดิม
เมื่อวานนี้รู้สึกเครียดมากเนื่องจากเรียนไม่ค่อยเข้าใจเลย
ตอบลบเหตูผลบางส่วนอาจมาจากงานที่ทำส่งไม่ตรงกำหนด
จึงเก็บมาพะวงจึงไม่มีสมาธิในการเรียน
แต่วันนี้ดีกว่าเดิมน่ะเพราะพี่เข้ามาสอนเพิ่มเติมอีก
แต่ก็ยังเข้าใจไม่100%แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดคับ
คนเราส่วนใหญ่มักจะมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง รวมทั้งตัวผมด้วย แต่ข้อเสียของคนอื่นนี่มองเห็น ลองมองคนอื่นให้เหมือนมองตัวเราเอง ลองเข้าข้างคนอื่นเหมือนที่เข้าข้างตัวเราเอง แล้วจะได้ทัศนคติเชิงบวกที่ต้องการ
ตอบลบทำยังไงเราถึงจะคิดว่าคนที่ไม่ไช่เขาสามารถเข้ากับเราได้
ตอบลบมีแค่ 2 วิธีคือ 1.ปรับตัวเองให้เข้ากับเขา
2.ให้เขาปรับตัวเข้าหาเรา
แต่.....ผมคิดว่า สิ่งที่น่าทำคือ ข้อ 1.เพราะถ้าทุกคนทำข้อ 1.ได้ข้อ 2.ก็จะตามมาเองใท่สุด
การที่ทีมของเราจะอยู่ได้ นั้น ไม่ใช่ว่าจะมีใครคนหนึ่งที่จะเก่งออกมาเพียงคนเดียว แต่ เขาเข้ากับใครไม่ได้ ไปทางไหนก็ไม่มีคนอยากพูดคุยด้วย ไม่อยากอยู่กลุ่มด้วย คนพวกนี้ควรปรับ EQ=ความฉลาดทางอารมณ์ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นให้ได้
ตอบลบIHEARS=เปิดใจให้กว้างยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น แล้วนำความคิดเห็นของผู้อื่นมาแก้ไขปรับปรุงตัวเอง
ตอบลบการที่เราคิดในสิ่งที่ดีก็จะทำให้ตัวเรามีความสุขและทุกคนรอบข้างก็จะมีความสุขไปด้วยทำอะไรก็จะเจอแต่ในสิ่งที่ดีๆ....ขอให้ทุกคนคิดดี..ทำดี..แล้วจะได้แต่สิ่งที่ดีๆครับ..ผมจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
ตอบลบนกทำรังให้ดูไม้...ข้าดูนายให้ดูที่น้ำใจ
ตอบลบ.......ข้าน้อยได้นายดีแล้ว.......และ
....ลูกเมีย เหมือนเสือผ้า
.....พี่น้องข้า เหมือน แขน ขา.....
.....เสือผ้า ขาดไป หาใหม่ได้
แต่แขนขา ขาดไป ข้าน้อยจะทำอย่างไร........
แล้วพวกเราทุกคน เปรียบเหมือนพี่น้อง....
....ก็ไม่อยากเสีย แขน หรือ ขา ไปสักข้าง........
ข้าน้อย สู้ตาย
หัวใจที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะพาชีวิตผ่านมรสุมไปได้
ตอบลบในยามที่ชีวิตเกิดปัญหาไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหน
ขอเพียงเรารู้วิธีการที่จะรับมือ...
ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องยาก
การที่เราพบเจอกับปัญหาในแต่ละวัน
ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โตแค่ไหน
เราก็ต้องค่อยๆ หาวิธีแก้ไขอย่างใช้สติ
และทำให้ทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาเป็นภูมิคุ้มกันชีวิต
รู้จักเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด
รู้จักนำสิ่งที่ผิดพลาดมานำทางชีวิต
และทำชีวิตให้แข็งแรงมากขึ้น...
ค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์
หนึ่งประสบการณ์ที่เราเคยผ่านจะกลายเป็น
อิฐหนึ่งก้อนที่ก่อร่างสร้างฐานให้หัวใจเข้มแข็งขึ้น
หลายประสบการณ์จะกลายเป็นบ้านหนึ่งหลัง
โลกเราหมุนไปทุกวัน...
ไม่มีใครบอกได้ว่าพรุ่งนี้ชีวิตต้องเจอกับอะไร
ลมฝนหรือพายุรุนแรงแค่ไหน...
แต่ถ้าวันนี้เราได้สร้างบ้านที่แข็งแรงเอาไว้ในหัวใจแล้ว
ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอแรงกระทบจากสิ่งรอบตัว
ต่อให้พายุแรงแค่ไหน...ชีวิตก็มีที่หลบภัย...
มีคำหนึ่งคำที่จะบอกแด่พี่ๆน้องๆของชาว Solvay นะคับ
ตอบลบการที่เราจะทำงานสำเร็จได้ต้องพากันไปสู้จุดมุ่งหมายพร้อมๆๆกัน
ไม่ใช้ว่าจะมีคนใดคนหนึ่งที่ต้องเป็นหนึ่ง การรวมแรงรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นแหละคือความสำเร็จขององค์กรณ์เรา แต่ถ้าองค์กรณ์เรามีคนที่มีประสบการณ์มาก่อนจะเป็นอันที่ดีเพื่อที่จะได้แน่นำสิ่งต่างๆๆๆเกี่ยวกับงานให้แก่เราได้ดีคับ
20 อย่างของวัยรุ่นไทย
ตอบลบอาหารสิ้นคิดของวัยรุ่นคือ ข้าวผัดกระเพรา
สวนใหญ่ที่วัยรุ่นไทยยิ้ม เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
วัยรุ่นไทยมักเปลี่ยนใจง่าย
วัยรุ่นไทยมักเชื่อเพื่อนมากกว่าเชื่อแฟน
ผู้ชายที่ติดแฟน จะถูกเพื่อนรุมประนามว่า ไอคนทิ้งเพื่อน!!!
วัยรุ่นไทยรู้ดีว่า การอยู่หน้าคอมเป็นเวลานานกว่า2ชั่วโมง จะทำให้สายตาเสีย ...แต่ไม่เคยมีใครอยู่หน้าคอมต่ำกว่า 2 ชั่วโมงเลยซักค น
หน้าร้านเกมติดป้าย ห้ามเด็กนักเรียนเข้าก่อน14.00น.แต่เวลา8.00น.เป็นต้ นไป จะเห็นเด็กหัวเกรียนใส่ชุดอยู่บ้านนั่งเล่นเกม เพราะ..กุเอาชุดมาเปลี่ยน
เมื่อวัยรุ่ยไทยนั่งเก้าอี้ในโรงหนังปุ๊ ป..จะเอ่ยค ำว่า ทำไมร้อนจังวะ!!แต่หลังจากหนังผ่านไปประมาณครึ่งเรื่ อง จะได้ยินคำว่า...เมื่อไหร่จะจบวะ กุหนาว!!!
ทุกๆ1-2ปี จะมีคำพูดยอดฮิตและติดปาก มากในหมู่ของวัยรุ่นไทย คำพูดเหล่านั้นมาจากชายจมูกโต ที่ชื่อ โน๊ต อุดม!!!
ที่ ร.ร จะมีการเข้าแถวเคราพธงชาติทุกเช้า แต่มีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ยอมมาสายเพื่อหลีกเหลี่ยงการเข้าแถวเคราพธงชาติ
ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเถียงชนะผู้หญิง..นอกจากตุ๊ด
วัยรุ่นชายเกลียดการเรียนร.ด แต่วัยรุ่นหญิงอยากเรียนร.ด เพราะคิดว่ามันสนุก (ต่อไปเกณฑ์ทหารหญิงด้วยเลยดีมั้ย = =)
ผู้หญิงที่น่ารัก ขาวๆ มักจะโดนผู้ชายแอบมองทุกรูขุมขนเท่าที่จะมองได้ แต่ผู้หญิงที่ตัวดำๆหน้าตาใช้ไม่ได้ มักจะโดนผู้ชาย มองทีเดียว(ด้วยความไม่ได้ตั้งใจ)และเมินสายตาหนีไปอ ย่างไม่มีเยื้อใย
ผู้หญิงคิดว่า ถ้าผู้หญิงบอกเลิก แสดงว่าผู้หญิงน้อยใจ แต่ถ้าผู้ชายบอกเลิกแสดงว่า กุทนไม่ไหวแล้ววว!!!!
เวลาเรารู้สึกเกลียดหรือไม่ชอบเพลงไหน เรามักจะร้องเพลงนั้นได้
ผู้ชายไม่สามารถดูหนังโป้ได้จบเรื่อง!!
หลังจากออกจากห้องสอบ คำแรกที่คุณพูดเมื่อเห็นหน้าเพื่อนคือ...ทำได้ป่าววะ ?
และคุณจะหัวเราะเมื่อเพื่อนบอกว่า...กุมั่ว!!!
ครั้งแรกที่คุณเห็นกระทู้นี้ คุณสนใจ...เพราะอยากรู้...ข้างในมีอะไร?
ถ้าคุณอ่านจบ 20 ข้อ และComment คุณจะเป็นคนหน้าตาดี!!!
ชีวิตอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ชีวิตจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องให้อภัยในความผิดพลาดของกันและกัน "ศึกษา มิใช่ ถือสา" ถือสา หมายความว่า ผิดจากที่เราคิดก็พาลไม่ชอบ แต่ศึกษานั้น คือ พยายามหัดเข้าใจผู้อื่นให้ได้ เขาเป็นอย่างนั้นเอง...
ตอบลบ