By พี่แมว
เห็นเค้ามีเทคนิคการทำงาน 5ส เพื่อเพิ่มการทำงานให้มีประสิทธิภาพกัน..ก็เลยอยากจะขอนำเสนอเทคนิค 5ห เพื่อการทำงานที่มีความสุขมั่งคะ... เนื่องจากไปค้นดูเอกสารเก่าๆ พบว่า เคยเขียนและนำเสนอไอเดียนี้ไว้ที่คณะฯ ตั้งแต่ปี 43 สมัยที่ยังทำ ISO9000 กันอยู่ แต่สมัยนั้น ไม่รู้ทำไม ไอเดียนี้ไม่ได้รับการตอบรับ ประมาณว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.. ก็เลยต้องพับไป แต่ตอนนี้รู้สึกว่าบรรยากาศและแนวคิดอะไรๆ มันเป็นใจแล้ว ลองงัดเทคนิคนี้มาแชร์กันดูอีกรอบละกัน..
อะไรคือ 5ห ?
5ห เป็นหลักการที่สำคัญที่จะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น ซึ่งจะทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่ที่น่าอยู่ มิใช่เป็นเพียงที่ที่เรามาใช้แรงงานไปวันๆ เท่านั้น
ทำไมต้องมี 5ห ?
เพราะว่ามนุษย์เราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาอยู่ที่ทำงานหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง (บางคนมากกว่า) ซึ่งถ้าหากในเวลา 8 ชั่วโมงนี้ เราต้องอยู่อย่างเบื่อหน่าย เจ็บปวด อิจฉาริษยา โกรธแค้น ฯลฯ ก็แปลว่าเราต้องเสียเวลาอันมีคุณค่าของเราไปถึง 8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นจำนวนนาทีเท่ากับ 480 นาที หรือ 28,800 วินาที ไปกับเรื่องซึ่งทำให้บั่นทอนจิตใจ อันจะนำมาซึ่งสุขภาพจิตที่ไม่เป็นสุข และส่งผลถึงสุขภาพร่างกายได้ เช่น เกิดอาการปวดหัวเรื้อรัง ท้องอืดท้องเฟ้อ (โดยเฉพาะเวลาประชุมไปกินข้าวไป เอื๊อก...น่าจะกินให้เสร็จแล้วค่อยประชุมต่อเนอะ) โรคกระเพาะ ฯลฯ ได้ด้วย
ในทางตรงข้าม ถ้าเรามีความสุขกับที่ทำงาน ก็จะทำให้เรารู้สึกอยากมาทำงาน ความอยากทำงานก็จะส่งผลให้เราทำงานได้ดี ผลงานของเราที่ออกไปก็จะมีคุณภาพ เมื่อเรามีความสุขกับงานที่เราทำและที่ทำงานของเรา เราก็จะแผ่รังสีแห่งความสุขนี้ออกไปยังคนรอบข้างด้วย ทำให้เพื่อนร่วมงานก็มีความสุข บรรยากาศในที่ทำงานก็จะมีความสุข ทำให้ลดความตึงเครียดในการทำงาน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ไม่ใช่มีริ้วรอยอันเกิดจากการขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา การมีจิตใจที่แจ่มใสสดชื่นก็จะส่งผลทำให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ไม่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ผลประโยชน์ของการใช้ 5ห คาดว่าจะส่งผลในเชิงนามธรรมอีกมากมาย แต่คงมองไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ย่อมจะส่งผลต่อทั้งผู้ปฏิบัติเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อที่ทำงาน องค์กร และผู้ที่มาติดต่อกับองค์กร ด้วยอย่างแน่นอน..
5ห ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
• ห ที่ 1 ห หัวเราะ
• ห ที่ 2 ห ห่วงใย
• ห ที่ 3 ห เห็นอกเห็นใจ
• ห ที่ 4 ห ให้
• ห ที่ 5 ห เหตุผลก่อนอารมณ์
ห ที่ 1 ห หัวเราะ
เสียงหัวเราะมักจะทำลายความเครียดได้ในเกือบจะทุกๆ กรณี เสียงหัวเราะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สำคัญมาก เพราะถ้าชีวิตไม่มีเสียงหัวเราะ มนุษย์ก็จะตกอยู่ในสภาวะที่อับเฉาเป็นอย่างยิ่ง มีการศึกษาที่พบว่า เด็กๆ จะมีการหัวเราะโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่าผู้ใหญ่เป็นร้อยเท่า (จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเด็กจึงมีความดึงดูดใจต่อคนรอบข้างสูง) นอกจากนี้เวลาที่เราหัวเราะ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดความอิ่มเอิบ เบิกบาน ผ่อนคลาย ดังนั้นจึงพบว่า ผู้ที่หัวเราะอยู่เสมอจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ หน้าตาสดใสเปล่งปลั่ง ดูอ่อนวัย และมีประกายของความสุขฉาบฉายออกมา
เพียงแต่ว่า ระวังนิดนึง อย่าให้การหัวเราะของเรา เป็นการหัวเราะที่อาศัยผู้อื่นเป็นตัวตลกก็จะดีนะคะ คือ ไม่ใช่หัวเราะหรือพูดตลกโดยมาจากการล้อเลียนจุดด้อยของผู้อื่นน่ะค่ะ..
ห ที่ 2 ห ห่วงใย
จะเป็นการดีแค่ไหน ถ้าหากเมื่อเรารู้สึกไม่สบาย ก็มีคนมาคอยห่วงใย ถามไถ่ และช่วยดูแล เราจะรู้สึกอบอุ่นเพียงใด ถ้าเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สบายใจมา แล้วมีคนมาสนใจความรู้สึกของเรา หรือถ้าเราทำงานมาเหนื่อยๆ ก็มีคนมาดูแลเอาใจใส่ ดังนั้น ความห่วงใยระหว่างเพื่อนร่วมงานจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน ความห่วงใยที่มีประสิทธิภาพ ควรแสดงออกเป็นการกระทำเพื่อแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนร่วมงาน หรือทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกสบายขึ้นด้วย มากกว่าแค่คำพูดเฉยๆ ถ้าหากทำให้กันด้วยความเอื้ออาทร ก็จะทำให้คนที่ได้รับความห่วงใยรู้สึกดีๆ ว่ายังมีคนที่แคร์ความรู้สึกของเขาและพร้อมที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาความทุกข์ที่เขาได้รับอยู่ลงไปบ้าง หากที่ทำงานใดมีความอาทรให้กันอย่างนี้ ก็คงจะเป็นที่ทำงานที่น่าอยู่มาก
ห ที่ 3 ห เห็นอกเห็นใจ
เป็น ห ที่ต่อเนื่องมาจาก ห ที่ 2 นั่นเอง เพราะเมื่อเรามีความห่วงใยแล้ว ก็จะนำมาซึ่งความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน หมายถึงการที่เราลองนำเอาตัวเองเข้าไปแทนที่เพื่อนร่วมงาน เพื่อเราจะได้ลองคิดดูว่า ทำไมเขาจึงปฏิบัติเช่นนั้น หรือรู้สึกเช่นนั้น หรือถ้าจะให้ดี น่าจะลองไต่ถามสาเหตุของเพื่อนร่วมงานดูก่อนว่าทำไมเค้าจึงปฏิบัติเช่นนั้น หลายครั้งเราไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ทำให้เราสรุปว่าเขาทำอย่างนี้เพราะอย่างนี้แน่ๆ ..ตัดสินไปเรียบร้อย แต่..อาจจะผิดก็ได้นะคะ..
เพราะฉะนั้น ลองเอาตัวเองไปแทนที่คนๆ นั้นดู ก่อนที่จะตัดสินว่าเขาทำไม่ถูกใจคุณเพราะอะไร..
ห ที่ 4 ห ให้
การให้เป็นความสุขมากกว่าการรับ เพราะฉะนั้นการให้จึงต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างความสุขในที่ทำงาน การให้ในที่นี้หมายความรวมถึงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้สึกดีๆ ให้กำลังใจ ให้โอกาสเพื่อนร่วมงาน และให้อภัยเพื่อนร่วมงานด้วย สิ่งที่มักจะขาดแคลนก็คือ การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่รู้เป็นเพราะเรารู้สึกเขิน หรือว่า จริงๆ แล้ว เราทำไม่เป็น แต่ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด เราสามารถแก้ได้ด้วยการฝึกทำบ่อยๆ ค่ะ
การให้โอกาสเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากในที่ทำงานเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่เราอาจจะนึกว่าการทำงานจะต้องแข่งขัน เพื่อให้ความดีความชอบตกอยู่กับตน หรือเปล่า แต่ถ้าหากเราแต่ละคนต่างฝ่ายต่างให้โอกาสซึ่งกันและกัน ภาพรวมก็คือทั้งองค์กรก็จะดีขึ้น การให้โอกาสเพื่อนยังหมายความรวมถึง การเสียสละโอกาสของตัวเองเพื่อให้เพื่อนได้ดี (กว่า) เราด้วย
และที่สำคัญที่สุด ก็คือ การให้อภัย การให้อภัยกันในที่ทำงานเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยไปกว่าการให้อภัยคนในครอบครัว แต่ทำได้ยากกว่า เพราะคนในครอบครัวเป็นคนที่เรารักและผูกพัน ก็เลยให้อภัยได้ง่าย ดังนั้น ถ้าเรามองเพื่อนร่วมงานว่าเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนคุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอา หรือญาติคนหนึ่งของเรา เราก็คงจะอภัยให้ได้ง่ายขึ้นมั้ยคะ หรือลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเราทำผิดแบบนั้น เราก็คงอยากได้รับการอภัยให้เช่นกัน การให้อภัยซึ่งกันและกัน จะทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเรื่องเบาได้ด้วยค่ะ..
ห ที่ 5 ห เหตุผลก่อนอารมณ์
ที่ผ่านมาทั้ง 4 ห เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเสียมาก แต่ ห สุดท้ายนี้ เป็นการใช้เหตุผลมาก่อนอารมณ์ ซึ่งอารมณ์ในที่นี้หมายถึง ความรู้สึกใดๆ ก็ตามที่จะนำพาไปสู่ความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่สร้างสันติ ไม่สร้างความสงบสุขในที่ทำงาน เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์อิจฉา อารมณ์พาล อารมณ์ประชด อารมณ์หึงหวง อารมณ์แค้น ฯลฯ ซึ่งควรจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล ละอารมณ์ดังกล่าวทิ้งเสีย แล้วถือประโยชน์ส่วนองค์กรเป็นที่ตั้ง ปัญหาหลายอย่างในองค์กรเกิดจากความเข้าใจผิดเพราะเราปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวนำการตัดสินใจ แทนที่จะค้นหาความจริงด้วยเหตุและผล ซึ่งจะช่วย save เวลาของการเข้าใจผิดและอารมณ์เสียได้มากทีเดียวค่ะ
ค่ะ ถ้าใครมีประสบการณ์การใช้ ห ใด ห หนึ่ง แล้ว work อย่างไร ลองแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังมั่งนะคะ หรือใครจะนำไปใช้ควบคู่กับเทคนิค 5ส แล้วได้ผลอย่างไรก็..อยากฟังด้วยเช่นกันค่ะ..
อ้างอิ่ง : http://share.psu.ac.th/blog/kon1kon-kmlightly/3188
5ห เป็นหลักการที่สำคัญที่จะช่วยให้บรรยากาศในที่ทำงานเต็มไปด้วยความอบอุ่น ซึ่งจะทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่ที่น่าอยู่ มิใช่เป็นเพียงที่ที่เรามาใช้แรงงานไปวันๆ เท่านั้น
ทำไมต้องมี 5ห ?
เพราะว่ามนุษย์เราส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาอยู่ที่ทำงานหรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง (บางคนมากกว่า) ซึ่งถ้าหากในเวลา 8 ชั่วโมงนี้ เราต้องอยู่อย่างเบื่อหน่าย เจ็บปวด อิจฉาริษยา โกรธแค้น ฯลฯ ก็แปลว่าเราต้องเสียเวลาอันมีคุณค่าของเราไปถึง 8 ชั่วโมง หรือคิดเป็นจำนวนนาทีเท่ากับ 480 นาที หรือ 28,800 วินาที ไปกับเรื่องซึ่งทำให้บั่นทอนจิตใจ อันจะนำมาซึ่งสุขภาพจิตที่ไม่เป็นสุข และส่งผลถึงสุขภาพร่างกายได้ เช่น เกิดอาการปวดหัวเรื้อรัง ท้องอืดท้องเฟ้อ (โดยเฉพาะเวลาประชุมไปกินข้าวไป เอื๊อก...น่าจะกินให้เสร็จแล้วค่อยประชุมต่อเนอะ) โรคกระเพาะ ฯลฯ ได้ด้วย
ในทางตรงข้าม ถ้าเรามีความสุขกับที่ทำงาน ก็จะทำให้เรารู้สึกอยากมาทำงาน ความอยากทำงานก็จะส่งผลให้เราทำงานได้ดี ผลงานของเราที่ออกไปก็จะมีคุณภาพ เมื่อเรามีความสุขกับงานที่เราทำและที่ทำงานของเรา เราก็จะแผ่รังสีแห่งความสุขนี้ออกไปยังคนรอบข้างด้วย ทำให้เพื่อนร่วมงานก็มีความสุข บรรยากาศในที่ทำงานก็จะมีความสุข ทำให้ลดความตึงเครียดในการทำงาน หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ไม่ใช่มีริ้วรอยอันเกิดจากการขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา การมีจิตใจที่แจ่มใสสดชื่นก็จะส่งผลทำให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ ไม่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่จำเป็นอีกด้วย ผลประโยชน์ของการใช้ 5ห คาดว่าจะส่งผลในเชิงนามธรรมอีกมากมาย แต่คงมองไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่ในระยะยาว ย่อมจะส่งผลต่อทั้งผู้ปฏิบัติเอง ต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อที่ทำงาน องค์กร และผู้ที่มาติดต่อกับองค์กร ด้วยอย่างแน่นอน..
5ห ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
• ห ที่ 1 ห หัวเราะ
• ห ที่ 2 ห ห่วงใย
• ห ที่ 3 ห เห็นอกเห็นใจ
• ห ที่ 4 ห ให้
• ห ที่ 5 ห เหตุผลก่อนอารมณ์
ห ที่ 1 ห หัวเราะ
เสียงหัวเราะมักจะทำลายความเครียดได้ในเกือบจะทุกๆ กรณี เสียงหัวเราะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สำคัญมาก เพราะถ้าชีวิตไม่มีเสียงหัวเราะ มนุษย์ก็จะตกอยู่ในสภาวะที่อับเฉาเป็นอย่างยิ่ง มีการศึกษาที่พบว่า เด็กๆ จะมีการหัวเราะโดยเฉลี่ยต่อวันมากกว่าผู้ใหญ่เป็นร้อยเท่า (จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเด็กจึงมีความดึงดูดใจต่อคนรอบข้างสูง) นอกจากนี้เวลาที่เราหัวเราะ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งสารนี้จะทำให้เกิดความอิ่มเอิบ เบิกบาน ผ่อนคลาย ดังนั้นจึงพบว่า ผู้ที่หัวเราะอยู่เสมอจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ หน้าตาสดใสเปล่งปลั่ง ดูอ่อนวัย และมีประกายของความสุขฉาบฉายออกมา
เพียงแต่ว่า ระวังนิดนึง อย่าให้การหัวเราะของเรา เป็นการหัวเราะที่อาศัยผู้อื่นเป็นตัวตลกก็จะดีนะคะ คือ ไม่ใช่หัวเราะหรือพูดตลกโดยมาจากการล้อเลียนจุดด้อยของผู้อื่นน่ะค่ะ..
ห ที่ 2 ห ห่วงใย
จะเป็นการดีแค่ไหน ถ้าหากเมื่อเรารู้สึกไม่สบาย ก็มีคนมาคอยห่วงใย ถามไถ่ และช่วยดูแล เราจะรู้สึกอบอุ่นเพียงใด ถ้าเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่สบายใจมา แล้วมีคนมาสนใจความรู้สึกของเรา หรือถ้าเราทำงานมาเหนื่อยๆ ก็มีคนมาดูแลเอาใจใส่ ดังนั้น ความห่วงใยระหว่างเพื่อนร่วมงานจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน ความห่วงใยที่มีประสิทธิภาพ ควรแสดงออกเป็นการกระทำเพื่อแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนร่วมงาน หรือทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกสบายขึ้นด้วย มากกว่าแค่คำพูดเฉยๆ ถ้าหากทำให้กันด้วยความเอื้ออาทร ก็จะทำให้คนที่ได้รับความห่วงใยรู้สึกดีๆ ว่ายังมีคนที่แคร์ความรู้สึกของเขาและพร้อมที่จะช่วยเหลือแบ่งเบาความทุกข์ที่เขาได้รับอยู่ลงไปบ้าง หากที่ทำงานใดมีความอาทรให้กันอย่างนี้ ก็คงจะเป็นที่ทำงานที่น่าอยู่มาก
ห ที่ 3 ห เห็นอกเห็นใจ
เป็น ห ที่ต่อเนื่องมาจาก ห ที่ 2 นั่นเอง เพราะเมื่อเรามีความห่วงใยแล้ว ก็จะนำมาซึ่งความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน หมายถึงการที่เราลองนำเอาตัวเองเข้าไปแทนที่เพื่อนร่วมงาน เพื่อเราจะได้ลองคิดดูว่า ทำไมเขาจึงปฏิบัติเช่นนั้น หรือรู้สึกเช่นนั้น หรือถ้าจะให้ดี น่าจะลองไต่ถามสาเหตุของเพื่อนร่วมงานดูก่อนว่าทำไมเค้าจึงปฏิบัติเช่นนั้น หลายครั้งเราไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ทำให้เราสรุปว่าเขาทำอย่างนี้เพราะอย่างนี้แน่ๆ ..ตัดสินไปเรียบร้อย แต่..อาจจะผิดก็ได้นะคะ..
เพราะฉะนั้น ลองเอาตัวเองไปแทนที่คนๆ นั้นดู ก่อนที่จะตัดสินว่าเขาทำไม่ถูกใจคุณเพราะอะไร..
ห ที่ 4 ห ให้
การให้เป็นความสุขมากกว่าการรับ เพราะฉะนั้นการให้จึงต้องเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสร้างความสุขในที่ทำงาน การให้ในที่นี้หมายความรวมถึงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้สึกดีๆ ให้กำลังใจ ให้โอกาสเพื่อนร่วมงาน และให้อภัยเพื่อนร่วมงานด้วย สิ่งที่มักจะขาดแคลนก็คือ การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่รู้เป็นเพราะเรารู้สึกเขิน หรือว่า จริงๆ แล้ว เราทำไม่เป็น แต่ไม่ว่าจะเพราะสาเหตุใด เราสามารถแก้ได้ด้วยการฝึกทำบ่อยๆ ค่ะ
การให้โอกาสเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากในที่ทำงานเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่เราอาจจะนึกว่าการทำงานจะต้องแข่งขัน เพื่อให้ความดีความชอบตกอยู่กับตน หรือเปล่า แต่ถ้าหากเราแต่ละคนต่างฝ่ายต่างให้โอกาสซึ่งกันและกัน ภาพรวมก็คือทั้งองค์กรก็จะดีขึ้น การให้โอกาสเพื่อนยังหมายความรวมถึง การเสียสละโอกาสของตัวเองเพื่อให้เพื่อนได้ดี (กว่า) เราด้วย
และที่สำคัญที่สุด ก็คือ การให้อภัย การให้อภัยกันในที่ทำงานเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยไปกว่าการให้อภัยคนในครอบครัว แต่ทำได้ยากกว่า เพราะคนในครอบครัวเป็นคนที่เรารักและผูกพัน ก็เลยให้อภัยได้ง่าย ดังนั้น ถ้าเรามองเพื่อนร่วมงานว่าเป็นเหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนคุณลุงคุณป้า คุณน้าคุณอา หรือญาติคนหนึ่งของเรา เราก็คงจะอภัยให้ได้ง่ายขึ้นมั้ยคะ หรือลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเราทำผิดแบบนั้น เราก็คงอยากได้รับการอภัยให้เช่นกัน การให้อภัยซึ่งกันและกัน จะทำให้เรื่องหนักกลายเป็นเรื่องเบาได้ด้วยค่ะ..
ห ที่ 5 ห เหตุผลก่อนอารมณ์
ที่ผ่านมาทั้ง 4 ห เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเสียมาก แต่ ห สุดท้ายนี้ เป็นการใช้เหตุผลมาก่อนอารมณ์ ซึ่งอารมณ์ในที่นี้หมายถึง ความรู้สึกใดๆ ก็ตามที่จะนำพาไปสู่ความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ ไม่สร้างสันติ ไม่สร้างความสงบสุขในที่ทำงาน เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์อิจฉา อารมณ์พาล อารมณ์ประชด อารมณ์หึงหวง อารมณ์แค้น ฯลฯ ซึ่งควรจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล ละอารมณ์ดังกล่าวทิ้งเสีย แล้วถือประโยชน์ส่วนองค์กรเป็นที่ตั้ง ปัญหาหลายอย่างในองค์กรเกิดจากความเข้าใจผิดเพราะเราปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวนำการตัดสินใจ แทนที่จะค้นหาความจริงด้วยเหตุและผล ซึ่งจะช่วย save เวลาของการเข้าใจผิดและอารมณ์เสียได้มากทีเดียวค่ะ
ค่ะ ถ้าใครมีประสบการณ์การใช้ ห ใด ห หนึ่ง แล้ว work อย่างไร ลองแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังมั่งนะคะ หรือใครจะนำไปใช้ควบคู่กับเทคนิค 5ส แล้วได้ผลอย่างไรก็..อยากฟังด้วยเช่นกันค่ะ..
อ้างอิ่ง : http://share.psu.ac.th/blog/kon1kon-kmlightly/3188
นอกจาก 5ส. แล้วยังมี 5ห.อีกหรือนี้ ถ้านำทั้ง2ข้อมาใช้ในชีวิตการทำงานองค์กรคงจะเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีความสุขมากเลย
ตอบลบ"... การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถสองอย่างเป็นสำคัญ คือสามารถในการใช้วิชาความรู้อย่างหนึ่ง สามารถในการประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง. ทั้งสองประการนี้ ต้องดำเนินคู่กันไปและจำเป็นต้องกระทำด้วยความสุจริตกาย สุจริตใจ ด้วยความคิดความเห็นที่เป็นอิสระปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้องตามเหตุตามผลด้วย จึงจะช่วยให้งานบรรลุจุดหมายและประโยชน์ที่พึงประสงค์โดยครบถ้วยแท้จริง ..."
ตอบลบวิธีคิดที่ดีคือการมองเชิงบวก เวลาเจองานหนักก็ให้บอกตัวเองว่านี้คือการฝึกตัวเอง เวลาเจอปัญหาซับซ้อนก็บอกตัวเองว่ายิ่งปัญหาซับซ้อนเราก็ยิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น เวลาเจอเจ้านายที่ละเมียดละไมเหลือเกินก็ให้บอกตัวเองว่า นายที่รอบคอบแบบนี้จะฝึกเราให้สมบูรณ์แบบ ฉะนั้นถ้าเรามองเชิงบวกให้เป็นถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงานที่เรารักแต่เราก็จะมีความสุขเสมอ ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้อะไรอย่างใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำมีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็นเราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ตอบลบเพื่อนในที่ทำงานที่มีไลฟ์สไตล์หรือภูมิหลังคล้ายคลึงกับคุณช่วยแบ่งเบาความเครียดได้ไม่น้อย ในยามที่คุณอยากระบายให้ใครสักคนฟัง แม้บางปัญหาเพื่อนแทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนที่เข้าใจ คอยรับฟังเรื่องราว และเป็นกำลังใจให้คุณเสมอ
ตอบลบให้ความช่วยเหลือ ให้ความรู้สึกดีๆ ให้กำลังใจ ให้โอกาสเพื่อนร่วมงาน และให้อภัยเพื่อนร่วมงานด้วย สิ่งที่มักจะขาดแคลนก็คือ การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน สุดยอดแล้วพี่น้อง...
ตอบลบสวัดดีครับพี่ๆ ผมเริ่มงานพรุ่งนี้วันแรกฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
ตอบลบยินดีต้อบรับเด้อ
ลบหัวเราะ -ห่วงใย -เห็นอกเห็นใจ -ให้ -เหตุผลก่อนอารมณ์ เป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง ไม่เฉพาะการทำงานเท่านั้น การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม หรือการอยู่ร่วมกัน เป็นครอบครัวก็เป็นสิ่งที่สมควรทำไม่เเพ้กัน
ตอบลบอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆหาวเป็นช่วงๆหายห่วงแน่นอน 5ห ที่เรามีในทุกๆที่โปรดใช้วิจารณารในการอ่านอิๆ
ตอบลบพึ่งเคยได้ยินครับ 5ห. นึกว่าจะมีแต่ 5ส.
ตอบลบ...นำเอามาใช้กับตัวเราในการทำงานได้เลยนะครับ หลักการ 5ห.
ตอบลบให้......ให้......ให้.....มากเท่าไร....ตัวเราเองก็รับมากขึ้นเท่านั้นครับ
ตอบลบอย่ามองว่าใครจะคิดว่าเราให้เพราะอะไร เราไม่ต้องคอยตอบคำถามนั้นครับ
เราตอบตัวเองแค่ว่า...เราต้องการให้...และ จะให้ๆๆๆๆไปเรื่อยๆๆๆ
แค่นั้นพอครับ....พี่น้อง.....
ผมมีเรื่องของการให้ คือให้ความช่วยเหลือผู้อื่นโดยที่ไม่ได้หวังอะไร เพราะเขาลาออกจากบริษัทแล้วแต่เรายังให้ความช่วยเหลือเขาทุกๆเรื่อง ที่เขาขอร้องให้ช่วย ต่อจากนั้นประมาณ 3 ปี ผลของการให้ก็ตอบแทนโดยไม่คาดคิดเมื่อเขาได้กลับมาอีกครั้ง
ตอบลบจะเห็นได้ว่าการให้ ให้ แล้วก๊ให้ โดยที่เราไม่คิดที่จะได้ผลตอบแทน มันจะได้มากกว่าเป็นหลายๆ เท่าเลยครับ จากประสบการณ์จริงครับ
ประสบการณ์เรื่องของการให้(ที่นี้หมายความรวมถึงทุกอย่าง) หลายๆคนคงเคยเจอมาบ้าง
ตอบลบในสังคมทุกวันนี้ถ้าเราคิดและให้กันด้วยใจจริง สังคมก็น่าอยู่ขึ้นเยอะ
ทำให้ได้ดังที่อ่าน สัก 3-4 ข้อก็ถือว่าประสบณ์ความสำเร็จแล้ว
ตอบลบแต่ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่ทำได้ แต่ยังไงก็พยายามทำแล้วกัน เพื่อความสุข ในการทำงาน
และชีวิตประจำวัน คนเราถ้าจิตใจมีความสุข ทุกอย่างก็สุขแล้วครับ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั้นมีความสูขโดยการให้ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของที่จับต้องได้เช่นการให้ความรู้เป็นต้น ผู้ให้จะได้ทบทวนความรู้ส่วนผู้รับจะได้ความรู้เพิ่มเติม
ตอบลบสำหรับ หที่5เนี้ยสำคัญนะครับสวนมากแล้วจะเอาเหตุผลตัวเองก่อน ถ้าลดได้น่าจะช่วยได้มากเลยนะครับ
ตอบลบหลักการ 5 ห ของพี่แมวสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีพประจำวันและชีวิตในครอบครัวได้อย่างมีความสุขและมีสติ
ตอบลบ5 ห ถ้าทำได้ทุกข้อก็จะดีนะจะได้ไม่มีความกดดันและจะได้ไม่แก่ไวมีความสูขกันทั้งบริษัท
ตอบลบสุดยอดเลยคับ5ห เคยได้ยินแต่ 5ส อ่านแล้วก็โอเคคับ
ตอบลบรู้จักให้ อย่างพอดี จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต จงยิ้มไว้
ตอบลบบทความนี้อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆสามารถนำมาใช้กับชีวิตได้ถ้าเราปฏิบัติตามนี้ชวิตคงมีสุข นะคับ
ตอบลบผมว่าพวกเรามีครบกันอยู่แล้วนะ 5 ห. แต่จะมีมากมีน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ทุกคนก็พยายามพัฒนาและปรับตัวเข้าหากันอยู่ครับ
ตอบลบหัวเราะแล้วมีความสุขครับ เขาว่าจะทำให้อายุยืนนาน 5555
ตอบลบให้อะไรไม่เท่าการให้อภัยครับทั้ผู้กับผู้รับก็มีความสุขทั้งสองฝ่าย...แตให้ทานให้ไปแล้วไม่ถูกใจก็ด่าคนให้อีกครับ
ตอบลบการหัวเราะ จะทำให้มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส่มีความสุขทำให้สดชื่นแจ่มใส่
ตอบลบยิ้มวันละนิด จิตเเจ่มใส ก้อมีการนำมาทำกันเป็นเรื่องเป็นราว อย่างนี้ ถือว่ามีประโยชน์มากเลยคัฟ
ตอบลบเดียวผมจะลองเอาทั้ง 5ห ไปใช้ดูนะคับว่ามันได้ผลดีแค่ไหน..
ตอบลบพวกเราน่าจะมีกันเกิน 5 ห นะ
ตอบลบผมเคยไปงานแต่งงานที่หนึ่งและมีผู้ใหญ่คนนึงเขามาอวยพรให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่า อย่าอยู่กันด้วยเหตุผล แต่ให้อยู่กันด้วยหน้าที่
ตอบลบห่วง นะจะทุกคน
ตอบลบ