By P'Nant
คุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของมนุษย์คือ การถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่งได้ ทำให้มนุษย์เรามีความก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ เราจะเห็นว่าปัจจุบันพัฒนากว่าอดีต และอนาคตต้องพัฒนาก้าวหน้าไปมากกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน ใครก็ตามที่ไม่ยอมเรียนรู้ประสบการณ์ในอดีต ย่อมมีโอกาสผิดพลาดซ้ำกับคนรุ่นก่อน ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งใหม่ๆ ย่อมมีโอกาสก้าวหน้าน้อยกว่าคนอื่น ในสังคมของคนทำงานมีคนอยู่สองกลุ่มใหญ่ๆ คือ คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ แต่คนในสองกลุ่มนี้ก็สามารถแบ่งออกได้สองกลุ่มเช่นกันคือ กลุ่มคนที่ยึดติดกับอดีตไม่ค่อยชอบการเปลี่ยนแปลง กับกลุ่มคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆชอบการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น การเป็นคนทำงานยุคใหม่หรือยุคเก่าจึงไม่ได้อยู่ที่อายุตัวหรืออายุงาน แต่อยู่ที่การปรับตัวในการทำงานมากกว่า เราจะเห็นว่าคนที่มีอายุตัวหรืออายุงานมากบางคน เป็นคนที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่กลัวเทคโนโลยี พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในขณะที่คนรุ่นใหม่บางคนชอบทำงานแบบคนรุ่นก่อนๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ทำงานแบบไหนก็อยากทำเหมือนเดิมไปตลอด จึงสรุปไม่ได้ว่าคนทำงานยุคใหม่คือคนที่มีอายุน้อยเท่านั้นเพื่อให้คนทำงานที่มีความคิดทันสมัย (ทั้งคนที่อายุมากและอายุน้อย) มีเส้นทางการทำงานที่สดใส จึงขอให้ข้อคิดและแนวทางในการทำงานสู่ความสำเร็จดังนี้ ประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนคือมรดกอันล้ำค่า
คนเราเกิดมามีชีวิตเพียงรอบเดียว ไม่เหมือนเกมส์คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิตที่หนึ่ง สอง สาม ตายแล้วเล่นใหม่ได้
ดังนั้น ในช่วงชีวิตโดยเฉพาะชีวิตแห่งการทำงาน คนทำงานรุ่นใหม่จึงควรป้องกันความผิดพลาดให้กับตัวเองโดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีทั้งประสบการณ์ที่เป็นความผิดพลาดที่สามารถนำมาใช้ในการวางแผน ป้องกันไม่ให้เราผิดพลาดซ้ำเรื่องเดียวกันกับคนรุ่นก่อน และนำเอาประสบการณ์ที่ดีของคนรุ่นก่อน มาเป็นสะพานในการก้าวไปสู่ความสำเร็จในการทำงาน ดังนั้น
อย่าดูถูกหรือมองข้ามประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนว่าโบราณคร่ำครึไม่ทันสมัย? บริหารงานแบบใหม่ แต่ใส่ใจในการบริหารคนแบบเก่า ใครอยากจะประสบความสำเร็จในการทำงาน จงเรียนรู้เทคโนโลยีและเครื่องมือการบริหารจัดการสมัยใหม่ให้มาก แต่ควรนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเหลือน้อยลงเช่น ใช้อินเตอร์เน็ตในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงาน แต่ควรจะมีเวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแบบซึ่งหน้าบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็ให้เทคโนโลยีพูดแทน นอกจากนี้ เราจะเห็นว่าคนทำงานรุ่นก่อนๆ มีความสัมพันธ์กันดีมาก คนที่เคยทำงานในองค์กรเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะจากกันไปกี่ปีก็ตาม เวลามาเจอกันความสัมพันธ์ก็ยังแน่นเฟ้นเหมือนเดิม จึงอยากให้คนทำงานรุ่นใหม่ อย่าลืมวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกันของคนรุ่นก่อนๆ เพราะยิ่งเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากเท่าไหร่ คนที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องเข้าใจคนมากขึ้นด้วย มีวินัยในตัวเอง นำพาตัวเองให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจ ความก้าวหน้า ความทันสมัยในด้านต่างๆ มักจะเป็นดาบสองคมเสมอ ยิ่งเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้คนเกิดกิเลศมากขึ้นเท่านั้น เช่น เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้า ยิ่งทำให้คนอยากได้โทรศัพท์มือถือ มีธุรกิจบัตรเครดิต มีธุรกิจซื้อสินค้าแบบเงินผ่อน ฯลฯ ยิ่งทำให้คนเกิดความอยากที่จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คนทำงานรุ่นใหม่จึงต้องเจอกับสิ่งล่อตาล่อใจ ที่จะทำให้เกิดกิเลสมากกว่าคนทำงานรุ่นก่อนๆ พูดง่ายๆ คือคนรุ่นใหม่มีความยากลำบากในการดูแลตัวเองมากกว่าคนรุ่นเก่า เพราะสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจในด้านต่างๆเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น คนทำงานรุ่นใหม่ จึงต้องมีความเข้มงวดกับการปกครองและดูแลตัวเองให้มากกว่า คนทำงานรุ่นก่อนๆ จัดระบบการเก็บสะสมสะเบียงเพื่อชีวิตในอนาคตคนทำงานรุ่นก่อนๆ บางคนเกษียณอายุไปแล้ว ไม่มีเงินติดไม้ติดมือกลับไปอยู่บ้านก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะที่บ้านมีมรดกที่ดินเรือกสวนไร่นาจากพ่อแม่ หรือไม่ก็สามารถดำรงชีพแบบพอเพียงแบบชาวบ้านได้ แต่คนรุ่นใหม่เรียนจบมาพร้อมกับการขายนาขายไร่ของพ่อแม่ ถ้าทำงานไปแบบไม่เก็บสะสมอะไรไว้เลย แล้วจะใช้ชีวิตในบั้นปลายได้อย่างไร สิ่งที่คนรุ่นใหม่ ควรจะสะสมเป็นสะเบียงให้กับชีวิตตัวเองในระยะยาวคือ ประสบการณ์ชีวิตทั้งในงานและนอกงาน สะสมความดีที่ทำให้กับตัวเองและผู้อื่น สะสมเงินทองเพื่อไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น สะสมความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงไว้บ้าง และสุดท้ายอาจจะต้องสะสมธรรมะเก็บไว้ในใจบ้าง เพราะชีวิตคนเรายิ่งอยู่นานมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งรุมเร้าที่จะเข้ามาในชีวิตเรานั้นมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาทางกายและปัญหาทางใจ ดังนั้น การสะสมธรรมะไว้ก็จะนำไปใช้ได้ในยามจำเป็น ไม่ใช่เพิ่งไปสวดมนต์ก็ตอนป่วย ไม่ใช่ไปทำดีช่วยเหลือคนอื่นตอนที่ตัวเองตกทุกข์ได้ยากแล้ว หลวงวิจิตรวาทการกล่าวไว้ว่า “มีเรือดีดี ไม่ขี่ข้าม ไปเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่ อยากได้แต่งานดีดี แต่เอาคนผีผีมาใช้งาน” คำกล่าวนี้ให้แง่คิดในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
1. พวกพายเรือทวนน้ำ คนประเภทนี้มีความคิดก้าวหน้า แต่มีนิสัยดื้อรั้น หัวแข็ง และก้าวร้าว การทำงานร่วมกับคนประเภทนี้ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น และใช้เวลาจูงใจมากกว่าปกติ แต่ก็จะทำให้ได้ผลงานที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
2. พวกพายเรือตามน้ำ คนทำงานประเภทนี้เป็นคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย และยอมทำตามกฎระเบียบทุกอย่างด้วยดี จึงทำงานร่วมกันได้ด้วยความสบายใจและได้ผลงานตามที่ต้องการ
3. พวกลอยตามยถากรรม คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงาน เพราะเป็นแรงงานที่ไม่สร้างประโยชน์ ทำงานไปวันๆ โดยไม่มีจุดหมาย ไม่ทะเยอทะยาน ไม่สร้างสรรค์ และขาดความกระตือรือร้น
4. พวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงานเช่นกัน เพราะชอบยุแยงตะแคงรั่ว สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้น และชอบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าสร้างสรรค์ผลงาน
คนเราเกิดมามีชีวิตเพียงรอบเดียว ไม่เหมือนเกมส์คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิตที่หนึ่ง สอง สาม ตายแล้วเล่นใหม่ได้
ดังนั้น ในช่วงชีวิตโดยเฉพาะชีวิตแห่งการทำงาน คนทำงานรุ่นใหม่จึงควรป้องกันความผิดพลาดให้กับตัวเองโดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนๆ ซึ่งมีทั้งประสบการณ์ที่เป็นความผิดพลาดที่สามารถนำมาใช้ในการวางแผน ป้องกันไม่ให้เราผิดพลาดซ้ำเรื่องเดียวกันกับคนรุ่นก่อน และนำเอาประสบการณ์ที่ดีของคนรุ่นก่อน มาเป็นสะพานในการก้าวไปสู่ความสำเร็จในการทำงาน ดังนั้น
อย่าดูถูกหรือมองข้ามประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนว่าโบราณคร่ำครึไม่ทันสมัย? บริหารงานแบบใหม่ แต่ใส่ใจในการบริหารคนแบบเก่า ใครอยากจะประสบความสำเร็จในการทำงาน จงเรียนรู้เทคโนโลยีและเครื่องมือการบริหารจัดการสมัยใหม่ให้มาก แต่ควรนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเหลือน้อยลงเช่น ใช้อินเตอร์เน็ตในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของงาน แต่ควรจะมีเวลาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานแบบซึ่งหน้าบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็ให้เทคโนโลยีพูดแทน นอกจากนี้ เราจะเห็นว่าคนทำงานรุ่นก่อนๆ มีความสัมพันธ์กันดีมาก คนที่เคยทำงานในองค์กรเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะจากกันไปกี่ปีก็ตาม เวลามาเจอกันความสัมพันธ์ก็ยังแน่นเฟ้นเหมือนเดิม จึงอยากให้คนทำงานรุ่นใหม่ อย่าลืมวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกันของคนรุ่นก่อนๆ เพราะยิ่งเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากเท่าไหร่ คนที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องเข้าใจคนมากขึ้นด้วย มีวินัยในตัวเอง นำพาตัวเองให้อยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจ ความก้าวหน้า ความทันสมัยในด้านต่างๆ มักจะเป็นดาบสองคมเสมอ ยิ่งเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้คนเกิดกิเลศมากขึ้นเท่านั้น เช่น เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้า ยิ่งทำให้คนอยากได้โทรศัพท์มือถือ มีธุรกิจบัตรเครดิต มีธุรกิจซื้อสินค้าแบบเงินผ่อน ฯลฯ ยิ่งทำให้คนเกิดความอยากที่จะสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คนทำงานรุ่นใหม่จึงต้องเจอกับสิ่งล่อตาล่อใจ ที่จะทำให้เกิดกิเลสมากกว่าคนทำงานรุ่นก่อนๆ พูดง่ายๆ คือคนรุ่นใหม่มีความยากลำบากในการดูแลตัวเองมากกว่าคนรุ่นเก่า เพราะสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อใจในด้านต่างๆเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น คนทำงานรุ่นใหม่ จึงต้องมีความเข้มงวดกับการปกครองและดูแลตัวเองให้มากกว่า คนทำงานรุ่นก่อนๆ จัดระบบการเก็บสะสมสะเบียงเพื่อชีวิตในอนาคตคนทำงานรุ่นก่อนๆ บางคนเกษียณอายุไปแล้ว ไม่มีเงินติดไม้ติดมือกลับไปอยู่บ้านก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เพราะที่บ้านมีมรดกที่ดินเรือกสวนไร่นาจากพ่อแม่ หรือไม่ก็สามารถดำรงชีพแบบพอเพียงแบบชาวบ้านได้ แต่คนรุ่นใหม่เรียนจบมาพร้อมกับการขายนาขายไร่ของพ่อแม่ ถ้าทำงานไปแบบไม่เก็บสะสมอะไรไว้เลย แล้วจะใช้ชีวิตในบั้นปลายได้อย่างไร สิ่งที่คนรุ่นใหม่ ควรจะสะสมเป็นสะเบียงให้กับชีวิตตัวเองในระยะยาวคือ ประสบการณ์ชีวิตทั้งในงานและนอกงาน สะสมความดีที่ทำให้กับตัวเองและผู้อื่น สะสมเงินทองเพื่อไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น สะสมความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงไว้บ้าง และสุดท้ายอาจจะต้องสะสมธรรมะเก็บไว้ในใจบ้าง เพราะชีวิตคนเรายิ่งอยู่นานมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งรุมเร้าที่จะเข้ามาในชีวิตเรานั้นมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาทางกายและปัญหาทางใจ ดังนั้น การสะสมธรรมะไว้ก็จะนำไปใช้ได้ในยามจำเป็น ไม่ใช่เพิ่งไปสวดมนต์ก็ตอนป่วย ไม่ใช่ไปทำดีช่วยเหลือคนอื่นตอนที่ตัวเองตกทุกข์ได้ยากแล้ว หลวงวิจิตรวาทการกล่าวไว้ว่า “มีเรือดีดี ไม่ขี่ข้าม ไปเอาเรือรั่วน้ำมาข้ามขี่ อยากได้แต่งานดีดี แต่เอาคนผีผีมาใช้งาน” คำกล่าวนี้ให้แง่คิดในการเลือกคนเข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
1. พวกพายเรือทวนน้ำ คนประเภทนี้มีความคิดก้าวหน้า แต่มีนิสัยดื้อรั้น หัวแข็ง และก้าวร้าว การทำงานร่วมกับคนประเภทนี้ต้องใช้ความอดทน อดกลั้น และใช้เวลาจูงใจมากกว่าปกติ แต่ก็จะทำให้ได้ผลงานที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
2. พวกพายเรือตามน้ำ คนทำงานประเภทนี้เป็นคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย และยอมทำตามกฎระเบียบทุกอย่างด้วยดี จึงทำงานร่วมกันได้ด้วยความสบายใจและได้ผลงานตามที่ต้องการ
3. พวกลอยตามยถากรรม คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงาน เพราะเป็นแรงงานที่ไม่สร้างประโยชน์ ทำงานไปวันๆ โดยไม่มีจุดหมาย ไม่ทะเยอทะยาน ไม่สร้างสรรค์ และขาดความกระตือรือร้น
4. พวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ คนทำงานประเภทนี้เป็นอันตรายต่อหน่วยงานเช่นกัน เพราะชอบยุแยงตะแคงรั่ว สร้างความร้าวฉานให้เกิดขึ้น และชอบวิพากษ์วิจารณ์มากกว่าสร้างสรรค์ผลงาน
ถ้าใครสามารถโยง 4 กลุ่มเข้ามาทำงานร่วมกันได้ ถือว่าสุดยอด
ตอบลบเยี่ยมไปเลย บทความนี้
ตอบลบบุคคลไหนอยากเรียนลัด ต้องเข้าหาผู้มีประสบการณ์นั้น ๆ
คนรุ่นไหม่จะเเกร่งในเรื่องเทคโนโลยี
คนรุ่นเก่าจะเเกร่งในเรื่องประสปการณ์
ผมก็อีคนหนึ่งซึ่งอยากพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมันคง และ ถ้าจะผ่านไปได้นั้นก็ต้องอาศัยคำชี้แนะจากคนรุ่นก่อนเป็นแนวทางเสริมสร้างทำให้พัฒนาไปได้อย่างมั้นคง
ตอบลบขอบคุณครับแง่คิดดีดีจากระดับตำนานที่ใช้ประสบการณ์อันยาวนานมาเพื่อปั้น(ดินเหนียวอย่าง)ผมให้ไปถูกทางครับ
ตอบลบถ้าพายแล้วจับปลาสองมืออย่างพี่มิตรล่ะพี่ อิอิ
ตอบลบประสบการณ์เป็นสิ่งที่ดี และเทคโนโลยี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้านำมาผสมผสานกันอย่างสมดุลย์แล้ว คิดว่าน่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ตอบลบบทความดีดี กับ.......ทีมงานคุณภาพ สุดยอดครับ P'NANT
ตอบลบมีทั้ง แง่คิด คติสอนใจ รวมถึงหลักการทำงาน ถ้าใครทำตาม ได้ ผมคิดว่าน่าจะประสบณ์ความสำเร็จอย่างแน่นอน สู้ๆครับบ....
ผมพายเรือไม่เป็นครับแต่ เราก็ต้องฝึกแรกๆอาจมีทั้งปล่อย ขวาง ทวน ตาม แต่สักวันหนึ่งในความพยายามที่ทำผมคิดว่าน่าจะมีทิศทางที่ดีและพายเรือได้สักวัน
ตอบลบไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะหาใครสักคนเป็นต้นแบบและทำตามวิธีของเขา แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวคุณ การเรียนรู้จากความผิดผลาดของพวกเขาจะช่วยคุณประหยัดเวลาในการลองผิดลองถูก ด้วยตัวเอง และช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จได้เร็วขึ้น
ตอบลบแหม...ช่วงนี้พี่นันแย็ปตลอดเลยนะครับ เอาบทความดีๆมาฝากตลอดเลย เวลาอ่านแล้วผมก็มักจะย้อนดูตัวเอง บางทีก็นำเอาคำแนะนำเหล่านี้มาปรับปรุงใช้กับตัวเองเพื่อที่จะเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ตอบลบผมเคยได้ยินเค้าพูดกันไว้ว่า " ศิษย์มีครู " จะเป็นศิษย์ที่ดีได้ก็ต้องมีความมานะบากบั่น มีความเคารพ เกรงใจ อ่อนน้อมถ่มตน และหมั่นฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ โดยได้รับการอบรมจากครูบาอาอาจารย์ที่ดี
...เทส...ข้อความไม่เข้า
ตอบลบเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นความจริงซึ่งคนเราทุกคนนั้นมีความคิดไม่เหมือนกัน บางกลุ่มยึดถือประสบการณ์คนสมัยก่อน ส่วนบางกลุ่มยึดถือประสบการณ์ในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นตัวเราเองควรที่จะเรียนรู้ค้นคว้าหาความรู้ทุกๆด้านไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือสมัยใหม่ เพื่อประโยชน์แก่ตัวเราและพัฒนาตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆครับ
ตอบลบ-ผู้ไม่มีแผลเป็น คือผู้ไม่มีประสบการณ์
ตอบลบ-อุปสรรค เป็นเหมือนเงา ที่มักจะใหญ่ตามความสำเร็จ
-ไปให้สุดแล้วหยุดที่คำว่าพอ
เรียนรู้สิ่งใด เรียนรู้จากคน เรื่องราวทุกอย่างคนเป็นผู้สร้างขึ้น เป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้และประสบการณ์
ตอบลบคอมเมนต์เรื่องการพายเรือเป็นการยกตัวอย่างที่น่าสนใจเลยครับ
ตอบลบพายเรือทวนน้ำ หรือ ตามน้ำก็ตามที่ ล้วนเป็นส่วนผสมที่โอเค
แต่ลอยตามยถากรรม กับ เอาเท้าราน้ำนี่ ยากแก่การเข้าใจ...
คนทำงานรุ่นใหม่จึงต้องเจอกับสิ่งล่อตาล่อใจ ที่จะทำให้เกิดกิเลสมากกว่าคนทำงานรุ่นก่อนๆ พูดง่ายๆ คือคนรุ่นใหม่มีความยาก แล้วจะทๆอย่างไงให้มันหายอ่ะพี่
ตอบลบการเป็นกลางถือว่าดีที่สุดครับ
ตอบลบถ้าเกิดว่าเราไม่ได้ทำประโยชน์ให้ใครอย่างน้อยเราก็จะไม่ได้เป็นตัวถ่วงใคร
แต่เนื่องจากคนเราเกิดมาทั้งทีก็ควรที่จะทำตัวให้มีค่าและทำตัวให้มีประโยชน์ได้มากที่สุดครับ
จากที่ผ่านมาในสังคมไทยได้มีสุภาษิตมากมายที่คนสมัยก่อนทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ร่วมถึงประสบการณ์ต่างๆที่ผู้ใหญ่จะสอนให้ลูกหลาน นี่แหละครับที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า "อาบน้ำร้อนมาก่อน"
ตอบลบความรู้เหมือนดาบ ยิ่งใช้ยิ่งคม
ตอบลบผุ้ใดมีความรู้แล้วนำความรู้ของตนมาใช้และถ่ายทอดให้ผู้อื่น
ผู้นั้นจะยิ่งเกิดความชำนาญและเป็นการเพิ่มคุณค่าแห่งความรู้นั้นด้วย
เปรียบเสมือนดาบที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์และได้รับการเอาใจใส่ดูแล
ให้คงไว้ซึ่งความคมตลอดเวลา
อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ใช่วาจะเก่งเสมอไปให้ระวัง
จริงไหม คุณพะชอน
happy birthday นะครับพี่นัน คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปราถนา รวยๆๆ ครับ งวดนี้ " 44,43 "
ตอบลบวันนี้ไปทำบุญมานำบุญมาฝากพี่น้องชาวSOLVAYทุกคน
ตอบลบขอให้เงินทองไหลมาเทมา นะ ชา ลี ติ
ของที่คนรุ่นเก่าทิ้งใว้ให้คนรุ่นหลังถือว่าเป็นของที่มีคุณค่าเราทุกคนควรเก็บรักษาใว้ให้ดีนะครับ
ตอบลบอยู่ที่ไหนก็ทำให้เหมือนบ้านของเรา ทำอะไรก็ให้คิดเหมือนบ้านเรา
ตอบลบบ้านของเราเราดูแลอย่างไร ที่ทำงานก็ทำให้เหมือนบ้านของเรา สร้างความผูกพันธ์ ในองค์กร ก็เหมือนสร้างพี่สร้างน้องในบ้านเรือน
ข้อความดี ของผมมีกด Like เหมือนfacebook ไหมครับจะกด กดกดกด ซัก ร้อยสองร้อย
ตอบลบมือของลูก จับปากกา มาขีดเขียน
ตอบลบเพื่อร่ำเรียน เพียรวิชา ณ เมืองใหญ่
มือของพ่อ กลับตรากตรำ ทำนาไป
จับคันไถ หนักสุดฝืน บนผืนนา
เท้าของลูก ที่ก้าวย่าง อย่างเริงรื่น
ในค่ำคืน เที่ยวบาร์คลับ กลับตีห้า
เท้าของพ่อ เหยียบโคลน บนผืนนา
ปักดำกล้า สู้ฟ้าฝน ทนทำกิน
ตาของลูก จ้องดูหนัง ยังโรงใหญ่
ตากแอร์เห็น เย็นสบาย ใช้เงินสิ้น
ตาของพ่อ ยังพร่ามัว กลั้วเศษดิน
หาเงินใช้ ไถ่หนี้สิน ให้สิ้นตัว
หัวใจลูก คิดถึงแฟน ที่แสนรัก
และเพื่อนพรรค มิตรไมตรี ที่เล่นหัว
หัวใจพ่อ ไม่เคยอยู่ คู่เนื้อตัว
คิดถึงลูก ทุกคนทั่ว กลัวลูกจน
ปากของลูก ตะโกนก้อง ร้องคาราโอเกะ
เที่ยวเกเร ตามผับหรู อยู่ทุกหน
ปากของพ่อ ขอพรพระ มาสวดมนต์
ขอพรให้ ลูกได้พ้น อันตราย
อาหารลูก คือพิซซ่า หน้าอร่อย
ที่ผลาญเงิน เกินกว่าร้อย ด้อยความหมาย
พ่ออยู่บ้าน ทานน้ำพริก ก็พอใจ
เจียดเงินให้ ลูกได้เรียน เพียรวิชา
ตัวลูกหวัง ความสบาย ไม่ลำบาก
จึงเพียรพาก ตั้งใจเรียน เพียรศึกษา
ตัวพ่อหวัง เพียงแค่ลูก หวนคืนมา
รอเวลา มาฝังกาย พ่อวายชนม์
ถูกต้องครับพี่ เหมือนที่พี่สอนผมไง ผู้ใหญ่มีประสบการมากผ่านอะไรอะไรมา มาก ทั้งวิชาการและการใช้ชีวิต อามะพันเต
ตอบลบมาอีกแล้วลูกพี่เนี่ยเจ้าบทเจ้ากลอนจริงๆๆๆ
ตอบลบแก่แต่เก๋ารับส่งน้องๆด้วยนะครับ
ตอบลบคนเราควรจะมีสติและความคิดในการดำรงค์ชีวิตให้มาก และเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆโดยมีประสบการ์ณเก่าๆเป็นแบบอย่างในบางเรื่องที่ดี มาดำเนินชีวิตในปัจจุบัน
ตอบลบอะฮั้ม!!!!สวัสดีครับทุกท่าน ผมมารายงานตัวแล้วหลังจากหายไปนาน
ตอบลบผมได้ลองอ่านบทความของคุณสุนันท์และเพื่อนๆๆพี่น้องทุกท่านแล้ว
กล่าวได้ว่าการที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนั้นไม่ได้ใช่แค่ความรู้ความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่ต้องใชใจ ความอดทนอดกลั่น ความพยายาม ความกระตือรือล้น ความไม่หยุดนิ่งต้องตามให้ทันกับยุคสมัย ประสบการณ์และที่สำคัญ//การมีสติในการทำงานทุกครั้ง/// ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยทำงานโดยไม่มีสติและไม่คิดให้รอบขอบจึงทำให้เกิดผลเสียกับทุกด้านแต่ผมก็ไม่โทษใครและก็จะไม่โทษตัวเอง ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์ครั่งนี้จะเสียอย่างเดียว แต่ผมก็ได้ด้วย คือได้ประสบการณ์ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้น ได้ระวังตัวคิดอย่างรอบขอบ และจะมีสติทุกครั้งที่ทำงาน
สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆๆน้องๆๆทุกท่านที่ยังให้กำลังใจ ให้ความรู้ และคอยแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีให้กันอยู่ สวัสดีครับ
การทํางานในยุคปัจจุบัน ต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะโลกในยุคปัจจุบันการแข่งขันสุง เราเองต้องปรับตัว เขากับองค์กรและเพื่อนรวมงานให้ได้
ตอบลบนอกเรื่องหน่อยครับ (จากลูก...ถึงพ่อ) เพื่อคุณพี่สุนันท์ อิอิ!
ตอบลบน้ำตาเอ่อ คลอเบ้า เคล้าสะอื้น
ไม่อาจฝืน น้ำตา คราหลั่งไหล
พ่อสุดรัก สุดหวง ดั่งดวงใจ
ต้องจากไป ทิ้งร่างไว้ ไร้วิญญาณ
ยังไม่ทัน เห็นใจ พ่อไปก่อน
ลูกมัวนอน หลับไหล ให้ฝันหวาน
คิดไม่ถึง ด่วนจากไป ไกลแสนนาน
ยามวิกาล รับทราบข่าว เกือบเช้าเชียว
พระคุณพ่อ แสนยิ่งใหญ่ มีให้ลูก
เป็นสิ่งผูก สายใย ให้เฉลียว
สร้างความรัก ความผูกพัน อันกลมเกลียว
ใจแห้งเหี่ยว เมื่อพ่อพราก จากลูกไป
ในวัยเด็ก พ่อสอนสั่ง ลูกยังดื้อ
ร้องไห้ฮือ พ่อปลอบโยน จนหลับไหล
ชอบออดอ้อน ทุกคืนค่ำ อยู่ร่ำไป
พ่อคือใจ ของลูก ผูกสัมพันธ์
เข้าวัยเรียน เพียรหา เงินมาให้
แม้ลำบาก เพียงใด พ่อไม่หวั่น
ขอเพียงลูก ร่ำเรียน อ่านเขียนทัน
จวบถึงวัน สำเร็จ เสร็จการเรียน
ลูกมีงาน ประจำ ทำงานหลวง
คงเป็นดวง ของชีวิต ลิขิตเขียน
เงินเดือนออก ไม่ให้ตังค์ ยังเบียดเบียน
ไม่ติเตียน เพียงบอกให้ ใช้ระวัง
กลับบ้านดึก พ่อชะเง้อ ใจเพ้อหา
ลูกไม่มา ตาไม่หลับ กลับหันหลัง
ลูกเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้า เมาเสียงดัง
ไม่ชิงชัง คำว่าลูก ทำทุกข์ตรม
จากวันนี้ ไม่มีพ่อ คอยห่วงหา
หยดน้ำตา ลูกรินไหล ให้ขื่นขม
กราบเท้าพ่อ ครั้งสุดท้าย ใจระทม
ไร้สุขสม ทุกข์ สลด อดแทนคุณ
รักพ่อให้มากๆนะครับ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส...