By P’ Tinnagorn
พอดีไปเจอบทความที่น่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์ต่อน้องๆหรือคนที่สนใจเกี่ยวกับลักษณะของคนทำงานในองค์กรซึ่ง ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะลองอ่านดูว่าเราจัดอยู่ในกลุ่มไหนครับ
คนทำงาน 3 Generation
ตามหลักสากล จะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generation) คือ Baby Boomer Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการ ทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความ จงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก
Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522 มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง
Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2543 เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่ม เข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการ ทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความ สามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน
ในบางแหล่งข้อมูล แบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่ม โดยผสานแนวคิด วิธีการ ในการทำงานร่วมกัน "แค่เข้าใจ ... ทุกอย่างก็ลงตัว"
หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือ การที่คนหลายรุ่นหลายวัยหลายความคิด ต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจกัน..จนก่อตัวเป็นความขัดแย้งในที่สุด
บางทีความแตกต่าง คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ เพียงขอให้เปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้งก็จะได้พบโลกใบใหม่ที่งดงาม หลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้อย่างถูกช่องถูกกลุ่ม ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ คาดไม่ถึง
ใครเป็นใครในที่ทำงาน
เราจะแบ่งรุ่นของคนทำงานในที่ทำงานให้ชัดๆ ก่อน โดยจำแนกจากช่วงปีเกิด ซึ่งจะสัมพันธ์กับประสบการณ์ในช่วงเติบโต ทำให้เห็นยุคสมัยที่หล่อหลอมความคิดของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้น
กลุ่มลายคราม : คนที่เกิดก่อนปี 2488
ลาย คราม...ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา หรือเป็นพนักงานวัยใกล้เกษียณ คนกลุ่มนี้จะมีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนานของพวกเขานั่นเอง คนกลุ่มนี้จะเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ จึงเติบโตมาท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้รู้จักคุณค่าของเงิน มักมีคุณลักษณะที่มั่นคงเชื่อใจได้ สู้งานหนัก ใช้จ่ายอย่างรู้คิด และภักดีต่อองค์กรสูง
กลุ่ม Baby Boom : คนที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507
หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อย ๆ ขึ้นมากมาย Baby Boom เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ยุคความเป็นอุตสาหกรรม Baby Boom ก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น เต็มเหยียดวันละ 8 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์
ลูกจ้าง Baby Boom มักเคยชินต่อการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้น ต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง
กลุ่ม Generation–X : คนที่เกิดช่วงปี 2508 – 2523
Generation–X ลืมตาดูโลกในช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นสุดฮิตของเด็กรุ่นจึงไม่ใช่ม้าโยก หรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่เป็นวิดีโอเกม เกมกด และ Walkman พวกเขาเติบโตมาในยุครอยต่อของ Analog กับ Digital อยู่ ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าที่สังคมเปลี่ยนแปลงในทางวัตถุนี้ กลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีต่อองค์กรของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออก และเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น
ไม่แปลกที่ชาว Baby Boom ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาว Generation–X ปฏิเสธการทำงานล่วงเวลา หรือลาออกไปหางานใหม่หน้าตาเฉยหากไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะ Generation–X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต
กลุ่ม Millennium : คนที่เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
Millennium คือ กลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรง แต่ยังอ่อนต่อประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ หรือบางคนมีแผนที่จะเรียนต่อ ชาว Millennium โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ
ชาว Millennium จะมีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงให้การสนับสนุนให้ Millennium ได้เสริมทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ฉะนั้น Millennium จึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข
ในขณะที่ ชาว Generation-X เปลี่ยนงานครั้งที่ 12 เพื่อเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน แต่ชาว Millennium จะลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง
สลายช่องว่างสร้างความเข้าใจ
เมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ใครมีค่านิยมในชีวิตอย่างไร ใคร ๆ ก็สามารถสร้างสะพานข้ามช่องว่าง เพื่อข้ามไปหากันได้ สูตรสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างวัยมีอยู่ 3 ขั้นตอน
1. เข้าใจถึงความแตกต่าง ยอมรับว่าคนเราถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน คนที่มีความเชื่อ หรือทัศนคติต่อชีวิตไม่เหมือนคุณ เขาไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป
2. ชื่นชมจุดดี แทนที่จะต่อต้าน ให้เราลองมองหาจุดเด่นของคนในแต่ละกลุ่มให้พบ
3. บริหารความแตกต่าง เปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงคนแต่ละกลุ่มที่เราต้องทำงานด้วย
ทำงานกับกลุ่มลายคราม
จงให้เกียรติและให้ความเคารพอย่างสูงต่อพวกเขา เมื่อคุณให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้เกียรติคุณ แล้วถ้าบังเอิญคุณมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา จงแสดงความชื่นชมต่อเขาในด้านการเป็นเสาหลักขององค์กร และจงรับฟังเมื่อพวกเขาถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีต การต่อสู้ ความพากเพียรในการทำงานจนผ่านพ้นความยากลำบากมาได้ เพราะสิ่งนั้นคือ สิ่งที่คนรุ่นหลังไม่มี และไม่รู้จัก อย่ามองว่า..กลุ่มลายครามคือ หมาล่าเนื้อไม่มีที่ไป แต่การที่พวกเขาทำงานอยู่จนถึงวัยเกษียณนั้น เป็นเพราะพวกเขา เชื่อในคุณค่าของความมั่นคง และถือความซื่อสัตย์เป็นที่สุด
ทำงานกับกลุ่ม Baby Boom
จงแสดงความนับถือ รับฟัง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของ Baby Boom แล้วพยายามปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจแค่ไหน หรือคุณจะประสบความสำเร็จเพียงใด คุณก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ อย่าแสดงออกว่าการทำงานหนัก คือ การถูกเอาเปรียบ เพราะ Baby Boom ให้ความสำคัญต่อหลักการทำงาน ยึดถือวัฒนธรรมองค์กร และเห็นคุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท หากต้องทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งบริหารงานโดย Baby Boom ควรพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรเสียก่อนว่ามีการเจริญเติบโตมาอย่างไร ก่อนที่จะเสนอความคิดริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ Baby Boom
ทำงานกับกลุ่ม Generation–X
ต้องพูดให้กระชับ ชัดเจนและไม่อ้อมค้อม เพราะ Generation–X ชอบความตรงไปตรงมา คุณสามารถใช้ Email กลับคนกลุ่มนี้ได้ หากคุณสามารถสื่อสารได้ใจความและตรงเป้าหมาย หากเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ควรพูดต่อหน้า เพราะ Generation–X ไม่ชอบถูกบงการ ผู้ใหญ่แค่ให้นโยบายกว้าง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ปัญหาเองจะดีที่สุด ส่วน Baby Boom ควรลดความคาดหวังต่อ Generation–X ในการทำงานหนักอย่างหนักโดยไม่มีวันหยุด หรือก้าวไปอย่างช้า ๆ อย่างรุ่นตน เพราะ Generation–X ต้องการชีวิตที่สมดุล ไม่ชอบการอยู่ติดที่
ทำงานกับกลุ่ม Millennium
ลองท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ ๆ Millennium จะชอบความเป็นคนสำคัญ การเพิ่มความรับผิดชอบ เสมือนการให้คำชม จงเปิดโอกาสให้ Millennium ได้แสดงความคิดเห็นของเขา เห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีม ผู้ใหญ่ที่ยอมรับความคิดเขา ก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน Millennium ชอบให้คุณแสดงออกต่อสิ่งที่พวกเขาทำทุกขณะจิต เพราะความรู้สึกและความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน มีผลต่อพวกเขามาก
ตามหลักสากล จะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generation) คือ Baby Boomer Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507 จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงานแม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการ ทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อยเนื่องจากมีความ จงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก
Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2522 มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง
Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523-2543 เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่ม เข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการ ทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความ สามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร และยังสามารถทำงานหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน
ในบางแหล่งข้อมูล แบ่งแยกออกเป็น 4 กลุ่ม โดยผสานแนวคิด วิธีการ ในการทำงานร่วมกัน "แค่เข้าใจ ... ทุกอย่างก็ลงตัว"
หนึ่งในสาเหตุของความเครียดในที่ทำงาน คือ การที่คนหลายรุ่นหลายวัยหลายความคิด ต้องมาทำงานร่วมกัน ความแตกต่างระหว่างเลขวัยที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ของประสบการณ์ มักนำมาซึ่งความไม่เข้าใจกัน..จนก่อตัวเป็นความขัดแย้งในที่สุด
บางทีความแตกต่าง คือ กุญแจแห่งความสำเร็จ เพียงขอให้เปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้งก็จะได้พบโลกใบใหม่ที่งดงาม หลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้อย่างถูกช่องถูกกลุ่ม ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ คาดไม่ถึง
ใครเป็นใครในที่ทำงาน
เราจะแบ่งรุ่นของคนทำงานในที่ทำงานให้ชัดๆ ก่อน โดยจำแนกจากช่วงปีเกิด ซึ่งจะสัมพันธ์กับประสบการณ์ในช่วงเติบโต ทำให้เห็นยุคสมัยที่หล่อหลอมความคิดของพวกเขาได้ชัดเจนขึ้น
กลุ่มลายคราม : คนที่เกิดก่อนปี 2488
ลาย คราม...ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา หรือเป็นพนักงานวัยใกล้เกษียณ คนกลุ่มนี้จะมีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์การทำงานอันยาวนานของพวกเขานั่นเอง คนกลุ่มนี้จะเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติ จึงเติบโตมาท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่มีทรัพยากรที่จำกัด ทำให้รู้จักคุณค่าของเงิน มักมีคุณลักษณะที่มั่นคงเชื่อใจได้ สู้งานหนัก ใช้จ่ายอย่างรู้คิด และภักดีต่อองค์กรสูง
กลุ่ม Baby Boom : คนที่เกิดช่วงปี 2489 – 2507
หลังสงครามยุติ ประเทศเข้าสู่ความสงบ การรณรงค์คุมกำเนิดยังไม่แพร่หลาย จึงเกิดพลเมืองตัวน้อย ๆ ขึ้นมากมาย Baby Boom เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกับคนวัยเดียวกันเพื่อให้ได้งาน ยิ่งเมื่อประเทศกำลังพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ยุคความเป็นอุตสาหกรรม Baby Boom ก็ยิ่งจำเป็นต้องทำงานหนักมากขึ้น เต็มเหยียดวันละ 8 ชั่วโมง 6 วันต่อสัปดาห์
ลูกจ้าง Baby Boom มักเคยชินต่อการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้นายจ้างยอมรับในศักยภาพ การจะก้าวไปสู่ตำแหน่งใหญ่นั้น ต้องใช้เวลาและแรงผลักดันอย่างสูง
กลุ่ม Generation–X : คนที่เกิดช่วงปี 2508 – 2523
Generation–X ลืมตาดูโลกในช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่งยานอวกาศออกไปนอกโลกได้สำเร็จ ของเล่นสุดฮิตของเด็กรุ่นจึงไม่ใช่ม้าโยก หรือตุ๊กตาหมีอีกต่อไป แต่เป็นวิดีโอเกม เกมกด และ Walkman พวกเขาเติบโตมาในยุครอยต่อของ Analog กับ Digital อยู่ ท่ามกลางเทคโนโลยีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ทว่าที่สังคมเปลี่ยนแปลงในทางวัตถุนี้ กลับทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอน ความภักดีต่อองค์กรของคนรุ่นนี้จึงคลายลงมาก นำมาสู่การลาออก และเปลี่ยนงานเป็นว่าเล่น
ไม่แปลกที่ชาว Baby Boom ผู้ไม่เคยเกี่ยงที่จะทำโอทีจนดึกดื่น จะอึ้งที่ชาว Generation–X ปฏิเสธการทำงานล่วงเวลา หรือลาออกไปหางานใหม่หน้าตาเฉยหากไม่พอใจ ทั้งนี้เพราะ Generation–X เชื่อว่างานไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต
กลุ่ม Millennium : คนที่เกิดปี 2524 เป็นต้นมา
Millennium คือ กลุ่มคนทำงานหน้าใหม่ไฟแรง แต่ยังอ่อนต่อประสบการณ์ บางคนอาจยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ หรือบางคนมีแผนที่จะเรียนต่อ ชาว Millennium โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ รวมถึงระบบการศึกษาที่เริ่มให้ความสำคัญกับการคิดมากกว่าการท่องจำ
ชาว Millennium จะมีพ่อแม่ที่มีความรู้สูง จึงให้การสนับสนุนให้ Millennium ได้เสริมทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ฉะนั้น Millennium จึงชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และสนุกกับการทำงานเป็นทีม ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข
ในขณะที่ ชาว Generation-X เปลี่ยนงานครั้งที่ 12 เพื่อเป็นผู้บริหารระดับสูงกินเงินเดือนเรือนแสน แต่ชาว Millennium จะลาออกไปเริ่มธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง
สลายช่องว่างสร้างความเข้าใจ
เมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ใครมีค่านิยมในชีวิตอย่างไร ใคร ๆ ก็สามารถสร้างสะพานข้ามช่องว่าง เพื่อข้ามไปหากันได้ สูตรสร้างสะพานข้ามช่องว่างระหว่างวัยมีอยู่ 3 ขั้นตอน
1. เข้าใจถึงความแตกต่าง ยอมรับว่าคนเราถูกหล่อหลอมมาไม่เหมือนกัน คนที่มีความเชื่อ หรือทัศนคติต่อชีวิตไม่เหมือนคุณ เขาไม่ใช่คนไม่ดีเสมอไป
2. ชื่นชมจุดดี แทนที่จะต่อต้าน ให้เราลองมองหาจุดเด่นของคนในแต่ละกลุ่มให้พบ
3. บริหารความแตกต่าง เปลี่ยนวิธีการสื่อสารให้เข้าถึงคนแต่ละกลุ่มที่เราต้องทำงานด้วย
ทำงานกับกลุ่มลายคราม
จงให้เกียรติและให้ความเคารพอย่างสูงต่อพวกเขา เมื่อคุณให้เกียรติผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะให้เกียรติคุณ แล้วถ้าบังเอิญคุณมีตำแหน่งสูงกว่าพวกเขา จงแสดงความชื่นชมต่อเขาในด้านการเป็นเสาหลักขององค์กร และจงรับฟังเมื่อพวกเขาถ่ายทอดประสบการณ์ในอดีต การต่อสู้ ความพากเพียรในการทำงานจนผ่านพ้นความยากลำบากมาได้ เพราะสิ่งนั้นคือ สิ่งที่คนรุ่นหลังไม่มี และไม่รู้จัก อย่ามองว่า..กลุ่มลายครามคือ หมาล่าเนื้อไม่มีที่ไป แต่การที่พวกเขาทำงานอยู่จนถึงวัยเกษียณนั้น เป็นเพราะพวกเขา เชื่อในคุณค่าของความมั่นคง และถือความซื่อสัตย์เป็นที่สุด
ทำงานกับกลุ่ม Baby Boom
จงแสดงความนับถือ รับฟัง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของ Baby Boom แล้วพยายามปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเก่งกาจแค่ไหน หรือคุณจะประสบความสำเร็จเพียงใด คุณก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เสมอ อย่าแสดงออกว่าการทำงานหนัก คือ การถูกเอาเปรียบ เพราะ Baby Boom ให้ความสำคัญต่อหลักการทำงาน ยึดถือวัฒนธรรมองค์กร และเห็นคุณค่าต่อการทำงานอย่างทุ่มเท หากต้องทำงานในองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งบริหารงานโดย Baby Boom ควรพยายามเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรเสียก่อนว่ามีการเจริญเติบโตมาอย่างไร ก่อนที่จะเสนอความคิดริเริ่มเพื่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แก่ Baby Boom
ทำงานกับกลุ่ม Generation–X
ต้องพูดให้กระชับ ชัดเจนและไม่อ้อมค้อม เพราะ Generation–X ชอบความตรงไปตรงมา คุณสามารถใช้ Email กลับคนกลุ่มนี้ได้ หากคุณสามารถสื่อสารได้ใจความและตรงเป้าหมาย หากเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ควรพูดต่อหน้า เพราะ Generation–X ไม่ชอบถูกบงการ ผู้ใหญ่แค่ให้นโยบายกว้าง ๆ เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ปัญหาเองจะดีที่สุด ส่วน Baby Boom ควรลดความคาดหวังต่อ Generation–X ในการทำงานหนักอย่างหนักโดยไม่มีวันหยุด หรือก้าวไปอย่างช้า ๆ อย่างรุ่นตน เพราะ Generation–X ต้องการชีวิตที่สมดุล ไม่ชอบการอยู่ติดที่
ทำงานกับกลุ่ม Millennium
ลองท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ ๆ Millennium จะชอบความเป็นคนสำคัญ การเพิ่มความรับผิดชอบ เสมือนการให้คำชม จงเปิดโอกาสให้ Millennium ได้แสดงความคิดเห็นของเขา เห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีม ผู้ใหญ่ที่ยอมรับความคิดเขา ก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน Millennium ชอบให้คุณแสดงออกต่อสิ่งที่พวกเขาทำทุกขณะจิต เพราะความรู้สึกและความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน มีผลต่อพวกเขามาก
เพียงขอให้เปิดใจทำความรู้จักคนแต่ละรุ่นให้ลึกซึ้งก็จะได้พบโลกใบใหม่ที่งดงาม หลากหลาย และหากเลือกที่จะสื่อสารได้อย่างถูกช่องถูกกลุ่ม ก็อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ คาดไม่ถึง
ตอบลบคนที่อยู่ในยุคสมัยใหม่ ก็ต้องคอย นำประสบการณ์จากคนสมัยเก่ามาใช้ เพราะจะได้ ทำงานแบบทันสมัยและอดทน ยังไงก็สู้ต่อไปนะทุกคน
ตอบลบเราอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่าง baby boom กับ generation x เสียด้วย แต่จะอยู่ในช่วง baby boom เสียมากกว่าแต่ก็จะทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้และรักองค์กร เพราะ 20 กว่าปีที่อยู่กับองค์กรมา ได้ทั้งประสบกาณ์ได้ทั้งความสัมพันธ์ใกล้ชิดในหมู่เพื่อนร่วมงานในลักษณะพี่น้อง และได้ทั้งชีวิตความเป็นอยู่
ตอบลบทำงานก็เหนื่อยพอแล้วครับ ยังต้องมานั่งลุ้น ทุกวันอีกว่า วันไหนรถจะมาไหม
ตอบลบจะมากี่โมง จะได้กลับกี่โมง ฝากช่วยดูแล ด่วน.....ครับ.....ไม่ไหวแล้ว
หากพบปัญหาเรื่องรถอย่าลืมเมลบอกนะ เจอทุกครั้งเมลบอกพี่ยุรีทุกครั้ง อย่างน้อยคนที่ดูแลเค้าก็จะได้รับเรื่องโดยตรงนะครับ ถ้าเมลไม่เป็นพี่ๆหัวหน้ากะทุกคนสามารถส่งเมลได้นะครับ ยิ่งไม่ไหวนี่ยิ่งต้องรีบเมล!!!
ลบShift Manager หรือ พี่ๆว่าที่ Shift Manager ทุกคนต้องนำทีมงานไปให้ถูกทางด้วยนะครับ ว่าเราควรสื่อสารให้ไปถึงคนที่ดูแล ผ่านช่องทางที่ถูกต้อง ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องติดตามสม่ำเสมอครับ ว่าเรื่องมันไปถึงไหนแล้วและสื่อสารข้อเท็จจริงให้ทีมงานว่ามันติดขัดตรงไหน ข้อจำกัดคืออะไรนะครับ
ส่วนตัวแล้วผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ว่า "แจ้งแล้วจบ" คือ หมดหน้าที่แล้ว แจ้งแล้ว ไม่มีอะไรต่อ... ทุกคนสามารถติดตามได้นะครับว่าไปถึงไหนแล้ว เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นสิทธิคนได้รับผลกระทบต้องติดตามนะครับ การติดตามกับคนที่ดูแลเรื่องนี้จะทำให้เราทราบข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ถูกต้อง มากกว่าการมานั่งคิดกันเอาเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เชื่อผมเถอะ เราบ่นกันเองมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานะครับมีแต่จะบั่นทอนจิตใจกันเองเปล่าๆ
ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากเห็นเพื่อนร่วมงานบ่นหรอกครับ แต่ทุกอย่างมันมีขั้นมีตอนของมันนะ เหมือนการที่คนทำผิด เราประหารเลยไม่ได้หรอกครับ ต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้ครับ
ไม่ว่าเราจะอยู่กลุ่มไหน ถ้าเรามีความตั้งใจ ใส่ใจ ทีจะเรียนรู้ให้กับงานที่เราทำอยู่ มองเพื่อนร่วมงานในแง่บวก ก็จะทำให้เราทำงานอย่างมีความสุข
ตอบลบนับถือชาว Baby boom ที่ทำงานอย่างอดทน...และน้อง ๆ ชาว millenium ที่มีทักษะทีทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง, ใช้และเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างฉลาด
ตอบลบเคารพในความแตกต่าง รักษาจุดแข็ง เสริมจุดอ่อน ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข หน่วยงานเจริญรุ่งเรือง
เด็กระยองและพี่น้อง solvay AIE - พี่กับนิคจะติดตามปัญหานี้ให้ต่อไปครับ ที่ผ่านมาเรามีการ feedback ปัญหาไปยังผู้ให้บริการ แต่กรณีเกิดปัญหาซ้ำ หลาย ๆ ครั้ง อาจต้องมีการพูดคุยกับผู้ให้บริการอีกครั้งเพื่อหาทางแก้ไข หรือพิจารณาทางเลือกผู้ให้บริการรายอื่น ๆ
หากมีข้อขัดข้องหรือรายละเอียดที่ต้องการให้เพิ่มเติม สามารถเดินมาพูดคุยกันได้ หรือโทรมาบอกกันได้ครับ
...หลายกลุ่ม หลากหลายความคิด ช่วยๆกันระดมความคิด แก้ไขปัญหา
ตอบลบ""รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย""
เราอยู่ในกลุ่ม Baby Boom ใช่ไหมครับ กลุ่มนี้น่าจะเหมาะกับการทำงานแบบคนไทยมากที่สุด
ตอบลบขอให้เรารับฟังความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานของซึ่งกันและกัน.....
ตอบลบหลักการทำงาน 3 ข้อ ของ Operation ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญ
1. ไม่รู้ให้ถาม
2. อย่าคิดไปเอง
3. ทวนคำสั่ง
ลูกศิษย์อาจารย์..........เมษเลยดิ!
ลบกลุ่มไหนก็ได้ขึ้น อยู่กับอายุกับประสบการณ์ เพราะสุดท้ายเรามันก็ต้องการเป้าหมายเดียวกัน นั้นคือความสำเร็จ และความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ต้องมาพร้อมกับ ความสามัคคี ความรู้ ความขยัน และความเข้าใจกันและกัน กดดันบางเวลา เฮอฮาเป็นบ้างที นี่แหละ อารมณ์ของการทำงาน generation next..new wave
ตอบลบพนักงาน SOLVAY น่ายกย่องให้เป็นรุ่นลายครามมากๆนะครับ
ตอบลบจะรุ่นไหนก็ดีหากทุุกรุ่นมองเห็นปํญหาและความสำคัญของเพื่อนร่วมงาน
ตอบลบ"แค่เข้าใจ ... ทุกอย่างก็ลงตัว"
ตอบลบok..ดีมากๆครับ
บังเอิญพี่เกิดช่วง Baby Boom พอดีเลยจึงต้องอยู่บริษัทถึง 20กว่าปีเพื่่อเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆเพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นล้าหลังถ้าเป็นรถก็เรียกว่าตกรุ่น บางทีรุ่นนี้เรียนรู้ไปได้ข้างหน้าลืมข้างหลังเรียกว่า(อัลไซเมอร์)
ตอบลบผมคิดว่าการทำงานขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่ามีความพยยามมากน้อยเท่าไร่ มีความตั้งใจในการทำงานหรือเปล่า และรู้จักปฎิบัติตามกฎระเบียบ ที่กำหนดไว้ และต้องมีเป้าหมายในชีวิต
ตอบลบผมคิดว่าไม่ว่ายุคไหน ถ้าเรามีความมุ่งมั่น และพัฒนาตัวเราตลอดเวลา ให้ทันกับโลกที่มีการแข็งขันสุง เราก็จะประสบความสำเร็จได้
ตอบลบจะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงาน
ตอบลบน้ำตาจะไหล
ลบผมคงอยู่ในกลุ่ม Baby Boom (old man)ผมพึงรู้นะเนีย
ตอบลบงานคือ ชีวิต
ตอบลบชีวิตคือ งาน
งานคือเงิน
เงินคืองาน
เพราะฉนั้นทุกคนจงตั้งใจทำงาน ไม่ว่าจะเกิดมาช่วงไหนก็ตามเเต่ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็สุดยอดเเล้ว
ผมยังจำคำที่พี่สอนว่าเมื่อเราคิดที่จะทำงานเป็นลูกจ้างเขาเราต้องตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัว
ตอบลบลืมบอกพี่noonไง
ลบประสบการณ์รุ่นสู่รุ่นเพื่อเจตนารมในการทำงานและดำเนินชีวิต
ตอบลบจะรุ่นไหนเราก็ยังเป็นลูกจ้างแต่ถ้าหากวันไหนเราไม่ได้เป็นลูกจ้างวันนั้นเราจะทำอะไรก็ได้
ตอบลบโอเคครับ เป็นบทความที่ดีมากเลย ผมเห็นด้วยครับ
ตอบลบส่วนตัวแล้วอยู่ในกลุ่ม Generation–X นี้ค่ะ
ตอบลบคนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ คนรุ่นใหม่มีความคิดริดรอ่มที่มากกว่า ถ้สนำทั้งสองมารวมกันได้ องค์กรก็จะได้บุคลากรที่คาดหวัง
ตอบลบึึถึงจะเป็นใคร รุ่นไหน ก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือเปล่าทำงานแล้วคุยหรือปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาหรือเปล่า นั่นแหละคือทางออกจิงๆที่จะให้ทั้งสองสามรุ่นมา Feat กันได้อย่างลงตัวที่ซู๊ด
ตอบลบรุ่นนี้ รุ่นใหน ก็ solvay นั่นแหละ นาย จ๋า
ตอบลบกลุ่มนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราครับ เรียนรู้ไว้เยอะๆ ไม่ว่าจะประสบการณ์สมัยเก่าหรือสมัยใหม่ เรียนรู้ไว้เถอะครับ รู้ยังดีกว่าไม่รู้
ตอบลบการที่จะให้งานประสานกันนั้นมีหลักสำคัญอยู่ว่า ทุกฝ่ายจะต้องไม่แบ่งแยกกัน ไม่แย่งประโยชน์ ไม่แย่งความชอบกัน แต่ละฝ่ายแต่ละคนต้องทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ มุ่งหวังผลสำเร็จในการทำงานเป็นใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งอื่น
ตอบลบพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
แต่ล่ะรูปแบบก็แตกต่างกันออกไปมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันทั้งนั้น...
ตอบลบเราคนรุ่นใหม่ต้องเลือกแต่สิ่งที่ดีมาไว้...
เเตกต่าง เเต่ไม่เเตกเเยก ครับ อยู่ที่คิดบวก เเบบ IHEARS
ตอบลบไม่ว่าจะมาจากที่ใหน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประเภทใหน เราก็คือ Solvay ด้วยกัน ต้องสามัคคีกัน รักกันคับพี่น้อง
ตอบลบการทำงานอย่างมีส่วนร่วม ร่วมแรงร่วมใจไม่ว่าจะ Generation
ตอบลบใหนเราคือ ทีมเดียวกันครับ