วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

ชีวิต ความคิด และเวลา (Life,Notion and Time)


by Oats

ในการค้นหาความหมายให้กับชีวิตที่มีอยู่ของคนเรา สิ่งหนึ่งที่ต้องแสวงหาก็คือศิลปะการเข้าใจตัวเองอย่างผู้มีปัญญา เพราะศิลปะที่มีอยู่นั้นย่อมเปรียบเสมือนกลยุทธ์ที่เราสร้างขึ้นเพื่อการเกี่ยวข้องกับตัวเองและให้รู้เท่าทันปรากฏการณ์ของชีวิตที่กำลังดำเนินไป
การแสวงหาศิลปะให้กับชีวิตนั้น ก็ต้องอาศัยมุมมองต่างๆ เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย จึงจะทำให้เกิดการมองสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย เป็นความงดงามทางความรู้สึกที่สร้างขึ้นต่อทัศนคติของตัวเรา
ขณะเดียวกันการที่เราสอดส่ายสายตาไปยังมิติต่างๆ ของชีวิตอยู่นั้น ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยอื่นๆ มาเป็นตัวแปรอีกเช่นกัน สายตาที่ส่งทอดออกไปจึงจะแม่นยำต่อสิ่งที่เห็น หนึ่งในมุมมองที่ช่วยสะท้อนความคิดให้มีความรู้ในมิติที่หลากหลายก็คือปรัชญา
วิชาปรัชญาถือว่าเป็นวิชาหนึ่งที่สอนให้คนเรารู้จักแสวงหาความรู้ความเข้าใจให้กับตัวเอง สอนชีวิตให้รู้จักมองอะไรหลายๆ ด้าน ไม่มองเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วตัดสินในทันที แต่เป็นการมองหามิติต่างๆ โดยไม่มีการตัดสินด้วยจิตใจที่ตีบตัน



มีครั้งหนึ่งอาจารย์สอนปรัชญาได้นำอุปกรณ์มาสอนเรื่องมุมมองชีวิตแก่ลูกศิษย์ในชั้นเรียน โดยให้นักศึกษาช่วยกันมองว่าสิ่งที่อาจารย์สอนนั้นต้องการบอกอะไร อุปกรณ์ดังกล่าวก็คือ ขวดโหลเปล่า ๑ ใบ ลูกมะนาว ก้อนกรวดเล็กๆ และทรายในปริมาณที่เท่าๆ กัน

หลังจากนั้นอาจารย์ก็ตั้งโจทย์ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ขวดโหลเต็มไปด้วยวัตถุทั้งสามอย่างคือ มะนาว ก้อนกรวด และทรายได้ด้วยความลงตัว คือให้สามอย่างนี้ลงไปรวมกันและตามลำดับที่ถูกต้องด้วย เหล่านักศึกษาต่างก็มีความคิดเห็นต่างกันออกไป ซึ่งประมวลเป็นความคิดรวบยอดได้ ๓ กลุ่ม

กลุ่มที่ ๑ ตอบว่าให้เติมทรายลงก่อน ต่อจากนั้นก็ให้เติมก้อนกรวดเล็กๆ ลงไป และปิดท้ายด้วยลูกมะนาว
กลุ่มที่ ๒ ตอบว่าให้เติมก้อนกรวดเล็กๆ ลงก่อนแล้วก็ตามด้วยทราย และปิดท้ายด้วยการเติมลูกมะนาวลงไป
กลุ่มที่ ๓ ตอบว่าให้เติมลูกมะนาวลงเป็นลำดับแรก ตามด้วยก้อนกรวดเล็กๆ และปิดท้ายด้วยทรายที่ละเอียด
ถ้าเป็นผู้อ่านจะเลือกเติมสิ่งใดลงไปในขวดโหลก่อนและหลัง ทั้งสามอย่างจึงจะเต็มได้ด้วยความสมดุลต่อกัน?
หลังจากให้นักศึกษาตอบเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็ให้แต่ละกลุ่มเติมสิ่งที่มีอยู่ลงไปในขวดโหลตามความคิดที่ระดมสมองกันมา


กลุ่มที่ ๑ เติมลงไปได้แค่ทรายกับก้อนกรวดเล็กน้อยแต่ไม่สามารถที่จะให้มะนาวแทรกลงไปได้ เพราะความแน่นของทรายที่มีมาก และก้อนกรวดที่ลงไปจับจองพื้นที่ไว้หมดแล้ว
กลุ่มที่ ๒ เติมลงไปได้แค่ก้อนกรวดและทราย แต่ก็ไม่สามารถที่จะให้มะนาวลงไปได้เช่นกัน
ส่วนกลุ่มที่ ๓ นั้นสามารถเติมวัตถุทั้งสามอย่างลงไปอยู่ในขวดโหลได้ทั้งหมด และจัดสัดส่วนของวัตถุทั้งสามอย่างด้วยความเหมาะสม เพราะมะนาวนั้นมีความกลมเกลี้ยง จึงทำให้ก้อนกรวดมีโอกาสแทรกตัวลงไปได้ กระทั่งว่าทรายที่ละเอียดก็สามารถแทรกตัวผ่านทั้งมะนาวและก้อนกรวดได้เช่นกัน ขวดโหลจึงมีส่วนประกอบที่สมบูรณ์ตามที่อาจารย์ตั้งโจทย์ไว้


หลังจากทดลองเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จึงเฉลยว่ากลุ่มที่ทำได้ตามที่ทดลองไว้อย่างถูกต้องก็คือกลุ่มที่ ๓ เพราะสามารถเติมทั้งสามสิ่งลงไปได้ครบถ้วนตามที่ตั้งปัญหาขึ้นมา หลังจากนั้นอาจารย์ก็ให้ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตผ่านขวดโหล มะนาว ก้อนกรวด และทรายที่มีอยู่ ว่า
“ขวดโหล” เปรียบเสมือนชีวิตของคนเราที่ต้องคอยรองรับสิ่งที่ผ่านเข้ามาอยู่ตลอดเวลา เป็นภาชนะสำหรับบรรจุสิ่งต่างๆ ในชีวิตของแต่ละคน
“มะนาว” เปรียบเสมือนสิ่งที่สำคัญในชีวิต ได้แก่ สุขภาพกายสุขภาพใจ ครอบครัว มิตรสหาย คุณงามความดี สิ่งสูงสุดที่เราเคารพนับถือ รวมทั้งสติปัญญาที่เราพึงมีจากการเรียนรู้ชีวิตที่ถูกต้อง
“ก้อนกรวด” เปรียบเสมือนสิ่งสำคัญรองลงมาที่ช่วยเกื้อกูลชีวิตของเราให้มีความสบายมากขึ้น เช่น วิชาความรู้แบบชาวโลก อาชีพการงาน ชื่อเสียงเกียรติยศ ทรัพย์สินเงินทอง บ้าน รถ และวัตถุต่างๆ ที่แสวงหามาได้
“ทราย” เปรียบเสมือนความสนุกสนานความเพลิดเพลิน ตลอดทั้งสิ่งที่ทำให้มีความสนุกเพียงเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามาแล้วช่วยเพิ่มสีสันให้ชีวิต แต่ถ้าไม่มีก็ถือว่าไม่ส่งผลต่อชีวิตแต่อย่างใด
เมื่ออาจารย์ให้ความหมายสิ่งต่างๆ ที่ยกมาเป็นสื่อการสอนเรียบร้อยแล้ว ก็อธิบายเพิ่มเติมเพื่อเปิดมุมมองให้ลูกศิษย์ได้ตระหนักถึงคุณค่าชีวิตของตัวเองว่า
“ขวดโหลใบนี้จะบรรจุมะนาว ก้อนกรวด และทรายได้ทั้งหมดก็ต่อเมื่อเรารู้จักเติมสิ่งที่ถูกต้องลงไปก่อน เริ่มต้นด้วยการเติมมะนาว ตามด้วยก้อนกรวด และปิดท้ายที่ทราย ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน จะมีความสุขที่ครบถ้วนได้ก็ต้องรู้จักเติมสิ่งต่างๆ ให้กับตัวเองอย่างถูกต้อง เช่น มีความรู้ความเข้าใจชีวิตอย่างผู้มีปัญญา รู้จักรักษาสุขภาพกายและใจ มีเวลาให้ครอบครัว ใส่ใจมิตรสหายอันก่อเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกัน หลังจากนั้นก็แต่งแต้มชีวิตด้วยวิชาความรู้ ความสามารถ การแสวงหาทรัพย์ในทางที่ถูกต้องแบบชาวโลกทั่วไป สุดท้ายเป็นการเติมความสนุกสนานให้กับตัวเอง เช่น การพักผ่อนในสถานที่ ที่เราพึงใจ แต่ประการสุดท้ายนี้แม้ชีวิตขาดไปก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด”


“แต่ถ้าเรามัวแต่ให้ความสำคัญกับความสนุกสนาน ความเพลิดเพลินเป็นลำดับแรก หรือให้ความสำคัญกับการแสวงหาความรู้ที่เป็นการให้ได้มีงานทำแบบชาวโลกทั่วไป และไขว่คว้าทรัพย์ภายนอกอย่างเดียว แต่ไม่มีสติปัญญาอันเป็นความเข้าใจในชีวิต สุขภาพกายและจิตใจไม่แข็งแรงหรือไม่แจ่มใสเบิกบานตลอดทั้งลืมให้ความสำคัญกับครอบครัว มิตรภาพ และคุณงามความดีที่เป็นความสำคัญที่สุดของชีวิต สิ่งที่ได้ตอบแทนย่อมไร้ความหมาย สุดท้ายชีวิตที่เกิดมาก็ว่างเปล่าจากสาระที่แท้จริง”
เมื่อเปรียบการเติมมะนาว ก้อนกรวด และทรายลงในขวดโหลแล้ว ก็เหมือนกับการเติมสิ่งต่างๆ ลงในชีวิตของคนเราทุกคน เพราะกว่าชีวิตจะมีสิ่งต่างๆ เติมเต็มให้กับตัวเอง ก็ต้องผ่านการเรียนรู้มามากพอสมควร เป็นการลองผิด ลองถูก ในการเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยที่มี จนกว่าคำตอบนั้นจะกระจ่างชัด
ทว่า คนเราส่วนมากก็มักจะละเลยสิ่งที่เป็นความสำคัญที่สุดในชีวิตไป ลืมใส่ใจที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับตัวเอง เช่น การเข้าใจตัวเอง การรักษาสุขภาพกายและใจ การเสริมสร้างสติปัญญาที่ชีวิตควรมี แต่กลับให้ความสำคัญกับวัตถุภายนอกหรือความเพลิดเพลินสนุกสนานเป็นลำดับแรก

สิ่งที่ตามมาจึงไม่สามารถเติมเต็มคุณค่าให้กับชีวิตได้ สิ่งที่ไขว่คว้าจึงเป็นความว่างเปล่าจากการแสวงหา เป็นความทุกข์เพราะสิ่งที่หมายปอง เศร้าหมองกับสิ่งที่เรียกร้องหาแต่ไม่มีวันสมหวัง จึงลงเอยด้วยความเจ็บปวดเสมอ เมื่อไม่สามารถตอบสนองความต้องการให้เต็มอิ่มได้ สิ่งที่ได้มาจึงเป็นเพียงเครื่องหมายสะท้อนความด้อยค่าในตัวเอง
แต่หากชีวิตมีความเข้าใจด้วยปัญญาเป็นลำดับแรก รู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการวางใจที่พอเหมาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคิดหรืออารมณ์ที่ผ่านเข้ามา และกาลเวลาที่พัดพาสรรพสิ่งให้เปลี่ยนไป สิ่งที่ได้รับจากการเรียนรู้ที่ถูกต้องย่อมก้าวไปสู่แก่นสาระที่ชีวิตต้องการเสมอ
ชีวิต ความคิด และเวลาที่ผ่านเข้ามาในวิถีของสรรพสิ่ง หากเรามีความเข้าใจและรู้เท่าทัน มีการเรียนรู้ที่จะเพิ่มหรือลดสิ่งใดให้กับตัวเองอย่างคนที่เข้าใจ เราย่อมสามารถค้นหาคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความคิดที่งดงาม และคุณค่าของกาลเวลาที่ผ่านเข้ามาได้เป็นอย่างดี
เพราะสรรพสิ่งมิใช่เกิดมาเพื่อดำรงอยู่อย่างถาวร แต่เกิดมาเพื่อให้มีการเรียนรู้และพัฒนาให้ก้าวข้ามความด้อยค่าของชีวิตที่มีอยู่ เมื่อใดที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นสาระแท้ ปล่อยวางสิ่งที่ไร้แก่นสารอันก่อให้เกิดความลวงได้ เราย่อมประสบกับความสุขอย่างที่หวังไว้ตราบนานเท่านาน

+ + + + + + + + + + + OATS + + + + + + + + + + +


16 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยชีวิตของคนเราต้องรู้จักเติมสิ่งที่ขาดหายไปให้ครบชีวิตถึงจะมีรสชาดรู้จักปล่อยวางสิ่งที่ไร้สาระทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วอนาคตก็จะมีความสุข

    ตอบลบ
  2. ผมมีความสุขกับการได้ทำงานไป เล่นดนตรีไปครับ อิอิ

    ตอบลบ
  3. เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอ่านพอสมควร แต่อ่านแล้วได้แง่คิดอะไรดีๆเยอะเลย

    สังเกตุได้ว่าแนวคิดการใช้ชีวิตให้สมดุลมีคนนำมาเสนอให้พวกเรากันมาบ้างแล้ว ส่วนตัวแล้วรู้สึกดี ที่พวกเราได้แชร์อะไรดีๆ การใช้ชีวิตให้สมดุล ไม่ดีอย่างสุดโต่ง ไม่เลวสุดขั้ว แบ่งเวลาในการใช้ชีวิต ให้รางวัลกับชีวิต ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถนำไปใช้กับตัวเองได้

    ตอบลบ
  4. ยาวจังคับพี่ 5555+ แต่มีสิ่งดีๆอยู่ข้างในบทความ ความสุขในชิวิตประจำวันไม่ได้ซื้อด้วยเงินตราได้สักทุกอย่าง บางอย่างเราต้องมี เวลา มีความคิดในแง่ดีกับความสุขนั้นๆ แบ่งเวลาให้ดีๆ ก็มีความสุขแล้วครับ

    ตอบลบ
  5. ทุกวันนี้ผมได้อยู่ที่นี้ ทำงานที่นี้ ผมก็ถือว่าผมโชคดีมีความสุขแล้วครับ เจอเพือนๆๆพี่ๆๆที่ดีๆๆๆ ก็ถือเป็นโชคดีของผมนะครับ ขอให้ผมอยู่ในช่วงเวลาดีดีอย่างนี้ตลอดไป นานแสนนาน ไกลแสนไกล (โอดก็เป็นเพือนที่น่ารักมากคนหนึงครับ รักนะ จวบ จวบ จวบ.......)

    ตอบลบ
  6. ไม่รู้ว่าชีวิตของคนเราจะมีวันพรุ่งนี้รึเปล่าก็ไม่รู้...เราควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด.มีความสุขกับครอบครัว..มีความสุขกับงานที่ทำ..มีความสุขกับสิ่งที่ทำ..มีความสุขกับคนรอบข้าง...แล้วชีวิตก็จะมีความสุขแบบแท้จริง

    ตอบลบ
  7. สิงห์คะนองลำ17 เมษายน 2554 เวลา 13:50

    yo yo
    บทความที่บอกถึงแก่นของชีวิตจริงจริงครับ....ช่วยแนะนำการใช้ชีวิตที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจมีความสุขกับการงานและการสนุกกับการใช้ชีวิตของเราเอง....โดยดำเนินอย่างไรก็ได้ครับที่ไม่เบียดเบียนคนรอบข้างครับ

    ตอบลบ
  8. "ไม่เป็นไร"
    "ใจเขาใจเรา"
    "จำเป็นมั๊ย"
    "ยินดีด้วย"
    "อย่าใจแคบ"
    "ยอม!"
    "ไม่มีก็อยู่ได้"
    "อย่าไปเปรียบเทียบ"
    "ติได้-แย้งได้"

    คำพวกนี้มีติดตัวไว้เตือนสติเราบ้างก็ดีนะคับ คงทำให้การใช้ชีวิตมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง อิอิ (เปลี่ยนมุมมอง ความคิด คิด+ คิดดี ทำดี พูดดี)

    ตอบลบ
  9. "อ่านแล้วซึ้ง ยิ่งอ่านยิ่งมึน" ขอบคุณมากครับสำหรับบทความชีวิต

    ตอบลบ
  10. ทุกๆคนย่อมเติมเต็มสิ่งดีๆให้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา
    เเล้วเมื่อใหล่จะได้สมบูรณ์แบบอย่างโหลของพี่โอ๊ทล่ะ
    (แล้วเมื่อไหร่พี่จะเติมชีวิตครอบครัวให้สมบุรณ์ล่ะเพ่)

    ตอบลบ
  11. ซึ้งเนาะพี่

    ตอบลบ
  12. ทุกวันนี้ก็กำลังหาสิ่งที่จะมาเติมเต็มหั้ยชีวิต.. แต่เมื่อถ้าครบแล้วคงจะต้อง
    มองโดยการเข้าใจตัวเอง แล้วเสริมสร้างสติปัญญาตัวเอง ตามบทความที่ได้อ่านมา o.O

    ตอบลบ
  13. ชีวิตไม่ใช่เกมกีฬา ไม่มีเวลาพักครึ่ง ไม่มีการขอเวลานอก และที่สำคัญคือ
    ..เปลี่ยนตัว ผู้เล่นไม่ได้ ไม่มีใครเกิดมา ..ล้มเหลว มีแต่ล้มเลิก..
    ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วสิ่งดีๆก้จะตามมา รักเพื่อนทุกคนคร๊าบผม

    ตอบลบ
  14. ผมเห็นว่าการเติมเต็มให้กับชีวิตนั้น ต้องเริ่มจากครอบครัวของเรา ถ้าเราเติมเต็มให้กับครอบครัวแล้ว แสดงว่าเรามีความคิดที่เอาใจเขาใส่ใจเรา ถ้าเริ่มต้นได้อย่างนี้แล้วชีวิตก็มีแต่ความสุข

    ตอบลบ
  15. แบงค์ บ้านฉาง13 สิงหาคม 2554 เวลา 16:30

    ความสุขไม่ได้อยู่ที่สิ่งของว่ามีมากจึงจามีความสุขแต่มันคงขึ้นอยู่กับเราว่า
    มันมีความสุขกับของเราหรือเปล่า การใช้ชีวิตให้พอใจกับสิงที่เรามี
    ใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับรูปแบบของชีวิตเราไม่หวังอะไรเกินตัวพอใจในสิ่งที่เราเป็น แค่นี้มันก็มีความสุขแล้ว.........ขอบคุณครับกับเรื่องดีๆ

    ตอบลบ
  16. ชีวิตนี้เราเองกำหนด
    ตถาคตท่านสอนไว้
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    สติตั้งไว้ อายตนะทั้ง 6

    ตอบลบ