By โอ๊ต
1.บลูเบอร์รี่
ลูกเบอร์รี่ต่าง ๆ คือหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา และบลูเบอร์รี่ก็ดีต่อสมองมาก ๆ เนื่องจากมีใยอาหารสูงแต่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่า ผู้ป่วยเบาหวานก็กินได้โดยที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเฉียบพลัน เคยมีการศึกษามากมายที่ชี้ว่า มันจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือให้เลี่ยงบลูเบอร์รี่เชื่อม หรืออบแห่งเท่านั้น
2.แซลมอนธรรมชาติ
กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า-3 เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสมองมาก ไขมันที่มีประโยชน์นี้มีความเกี่ยวพันกับสติปัญญา ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทส่วนกลาง พัฒนาความจำ ทำให้อารมณ์ดี และลดโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า หรือโรคสมาธิสั้น แต่ถ้ามีโอกาสก็ให้เลือกแซลมอนตามธรรมชาติดีกว่าแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยง
3.ทับทิม
คนรักทับทิมควรจะกินจากผลสด ๆ มากกว่าดื่มน้ำคั้น เพราะจะได้ใยอาหารด้วย ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับบลูเบอร์รี่ ซึ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับสุขภาพของสมอง เพราะสมองคืออวัยวะแรก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากความเครียด ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ช่วยระงับความเครียดได้จะดีต่อสมองเช่นกัน
4.กาแฟ
เมล็ดกาแฟคล้ายกับเมล็ดโกโก้ตรงที่มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะผงกาแฟจากเมล็ดที่บดใหม่ ๆ จะมีประโยชน์ต่อทั้งสมองและร่างกายมาก ส่วนกาเฟอีนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสมองเช่นกัน การดื่มกาแฟเป็นประจำจะช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อมถอย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือโรคหลงลืมได้จริง แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามว่า ตกลงแล้วกาแฟมีประโยชน์หรือเปล่า ปัญหาอยู่ที่เรามักจะผสมกาแฟกับของที่ไม่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ครีม น้ำตาล ช็อกโกแลต หรือวิปครีม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มทั้งสารเคมีและไขมันให้แก่กาแฟ ความจริงแล้วเมล็ดกาแฟเป็นของปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นเอสเพรสโซ่เพียว ๆ ยิ่งดีต่อทั้งหัวใจและสมองเลยล่ะ
5.ถั่ว
ถั่วมีทั้งโปรตีน ใยอาหาร และไขมันที่มีประโยชน์ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อยู่ในถั่วจะทำให้เราแจ่มใสได้ ในขณะที่โปรตีนและไขมันจะช่วยให้พลังงานคงระดับตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอีซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง แต่อย่างไรก็ควรหลีกเลี่ยงถั่วเหลือบน้ำตาล หรือปรุงรส ส่วนทางเลือกที่ดีก็มีตั้งแต่เฮเซลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัต และอัลมอนต์ ส่วนแมคคาเดเมียนั้นมีปริมาณไขมันมากกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ
6.ทูน่า
นอกจากจะเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 แล้ว ปลาทูน่า โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบเหลือง ซึ่งมีระดับวิตามินบี 6 สูงกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ วิตามินบี 6 นี้เกี่ยวพันโดยตรงกับความจำและสติปัญญา รวมถึงสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของสมอง โดยรวมแล้ววิตามินบีคือ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการรักษาอารมณ์ให้คงที่ แต่วิตามินบี 6 จะส่งผลต่อการรับสารโดพามีนที่เป็นหนึ่งในฮอร์โมนความสุขเหมือนกับเซโรโทนิน
7.ข้าวกล้อง
ด้วยความที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ข้าวกล้องจึงดีมาก ๆ สำหรับคนที่แพ้กลูเธนเพื่อให้สุขภาพของหลอดเลือดหัวใจแข็งแรงขึ้น ยิ่งระบบไหลเวียนโลหิตของเราดีเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งเฉียบแหลมมากเท่านั้น
8.ชาเขียว
ชาเขียวนี้คือ มัตชะ ชาเขียวจากใบชาอ่อน ๆ ที่ผ่านกรรมวิธีบดด้วย หินตามแบบฉบับญี่ปุ่น เมื่อเราดื่มชาเขียวเหล่านี้เข้าไป ก็เหมือนกับเราดื่มใบชาเข้าไปทั้งใบ ผงชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลด์จึงทำให้มีสีเขียวสด เมื่อผสมเข้ากับน้ำร้อน (แต่ไม่เดือด) จะมีรสชาติฝาดนิด ๆ และเพียงแก้วเดียวก็ทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่งได้ ว่ากันว่า มัตชะคือเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้พระสงฆ์ญี่ปุ่นสามารถนั่งสมาธินาน ๆ ได้ แต่ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์แล้วมัตชะมีสารที่ชื่อว่า Catechin วิตามินเอและซี ฟลูออไรด์ และสาร L-Theanine ซึ่งช่วยในเรื่องสมาธิ แค่เฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียวก็มีมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 33 เท่า
9.เมล็ดพืช
ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดทานตะวัน เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ก็ล้วนมีโปรตีน ไขมัน วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุซึ่งช่วยเสริมสร้างสมองอย่างแมกนีเซียม
10.ข้าวโอ๊ต
ถ้ามันดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็แปลว่ามันดีต่อสมองของเราด้วย ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารและก็มีโปรตีนอยู่พอสมควร หรือแม้แต่โอเมก้า-3 ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง การกินข้าวโอ๊ตตอนเช้าจะช่วยให้เราแจ่มใส และไม่ง่วงนอนแม้ในยามบ่ายด้วย
11.หอยนางรม
ไม่ใช่หอยทุกชนิดจะเป็นอาหารสมองได้ แต่หอยนางรมน่ะใช่แน่ ๆ เพราะมีทั้งซีลีเนียม แมกนีเซียม โปรตีน และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพสมอง ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองพบว่า คนที่กินหอยนางรมมีความจำและอารมณ์ดีขึ้นด้วย
ลูกเบอร์รี่ต่าง ๆ คือหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เรา และบลูเบอร์รี่ก็ดีต่อสมองมาก ๆ เนื่องจากมีใยอาหารสูงแต่ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ หมายความว่า ผู้ป่วยเบาหวานก็กินได้โดยที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงเฉียบพลัน เคยมีการศึกษามากมายที่ชี้ว่า มันจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์ ช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น สิ่งที่ต้องระวังก็คือให้เลี่ยงบลูเบอร์รี่เชื่อม หรืออบแห่งเท่านั้น
2.แซลมอนธรรมชาติ
กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า-3 เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสมองมาก ไขมันที่มีประโยชน์นี้มีความเกี่ยวพันกับสติปัญญา ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ชะลอความเสื่อมถอยของระบบประสาทส่วนกลาง พัฒนาความจำ ทำให้อารมณ์ดี และลดโอกาสเกิดโรคซึมเศร้า หรือโรคสมาธิสั้น แต่ถ้ามีโอกาสก็ให้เลือกแซลมอนตามธรรมชาติดีกว่าแซลมอนจากฟาร์มเลี้ยง
3.ทับทิม
คนรักทับทิมควรจะกินจากผลสด ๆ มากกว่าดื่มน้ำคั้น เพราะจะได้ใยอาหารด้วย ทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นเดียวกับบลูเบอร์รี่ ซึ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับสุขภาพของสมอง เพราะสมองคืออวัยวะแรก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากความเครียด ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ช่วยระงับความเครียดได้จะดีต่อสมองเช่นกัน
4.กาแฟ
เมล็ดกาแฟคล้ายกับเมล็ดโกโก้ตรงที่มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะผงกาแฟจากเมล็ดที่บดใหม่ ๆ จะมีประโยชน์ต่อทั้งสมองและร่างกายมาก ส่วนกาเฟอีนก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีผลดีต่อสมองเช่นกัน การดื่มกาแฟเป็นประจำจะช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อมถอย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือโรคหลงลืมได้จริง แม้กระนั้นก็ยังมีคำถามว่า ตกลงแล้วกาแฟมีประโยชน์หรือเปล่า ปัญหาอยู่ที่เรามักจะผสมกาแฟกับของที่ไม่ดีต่อสุขภาพอื่น ๆ เช่น ครีม น้ำตาล ช็อกโกแลต หรือวิปครีม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เพิ่มทั้งสารเคมีและไขมันให้แก่กาแฟ ความจริงแล้วเมล็ดกาแฟเป็นของปลอดภัย ยิ่งถ้าเป็นเอสเพรสโซ่เพียว ๆ ยิ่งดีต่อทั้งหัวใจและสมองเลยล่ะ
5.ถั่ว
ถั่วมีทั้งโปรตีน ใยอาหาร และไขมันที่มีประโยชน์ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่อยู่ในถั่วจะทำให้เราแจ่มใสได้ ในขณะที่โปรตีนและไขมันจะช่วยให้พลังงานคงระดับตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ ยังมีวิตามินอีซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง แต่อย่างไรก็ควรหลีกเลี่ยงถั่วเหลือบน้ำตาล หรือปรุงรส ส่วนทางเลือกที่ดีก็มีตั้งแต่เฮเซลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ วอลนัต และอัลมอนต์ ส่วนแมคคาเดเมียนั้นมีปริมาณไขมันมากกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ
6.ทูน่า
นอกจากจะเป็นแหล่งของโอเมก้า-3 แล้ว ปลาทูน่า โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบเหลือง ซึ่งมีระดับวิตามินบี 6 สูงกว่าอาหารประเภทอื่น ๆ วิตามินบี 6 นี้เกี่ยวพันโดยตรงกับความจำและสติปัญญา รวมถึงสุขภาพโดยรวมในระยะยาวของสมอง โดยรวมแล้ววิตามินบีคือ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อการรักษาอารมณ์ให้คงที่ แต่วิตามินบี 6 จะส่งผลต่อการรับสารโดพามีนที่เป็นหนึ่งในฮอร์โมนความสุขเหมือนกับเซโรโทนิน
7.ข้าวกล้อง
ด้วยความที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ข้าวกล้องจึงดีมาก ๆ สำหรับคนที่แพ้กลูเธนเพื่อให้สุขภาพของหลอดเลือดหัวใจแข็งแรงขึ้น ยิ่งระบบไหลเวียนโลหิตของเราดีเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งเฉียบแหลมมากเท่านั้น
8.ชาเขียว
ชาเขียวนี้คือ มัตชะ ชาเขียวจากใบชาอ่อน ๆ ที่ผ่านกรรมวิธีบดด้วย หินตามแบบฉบับญี่ปุ่น เมื่อเราดื่มชาเขียวเหล่านี้เข้าไป ก็เหมือนกับเราดื่มใบชาเข้าไปทั้งใบ ผงชาเขียวนั้นอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลด์จึงทำให้มีสีเขียวสด เมื่อผสมเข้ากับน้ำร้อน (แต่ไม่เดือด) จะมีรสชาติฝาดนิด ๆ และเพียงแก้วเดียวก็ทำให้คุณรู้สึกปลอดโปร่งได้ ว่ากันว่า มัตชะคือเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้พระสงฆ์ญี่ปุ่นสามารถนั่งสมาธินาน ๆ ได้ แต่ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์แล้วมัตชะมีสารที่ชื่อว่า Catechin วิตามินเอและซี ฟลูออไรด์ และสาร L-Theanine ซึ่งช่วยในเรื่องสมาธิ แค่เฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเดียวก็มีมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 33 เท่า
9.เมล็ดพืช
ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดทานตะวัน เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดพืชอื่น ๆ ก็ล้วนมีโปรตีน ไขมัน วิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุซึ่งช่วยเสริมสร้างสมองอย่างแมกนีเซียม
10.ข้าวโอ๊ต
ถ้ามันดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก็แปลว่ามันดีต่อสมองของเราด้วย ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารและก็มีโปรตีนอยู่พอสมควร หรือแม้แต่โอเมก้า-3 ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง การกินข้าวโอ๊ตตอนเช้าจะช่วยให้เราแจ่มใส และไม่ง่วงนอนแม้ในยามบ่ายด้วย
11.หอยนางรม
ไม่ใช่หอยทุกชนิดจะเป็นอาหารสมองได้ แต่หอยนางรมน่ะใช่แน่ ๆ เพราะมีทั้งซีลีเนียม แมกนีเซียม โปรตีน และแร่ธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพสมอง ก่อนหน้านี้เคยมีการทดลองพบว่า คนที่กินหอยนางรมมีความจำและอารมณ์ดีขึ้นด้วย
เป็นอาหารทีช่วยบำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ถ้าอย่างนี้ต้องหากินบ่อยๆแล้ว เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี แต่ต้องตบด้วยดีกรีนะจะดีมาก 555
ตอบลบกินเป็นประจำสมองคงจะสดใสแน่ครับ.......แต่คงเปลืองตังค์น่าดู
ตอบลบผมต้องการอาหารจำพวกนี้อย่างแรง
ตอบลบกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ให้พอดีกับความต้องการของแต่ละวัยแล้วอย่าลืมออกกำลังกายด้วยนะ
ตอบลบมีของโปรดหลายอย่างเลยครับ โดยเฉพาะ ทูน่า ชาเขียว กินเป็นประจำแต่พึ่งรู้นะครับว่าเป็นอาหารสมองด้วย
ตอบลบอย่างนี้ต้องหามากินเพื่อเสริมสร้างความจำกันหน่อย ช่วงนี้หลงๆลืมๆ ครับขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่มีไว้แบ่งปัน
ตอบลบน่ากินมากๆ เลยครับ แถมมีประโยนช์มากด้วย ต้องหามากินบำรุ่งสมองมั้งแล้ว
ตอบลบสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บของมนุษย์เราก็มาจากสิ่งที่เราทานเข้าไปนั้นล่ะ แต่ที่อ่านดูแล้วบางสิ่งผมนึกว่าจะไม่ได้สารอาหารถึงขนาดนั้น ขอบคุงครับที่แบ่งปันสื่งที่ดีต่อสุขภาพ
ตอบลบได้มีความรู้เพิ่มเติมขึ้นในหลายเรื่อง อาหารที่ไปหล่อเลี้ยงสมองเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยปกติเมื่ออายุมากขึ้นมักจะเจอปัญหาเรื่องหลงๆ ลืม
ตอบลบถ้าเป็นไปได้เราควรที่จะรัปทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสมองของเราตั้งเเต่เนิ่นๆ ตั้งเเต่อายุยังไม่มาก ป้องกันไว้ก่อนเป็นเรื่องที่เมื่อเป็นเเล้ว ค่อยมาเเก้ทีหลังมันเป็นเรื่องยาก
ได้หอยนางรมสักจานพร้อมกับน้ำจิ้มอร่อยๆบวกกับยอดกระถินสุดยอดไปเลย ( บำรุงสมอง เเต่ไปเพิ่ม คอเรสเตอรอล)
อาหารเป็นสิ่งสำคคัญที่สุดในการดำรงชีวิต ดังนั้นควรบริโภคให้ถูกหลักอนามัยนะครับ
ตอบลบผมเคยคิดว่าการออกกำลังกายเป็นการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด แต่ที่จริงแล้ว การกินตังหาก ถ้าออกกำลังกายแต่กินแบบไม่ถูกวิธีก็ทำให้อ้วนได้ครับ .....ลองลดอาหาร....ทานแต่พอดีนะครับ
ช่วงนี้เทศการกินเจ เรามารัปทานอาหารเจกันเถอะครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องทานให้ครบ 5 หมู่นะครับ ร่างกายจะได้แข็งแรงครับ และไม่อ่อเพลียครับ....
ตอบลบทานอาหารให้ครบห้าหมู่และครบสามมื้อจะช่วยได้ไหมครับ
ตอบลบการกินอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย แต่ถ้าจะให้ดีต้องออกกำลังกายด้วยครับ
ตอบลบเป็นบทความที่ดีมากได้ประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมงานมากครับ ขอชมเชย
ตอบลบเราสามารถที่จะไปซื้อตามท้องตลาดทั่วไปได้และราคาบางอย่างก็ไม่แพงและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ขอบคุณสำหรับบทความที่ให้ความรู้คับ
ตอบลบกินอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ และเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็ดีทีสุด
ตอบลบบร๊ะ ๆๆๆๆๆ เเหล่มเลยยยยย
ตอบลบชอบกินแซลม่อน แต่กินบ่อยไม่ไหว แพงจัดดดด....ต้องมาสลับ กินปลาทูเค็มแทน
ตอบลบกินอาหารให้ครบแล้วก็อย่าลืมกินน้ำกันนะครับน้ำก็สำคัญกับร่างกายนะครับ....สำหรับนักดื่มก็เบาๆๆๆบ้างนะครับ
ตอบลบในแต่ละวันขอให้มีผลไม้กับผักก็ทำให้สุขภาพดีได้ หรือ ถ้าใครกินเจเฉพาะในวันพระหรือประจำวันเกิดจะดีมากเพราะ 1. ได้บุญในการละเว้นเนื้อสัตว์ 2. สุขภาพร่างกายของเราจะดีขึ้น 3.ทำตามข้อ1.และ2.จะดีมากๆ
ตอบลบเท่าที่อ่านมา กินได้ทั้หมดยกเว้น เอสเพรสโซ่เพียว
ตอบลบผมเพิ่งรู้ว่าอาหารจำพวกนี้มีประโยชน์คับ ขอบคุณจาร์โอ๊ตมากที่นำความรู้ดีๆมาบอกกัน
ตอบลบคนส่วนใหญ่มักจะมีความเชื่อเรื่องอาหารแตกต่างกัน ซึ่งบางทีก็จริงบ้าง ผิดบ้าง.บางคนงดมื้อเช้าถ้าใครกําลังทําอยู่ก็เลิกเสียเถอะ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สําคัญมาก นอกจากจะเป็นแหล่งพลังงานให้คุณสู้งานได้อย่างไม่มีถอยแล้ว ยังช่วยให้ไม่หิวมากด้วยก่อนที่จะถึงมื้อต่อไป
ตอบลบอาหารทั้งหลายทั้งปวงที่ว่านี้บางคนอาจไม่มี เวลามาใส่ใจเรื่องการกิน เพราะชีวิตประจำวันต้องมุ่งไปที่งานและอื่นๆดังนั้น นม ครับ นม อีกทางเลือกของการกิน
ตอบลบเเสดงว่าพี่ก็สนใจสุขภาพเหมือนกัน เช่นกินถั่ว กินข้าวกล่อง พวกอาหารเมล็ดพืชพันธุ์
ตอบลบเคยได้ยินมาว่ากินเด็กแล้วจะอายุยืนนะครับ ใครยังไม่ได้กินช่วงนี้ก็กินเจเอาบุญไปก่อนนะครับ ปล.ขอบคุรความรู้ดีๆๆครับ
ตอบลบกินอาหาร จากพืชผักธรรมชาติ ไม่ปนเปื้อนสารเคมี ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพครับ
ตอบลบเข้ากะดึกก็กินธ้ญพิชเหมือนกันผสมกับนมก็อร่อยดีครับ
ตอบลบดีหมดเลยทั้ง 11 อย่าง ที่กินประจำก็ต่อต้านอนุมูลอิสระทั้งน้านนน
ตอบลบขอบคุณสรรพคุณของธัญพืชดีๆครั้บ
ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆสำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะพนักงานที่มีอายุมากๆควรหันมาสนใจสุขภาพให้มากขึ้นโดยเฉพาะทานเนื้อปลายิ่งเป็นปลาแซลมอลสดๆชอบซื้อมาทำ ซาซิมิกินเอง ประหยัด อร่อยและมีประโยชน์ด้วยครับ
ตอบลบขอบคุณครับสำหรับอาหารดีๆทั้ง 11 อย่างถ้ากินได้ทั้งหมดคงจะดีต่อสุขภาพมากๆเลย แต่ด้วยเวลาและหน้าที่ของเราคงไม่สามารถกินได้ พอจะมีอาหารแนะนำสำหรับพวกเราที่ทำงานเป็นกะแบบนี้ไหมครับ
ตอบลบผมต้องกินสองอย่างแรกมากๆแล้วนะเริ่มหลงลืมแล้วนะแต่ก็มีประโยชน์มากๆเลยครับขอความที่มาลง
ตอบลบกินอะไรก็ขอให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกายนะครับจะไดสุขภาพแข็งแรง
ตอบลบอาหารบ้างอย่างก็หากินได้ง่ายบางอย่างก็หากินยากเดียวจะลองหากินบ้างนะ
ตอบลบ