by Oats
ในการค้นหาความหมายให้กับชีวิตที่มีอยู่ของคนเรา สิ่งหนึ่งที่ต้องแสวงหาก็คือศิลปะการเข้าใจตัวเองอย่างผู้มีปัญญา เพราะศิลปะที่มีอยู่นั้นย่อมเปรียบเสมือนกลยุทธ์ที่เราสร้างขึ้นเพื่อการเกี่ยวข้องกับตัวเองและให้รู้เท่าทันปรากฏการณ์ของชีวิตที่กำลังดำเนินไป
การแสวงหาศิลปะให้กับชีวิตนั้น ก็ต้องอาศัยมุมมองต่างๆ เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย จึงจะทำให้เกิดการมองสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย เป็นความงดงามทางความรู้สึกที่สร้างขึ้นต่อทัศนคติของตัวเรา
ขณะเดียวกันการที่เราสอดส่ายสายตาไปยังมิติต่างๆ ของชีวิตอยู่นั้น ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยอื่นๆ มาเป็นตัวแปรอีกเช่นกัน สายตาที่ส่งทอดออกไปจึงจะแม่นยำต่อสิ่งที่เห็น หนึ่งในมุมมองที่ช่วยสะท้อนความคิดให้มีความรู้ในมิติที่หลากหลายก็คือปรัชญา
วิชาปรัชญาถือว่าเป็นวิชาหนึ่งที่สอนให้คนเรารู้จักแสวงหาความรู้ความเข้าใจให้กับตัวเอง สอนชีวิตให้รู้จักมองอะไรหลายๆ ด้าน ไม่มองเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วตัดสินในทันที แต่เป็นการมองหามิติต่างๆ โดยไม่มีการตัดสินด้วยจิตใจที่ตีบตัน
มีครั้งหนึ่งอาจารย์สอนปรัชญาได้นำอุปกรณ์มาสอนเรื่องมุมมองชีวิตแก่ลูกศิษย์ในชั้นเรียน โดยให้นักศึกษาช่วยกันมองว่าสิ่งที่อาจารย์สอนนั้นต้องการบอกอะไร อุปกรณ์ดังกล่าวก็คือ ขวดโหลเปล่า ๑ ใบ ลูกมะนาว ก้อนกรวดเล็กๆ และทรายในปริมาณที่เท่าๆ กัน
หลังจากนั้นอาจารย์ก็ตั้งโจทย์ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ขวดโหลเต็มไปด้วยวัตถุทั้งสามอย่างคือ มะนาว ก้อนกรวด และทรายได้ด้วยความลงตัว คือให้สามอย่างนี้ลงไปรวมกันและตามลำดับที่ถูกต้องด้วย เหล่านักศึกษาต่างก็มีความคิดเห็นต่างกันออกไป ซึ่งประมวลเป็นความคิดรวบยอดได้ ๓ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ ตอบว่าให้เติมทรายลงก่อน ต่อจากนั้นก็ให้เติมก้อนกรวดเล็กๆ ลงไป และปิดท้ายด้วยลูกมะนาว
กลุ่มที่ ๒ ตอบว่าให้เติมก้อนกรวดเล็กๆ ลงก่อนแล้วก็ตามด้วยทราย และปิดท้ายด้วยการเติมลูกมะนาวลงไป
กลุ่มที่ ๓ ตอบว่าให้เติมลูกมะนาวลงเป็นลำดับแรก ตามด้วยก้อนกรวดเล็กๆ และปิดท้ายด้วยทรายที่ละเอียด
ถ้าเป็นผู้อ่านจะเลือกเติมสิ่งใดลงไปในขวดโหลก่อนและหลัง ทั้งสามอย่างจึงจะเต็มได้ด้วยความสมดุลต่อกัน?
หลังจากให้นักศึกษาตอบเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็ให้แต่ละกลุ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ลงไปในขวดโหลตามความคิดที่ระดมสมองกันมา
กลุ่มที่ ๑ เติมลงไปได้แค่ทรายกับก้อนกรวดเล็กน้อยแต่ไม่สามารถที่จะให้มะนาวแทรกลงไปได้ เพราะความแน่นของทรายที่มีมาก และก้อนกรวดที่ลงไปจับจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว
กลุ่มที่ ๒ เติมลงไปได้แค่ก้อนกรวดและทราย แต่ก็ไม่สามารถที่จะให้มะนาวลงไปได้เช่นกัน
ส่วนกลุ่มที่ ๓ นั้นสามารถเติมวัตถุทั้งสามอย่างลงไปอยู่ในขวดโหลได้ทั้งหมด และจัดสัดส่วนของวัตถุทั้งสามอย่างด้วยความเหมาะสม เพราะมะนาวนั้นมีความกลมเกลี้ยง จึงทำให้ก้อนกรวดมีโอกาสแทรกตัวลงไปได้ กระทั่งว่าทรายที่ละเอียดก็สามารถแทรกตัวผ่านทั้งมะนาวและก้อนกรวดได้เช่นกัน ขวดโหลจึงมีส่วนประกอบที่สมบูรณ์ตามที่อาจารย์ตั้งโจทย์ไว้
หลังจากทดลองเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จึงเฉลยว่ากลุ่มที่ทำได้ตามที่ทดลองไว้อย่างถูกต้องก็คือกลุ่มที่ ๓ เพราะสามารถเติมทั้งสามสิ่งลงไปได้ครบถ้วนตามที่ตั้งปัญหาขึ้นมา หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตผ่านขวดโหล มะนาว ก้อนกรวด และทรายที่มีอยู่ ว่า
“ขวดโหล” เปรียบเสมือนชีวิตของคนเราที่ต้องคอยรองรับสิ่งที่ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เป็นภาชนะสำหรับบรรจุสิ่งต่างๆ ในชีวิตของแต่ละคน
“มะนาว” เปรียบเสมือนสิ่งที่สำคัญในชีวิต ได้แก่ สุขภาพกายสุขภาพใจ ครอบครัว มิตรสหาย คุณงามความดี สิ่งสูงสุดที่เราเคารพนับถือ รวมทั้งสติปัญญาที่เราพึงมีจากการเรียนรู้ชีวิตที่ถูกต้อง
“ก้อนกรวด” เปรียบเสมือนสิ่งสำคัญรองลงมาที่ช่วยเกื้อกูลชีวิตของเราให้มีความสบายมากขึ้น เช่น วิชาความรู้แบบชาวโลก อาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ทรัพย์สินเงินทอง บ้าน รถ และวัตถุต่างๆ ที่แสวงหามาได้
“ทราย” เปรียบเสมือนความสนุกสนานความเพลิดเพลิน ตลอดทั้งสิ่งที่ทำให้มีความสนุกเพียงเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามาแล้วช่วยเพิ่มสีสันให้ชีวิต แต่ถ้าไม่มีก็ถือว่าไม่ส่งผลต่อชีวิตแต่อย่างใด
เมื่ออาจารย์ให้ความหมายสิ่งต่างๆ ที่ยกมาเป็นสื่อการสอนเรียบร้อยแล้ว ก็อธิบายเพิ่มเติมเพื่อเปิดมุมมองให้ลูกศิษย์ได้ตระหนักถึงคุณค่าชีวิตของตัวเองว่า
“ขวดโหลใบนี้จะบรรจุมะนาว ก้อนกรวด และทรายได้ทั้งหมดก็ต่อเมื่อเรารู้จักเติมสิ่งที่ถูกต้องลงไปก่อน เริ่มต้นด้วยการเติมมะนาว ตามด้วยก้อนกรวด และปิดท้ายที่ทราย ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน จะมีความสุขที่ครบถ้วนได้ก็ต้องรู้จักเติมสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเองอย่างถูกต้อง เช่น มีความรู้ความเข้าใจชีวิตอย่างผู้มีปัญญา รู้จักรักษาสุขภาพกายและใจ มีเวลาให้ครอบครัว ใส่ใจมิตรสหายอันก่อเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน หลังจากนั้นก็แต่งแต้มชีวิตด้วยวิชาความรู้ ความสามารถ การแสวงหาทรัพย์ในทางที่ถูกต้องแบบชาวโลกทั่วไป สุดท้ายเป็นการเติมความสนุกสนานให้กับตัวเอง เช่น การพักผ่อนในสถานที่ ที่เราพึงใจ แต่ประการสุดท้ายนี้แม้ชีวิตขาดไปก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด”
“แต่ถ้าเรามัวแต่ให้ความสำคัญกับความสนุกสนาน ความเพลิดเพลินเป็นลำดับแรก หรือให้ความสำคัญกับการแสวงหาความรู้ที่เป็นการให้ได้มีงานทำแบบชาวโลกทั่วไป และไขว่คว้าทรัพย์ภายนอกอย่างเดียว แต่ไม่มีสติปัญญาอันเป็นความเข้าใจในชีวิต สุขภาพกายและจิตใจไม่แข็งแรงหรือไม่แจ่มใสเบิกบานตลอดทั้งลืมให้ความสำคัญกับครอบครัว มิตรภาพ และคุณงามความดีที่เป็นความสำคัญที่สุดของชีวิต สิ่งที่ได้ตอบแทนย่อมไร้ความหมาย สุดท้ายชีวิตที่เกิดมาก็ว่างเปล่าจากสาระที่แท้จริง”
เมื่อเปรียบการเติมมะนาว ก้อนกรวด และทรายลงในขวดโหลแล้ว ก็เหมือนกับการเติมสิ่งต่างๆ ลงในชีวิตของคนเราทุกคน เพราะกว่าชีวิตจะมีสิ่งต่างๆ เติมเต็มให้กับตัวเอง ก็ต้องผ่านการเรียนรู้มามากพอสมควร เป็นการลองผิด ลองถูก ในการเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยที่มี จนกว่าคำตอบนั้นจะกระจ่างชัด
ทว่า คนเราส่วนมากก็มักจะละเลยสิ่งที่เป็นความสำคัญที่สุดในชีวิตไป ลืมใส่ใจที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับตัวเอง เช่น การเข้าใจตัวเอง การรักษาสุขภาพกายและใจ การเสริมสร้างสติปัญญาที่ชีวิตควรมี แต่กลับให้ความสำคัญกับวัตถุภายนอกหรือความเพลิดเพลินสนุกสนานเป็นลำดับแรก
สิ่งที่ตามมาจึงไม่สามารถเติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิตได้ สิ่งที่ไขว่คว้าจึงเป็นความว่างเปล่าจากการแสวงหา เป็นความทุกข์เพราะสิ่งที่หมายปอง เศร้าหมองกับสิ่งที่เรียกร้องหาแต่ไม่มีวันสมหวัง จึงลงเอยด้วยความเจ็บปวดเสมอ เมื่อไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้เต็มอิ่มได้ สิ่งที่ได้มาจึงเป็นเพียงเครื่องหมายสะท้อนความด้อยค่าในตัวเอง
แต่หากชีวิตมีความเข้าใจด้วยปัญญาเป็นลำดับแรก รู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการวางใจที่พอเหมาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิดหรืออารมณ์ที่ผ่านเข้ามา และกาลเวลาที่พัดพาสรรพสิ่งให้เปลี่ยนไป สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ที่ถูกต้องย่อมก้าวไปสู่แก่นสาระที่ชีวิตต้องการเสมอ
ชีวิต ความคิด และเวลาที่ผ่านเข้ามาในวิถีของสรรพสิ่ง หากเรามีความเข้าใจและรู้เท่าทัน มีการเรียนรู้ที่จะเพิ่มหรือลดสิ่งใดให้กับตัวเองอย่างคนที่เข้าใจ เราย่อมสามารถค้นหาคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความคิดที่งดงาม และคุณค่าของกาลเวลาที่ผ่านเข้ามาได้เป็นอย่างดี
เพราะสรรพสิ่งมิใช่เกิดมาเพื่อดำรงอยู่อย่างถาวร แต่เกิดมาเพื่อให้มีการเรียนรู้และพัฒนาให้ก้าวข้ามความด้อยค่าของชีวิตที่มีอยู่ เมื่อใดที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นสาระแท้ ปล่อยวางสิ่งที่ไร้แก่นสารอันก่อให้เกิดความลวงได้ เราย่อมประสบกับความสุขอย่างที่หวังไว้ตราบนานเท่านาน
+ + + + + + + + + + + OATS + + + + + + + + + + +
เห็นด้วยชีวิตของคนเราต้องรู้จักเติมสิ่งที่ขาดหายไปให้ครบชีวิตถึงจะมีรสชาดรู้จักปล่อยวางสิ่งที่ไร้สาระทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วอนาคตก็จะมีความสุข
ตอบลบผมมีความสุขกับการได้ทำงานไป เล่นดนตรีไปครับ อิอิ
ตอบลบเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอ่านพอสมควร แต่อ่านแล้วได้แง่คิดอะไรดีๆเยอะเลย
ตอบลบสังเกตุได้ว่าแนวคิดการใช้ชีวิตให้สมดุลมีคนนำมาเสนอให้พวกเรากันมาบ้างแล้ว ส่วนตัวแล้วรู้สึกดี ที่พวกเราได้แชร์อะไรดีๆ การใช้ชีวิตให้สมดุล ไม่ดีอย่างสุดโต่ง ไม่เลวสุดขั้ว แบ่งเวลาในการใช้ชีวิต ให้รางวัลกับชีวิต ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถนำไปใช้กับตัวเองได้
ยาวจังคับพี่ 5555+ แต่มีสิ่งดีๆอยู่ข้างในบทความ ความสุขในชิวิตประจำวันไม่ได้ซื้อด้วยเงินตราได้สักทุกอย่าง บางอย่างเราต้องมี เวลา มีความคิดในแง่ดีกับความสุขนั้นๆ แบ่งเวลาให้ดีๆ ก็มีความสุขแล้วครับ
ตอบลบทุกวันนี้ผมได้อยู่ที่นี้ ทำงานที่นี้ ผมก็ถือว่าผมโชคดีมีความสุขแล้วครับ เจอเพือนๆๆพี่ๆๆที่ดีๆๆๆ ก็ถือเป็นโชคดีของผมนะครับ ขอให้ผมอยู่ในช่วงเวลาดีดีอย่างนี้ตลอดไป นานแสนนาน ไกลแสนไกล (โอดก็เป็นเพือนที่น่ารักมากคนหนึงครับ รักนะ จวบ จวบ จวบ.......)
ตอบลบไม่รู้ว่าชีวิตของคนเราจะมีวันพรุ่งนี้รึเปล่าก็ไม่รู้...เราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด.มีความสุขกับครอบครัว..มีความสุขกับงานที่ทำ..มีความสุขกับสิ่งที่ทำ..มีความสุขกับคนรอบข้าง...แล้วชีวิตก็จะมีความสุขแบบแท้จริง
ตอบลบyo yo
ตอบลบบทความที่บอกถึงแก่นของชีวิตจริงจริงครับ....ช่วยแนะนำการใช้ชีวิตที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสุขกับการงานและการสนุกกับการใช้ชีวิตของเราเอง....โดยดำเนินอย่างไรก็ได้ครับที่ไม่เบียดเบียนคนรอบข้างครับ
"ไม่เป็นไร"
ตอบลบ"ใจเขาใจเรา"
"จำเป็นมั๊ย"
"ยินดีด้วย"
"อย่าใจแคบ"
"ยอม!"
"ไม่มีก็อยู่ได้"
"อย่าไปเปรียบเทียบ"
"ติได้-แย้งได้"
คำพวกนี้มีติดตัวไว้เตือนสติเราบ้างก็ดีนะคับ คงทำให้การใช้ชีวิตมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง อิอิ (เปลี่ยนมุมมอง ความคิด คิด+ คิดดี ทำดี พูดดี)
"อ่านแล้วซึ้ง ยิ่งอ่านยิ่งมึน" ขอบคุณมากครับสำหรับบทความชีวิต
ตอบลบทุกๆคนย่อมเติมเต็มสิ่งดีๆให้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา
ตอบลบเเล้วเมื่อใหล่จะได้สมบูรณ์แบบอย่างโหลของพี่โอ๊ทล่ะ
(แล้วเมื่อไหร่พี่จะเติมชีวิตครอบครัวให้สมบุรณ์ล่ะเพ่)
ซึ้งเนาะพี่
ตอบลบทุกวันนี้ก็กำลังหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มหั้ยชีวิต.. แต่เมื่อถ้าครบแล้วคงจะต้อง
ตอบลบมองโดยการเข้าใจตัวเอง แล้วเสริมสร้างสติปัญญาตัวเอง ตามบทความที่ได้อ่านมา o.O
ชีวิตไม่ใช่เกมกีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก และที่สำคัญคือ
ตอบลบ..เปลี่ยนตัว ผู้เล่นไม่ได้ ไม่มีใครเกิดมา ..ล้มเหลว มีแต่ล้มเลิก..
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆก้จะตามมา รักเพื่อนทุกคนคร๊าบผม
ผมเห็นว่าการเติมเต็มให้กับชีวิตนั้น ต้องเริ่มจากครอบครัวของเรา ถ้าเราเติมเต็มให้กับครอบครัวแล้ว แสดงว่าเรามีความคิดที่เอาใจเขาใส่ใจเรา ถ้าเริ่มต้นได้อย่างนี้แล้วชีวิตก็มีแต่ความสุข
ตอบลบความสุขไม่ได้อยู่ที่สิ่งของว่ามีมากจึงจามีความสุขแต่มันคงขึ้นอยู่กับเราว่า
ตอบลบมันมีความสุขกับของเราหรือเปล่า การใช้ชีวิตให้พอใจกับสิงที่เรามี
ใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับรูปแบบของชีวิตเราไม่หวังอะไรเกินตัวพอใจในสิ่งที่เราเป็น แค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว.........ขอบคุณครับกับเรื่องดีๆ
ชีวิตนี้เราเองกำหนด
ตอบลบตถาคตท่านสอนไว้
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
สติตั้งไว้ อายตนะทั้ง 6