By Max
ใกล้ปีใหม่แล้วแล้วผมคิดว่าเพื่อนๆพี่หลายคนต้องเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ซึ่งเพื่อนๆพี่ๆก็ต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางกลับบ้านในระยะทางที่ไกลๆ ทั้งนี้ตัวผมเองนั้นเป็นคนสนใจในเรื่องรถยนต์มากอยู่แล้ว จึงอยากเสนอความรู้เล็กๆน้อยให้พวกเพื่อนๆและพี่ได้อ่านและนำไปตรวจสอบรถของพวกพี่ๆได้เองแบบง่ายๆโดยที่ไม่ต้องพึ่งช่างให้เสียค่าใช้จ่าย ก่อนอื่นผมมีวิธีจะนำเสนอเป็นแบบง่ายดังนี้ครับ
1.ตรวจสอบและประเมินสภาพโดยรวมของรถ เช่น สภาพรถ สภาพการใช้งาน โดยตรวจสอบจากประวัติครั้งล่าสุดของรถยนต์ที่เข้าตรวจเช็คที่ตามศูนย์บริการ เพื่อให้หมั้นใจได้ว่ารถยนต์ของพวกเพื่อนๆและพี่ๆได้เข้ารับบริการทุกๆระยะตรวจเช็คหรือตรวจซ่อม
2.ตรวจเช็คสภาพความพร้อมใช้งานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายใต้ฝากระโปรงรถยนต์ของพวกเพื่อนๆและพี่ๆ ถ้าเพื่อนและพี่ๆนำรถเข้าตรวตเช็คตาระยะอยู่แล้วก็เบาใจได้ระดับนึกเลยครับ แต่ก็อย่าละเลยกับสิ่งเล็กๆน้อยที่อยู้ใต้ฝากระโปรงละครับ อันดับแรกเลยคือ สังเกตุและตรวจสอบระดับของเหลวในรถยนต์ เช่น ระดับน้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำในหม้อน้ำสำรอง ระดับน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำมันเพาว์เวอร์ น้ำมันเกียร์ โดยตรวจสอบให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่าตำแหน่ง Lowของก้านตรวจเช็ค และที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันอีกอย่างคือตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์ หรือสังเกตุง่ายๆที่สัญลักษญ์ไฟที่แบตเตอรี่(ถ้าเป็นแบตรุ่นใหม่ๆจะมีไฟบอก) ถ้าเพื่อนๆพี่ๆตรวจเช็คแล้วระดับของเหลวอยู่ในระดับปกติ ก็สบายใจได้เลยทีเดียว
3.ตรวจสอบช่วงล่าง ตรวจสอบง่ายๆเลยเพียงแค่เพื่อนและพี่ๆก้มลงไปดูมันสักแปปนึง โดยการสังเกตุง่ายๆเลยก็คือสังเกตุ การรั่วซึมหรือรอยของคราบน้ำมัน ในส่วนต่างๆ ถ้าเกินมีจุดใดรั่วซึมผมแนะนำให้พวกพี่ๆและเพื่อนๆนำรถเข้าเช็คกับทางศูนย์บริการก่อนจะดีที่สุดนะครับ หรือถ้าเช็คหรือซ่อมเองได้อันนี้ก็ไม่ว่ากัน
4.ตรวจสอบเสียงหรืออาการผิดปกติของรถยนต์ วิธีนี้สังเกตุง่ายๆแค่ฟังเสียงหรืออาการตอนขับขี่ว่าผิดปกติหรือรู้สึกว่าแตกต่างหรือไม่ ถ้ามีอาการควรเข้าเช็คตามศูนย์บริการนะครับ จะง่ายที่สุด
5.ตรวจยาง แรงดันลมยางและยางอะไหล่ วิธีที่สังเกตุง่ายที่สุดคือการดู โดยสักเกตุความต่างของยางแต่ละข้างว่าระดับยางแตกต่างกันหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจควรนำรถเข้าเช็คลมยางก่อนจะดีที่สุดครับ จากประสบการณ์ของผมแล้ว แนะนำว่ารถยนต์นั้งที่จะเดินทางไกลควรเติมลมยางอยู่ที่ 29-31 PSI เพราะจะไม่กระด้างและไม่เปลืองน้ำมันด้วยนะครับ ส่วนรถกระบะควรเช็คลมยางให้อยู่ระดับ30-32 PSI ส่วนล้อหลังถ้าบรรทุกหนักควรอยู่ที่ 34-38 PSI ถ้าเติมลมแข็งเกินไปจะทำการขับขี่กระด้างเกินไป และเกิดความเสียสายกับยางโดยใช่เหตุ ส่วนยางอะไหล่ก็อย่าลืมตรวจสอบกันนะครับเพราะว่ายางอะไหล่ที่ไม่เคยนำออกมาใช้เลย แรงดันลมยางก็ต่ำได้นะครับ และอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์เปลี่ยนยางอะไหล่ละครับ (ถ้ายางแตกหรือรั่วซึมในเขตนอกเมือง ผมมีวิธีมาแนะนำนะครับ ก็คือ สเปรย์อุดรอยรั่ว ใช้ง่ายและมีวิธีใช้อยู่ด้านข้างขวด เมื่ออัดเข้าไปขณะรั่วจะสามารถวิ่งไปได้ต่อประมาณ30-50 กม.เลยทีเดียวนะครับ หาซื้อได้ทั่วไปที่ห้างหรือตามร้านขายอะไหล่ยนต์นะครับ)
6.ตรวจสอบระบบส่องสว่าง วิธีที่ตรวจสอบง่ายๆเลยก็คือดูอีกนั้นแหละครับ โดยที่เปิดระบบส่องสว่างของรถยนต์ของเพื่อนๆพี่ๆให้หมดละครับ แล้วสักเกตุว่ามีจุดได้ไม่ส่องสว่างหรือไม่ หรือถ้าเป็นไฟเบรกก็ให้คนในครอบครัวไปเหยียบเบรกให้ก็ได้ครับ (เรื่องไฟเบรกควรตรวจเช็คเป็นประจำนะครับเพราะสำคัญกับผู่ร่วมใช้ทางด้วยกันเอง)
7.ตรวจสอบตัวท่านเอง ข้อสุดท้ายนี้หน้าจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุดนะครับ เพราะว่าถ้าตัวผู้ขับไม่พร้อมก็ไม่ควรขับนะครับ หรือถ้าไม่มีใบอณุญาติยิ่งไม่ควรขับเป็นอย่างยิ่ง และควรมีน้ำใจขับผู้ร่วมทางด้วยนะครับ “ดื่มไม่ขับนะคร๊าบ!!!” ด้วยความห่วงใยจากผมเองนะครับ ขอบคุณครับ
2.ตรวจเช็คสภาพความพร้อมใช้งานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายใต้ฝากระโปรงรถยนต์ของพวกเพื่อนๆและพี่ๆ ถ้าเพื่อนและพี่ๆนำรถเข้าตรวตเช็คตาระยะอยู่แล้วก็เบาใจได้ระดับนึกเลยครับ แต่ก็อย่าละเลยกับสิ่งเล็กๆน้อยที่อยู้ใต้ฝากระโปรงละครับ อันดับแรกเลยคือ สังเกตุและตรวจสอบระดับของเหลวในรถยนต์ เช่น ระดับน้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำในหม้อน้ำสำรอง ระดับน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำมันเพาว์เวอร์ น้ำมันเกียร์ โดยตรวจสอบให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่าตำแหน่ง Lowของก้านตรวจเช็ค และที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันอีกอย่างคือตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์ หรือสังเกตุง่ายๆที่สัญลักษญ์ไฟที่แบตเตอรี่(ถ้าเป็นแบตรุ่นใหม่ๆจะมีไฟบอก) ถ้าเพื่อนๆพี่ๆตรวจเช็คแล้วระดับของเหลวอยู่ในระดับปกติ ก็สบายใจได้เลยทีเดียว
3.ตรวจสอบช่วงล่าง ตรวจสอบง่ายๆเลยเพียงแค่เพื่อนและพี่ๆก้มลงไปดูมันสักแปปนึง โดยการสังเกตุง่ายๆเลยก็คือสังเกตุ การรั่วซึมหรือรอยของคราบน้ำมัน ในส่วนต่างๆ ถ้าเกินมีจุดใดรั่วซึมผมแนะนำให้พวกพี่ๆและเพื่อนๆนำรถเข้าเช็คกับทางศูนย์บริการก่อนจะดีที่สุดนะครับ หรือถ้าเช็คหรือซ่อมเองได้อันนี้ก็ไม่ว่ากัน
4.ตรวจสอบเสียงหรืออาการผิดปกติของรถยนต์ วิธีนี้สังเกตุง่ายๆแค่ฟังเสียงหรืออาการตอนขับขี่ว่าผิดปกติหรือรู้สึกว่าแตกต่างหรือไม่ ถ้ามีอาการควรเข้าเช็คตามศูนย์บริการนะครับ จะง่ายที่สุด
5.ตรวจยาง แรงดันลมยางและยางอะไหล่ วิธีที่สังเกตุง่ายที่สุดคือการดู โดยสักเกตุความต่างของยางแต่ละข้างว่าระดับยางแตกต่างกันหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจควรนำรถเข้าเช็คลมยางก่อนจะดีที่สุดครับ จากประสบการณ์ของผมแล้ว แนะนำว่ารถยนต์นั้งที่จะเดินทางไกลควรเติมลมยางอยู่ที่ 29-31 PSI เพราะจะไม่กระด้างและไม่เปลืองน้ำมันด้วยนะครับ ส่วนรถกระบะควรเช็คลมยางให้อยู่ระดับ30-32 PSI ส่วนล้อหลังถ้าบรรทุกหนักควรอยู่ที่ 34-38 PSI ถ้าเติมลมแข็งเกินไปจะทำการขับขี่กระด้างเกินไป และเกิดความเสียสายกับยางโดยใช่เหตุ ส่วนยางอะไหล่ก็อย่าลืมตรวจสอบกันนะครับเพราะว่ายางอะไหล่ที่ไม่เคยนำออกมาใช้เลย แรงดันลมยางก็ต่ำได้นะครับ และอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์เปลี่ยนยางอะไหล่ละครับ (ถ้ายางแตกหรือรั่วซึมในเขตนอกเมือง ผมมีวิธีมาแนะนำนะครับ ก็คือ สเปรย์อุดรอยรั่ว ใช้ง่ายและมีวิธีใช้อยู่ด้านข้างขวด เมื่ออัดเข้าไปขณะรั่วจะสามารถวิ่งไปได้ต่อประมาณ30-50 กม.เลยทีเดียวนะครับ หาซื้อได้ทั่วไปที่ห้างหรือตามร้านขายอะไหล่ยนต์นะครับ)
6.ตรวจสอบระบบส่องสว่าง วิธีที่ตรวจสอบง่ายๆเลยก็คือดูอีกนั้นแหละครับ โดยที่เปิดระบบส่องสว่างของรถยนต์ของเพื่อนๆพี่ๆให้หมดละครับ แล้วสักเกตุว่ามีจุดได้ไม่ส่องสว่างหรือไม่ หรือถ้าเป็นไฟเบรกก็ให้คนในครอบครัวไปเหยียบเบรกให้ก็ได้ครับ (เรื่องไฟเบรกควรตรวจเช็คเป็นประจำนะครับเพราะสำคัญกับผู่ร่วมใช้ทางด้วยกันเอง)
7.ตรวจสอบตัวท่านเอง ข้อสุดท้ายนี้หน้าจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุดนะครับ เพราะว่าถ้าตัวผู้ขับไม่พร้อมก็ไม่ควรขับนะครับ หรือถ้าไม่มีใบอณุญาติยิ่งไม่ควรขับเป็นอย่างยิ่ง และควรมีน้ำใจขับผู้ร่วมทางด้วยนะครับ “ดื่มไม่ขับนะคร๊าบ!!!” ด้วยความห่วงใยจากผมเองนะครับ ขอบคุณครับ
รถพร้อมกายต้องพร้อมด้วยนะครับ ง่วงเมาไม่ขับกลับบ้านปลอดภัยครับ
ตอบลบที่ต้องตรวจสอบอีกอย่างคือ เงินในกระเป๋า จะบอกเราได้ว่าไปได้ไกลเเค่ไหน
ตอบลบอันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง :D
ลบเห็นด้วยเลยพี่ สำคัญเลย
ลบผมเติมลมยาง 39-40 psi ทั้งหน้าและหลัง ถ้าเติมน้อยกว่านี้รู้สึกว่า รถวิ่งอึดและทรงตัวไม่ค่อยดี แต่มีข้อสงสัยว่า ยางหน้าควรจะเติมให้มากกว่ายางหลังหรือเปล่าเพราะยางหน้ารับน้ำหนักเครื่องตรงๆ ส่วนยางหลังคิดว่ารับน้ำหนักน้อยกว่าเพราะไม่ได้บรรทุก
ตอบลบเติมยางแข็งมันจะเด้งๆแข็งๆหน่อย แต่เร่งดีนะผมว่า
ลบปกติเติม 34 ทั้ง 4 เลย
ส่วนเรื่องหน้าหลังนี่เคยสนใจเหมือนกัน เคยลองมาแล้วทั้งหน้า/หลัง ไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่าง (หรือเรามือไม่ถึง)
จากคู่มือแต่ละยี่ห้อบอกไม่เหมือนกันสักอัน บางอันให้หลังเยอะ บางอันหน้าเยอะ แต่อ่านตามเวปรถแข่งเค้าว่ามันเกี่ยวกับเรื่องการเข้าโค้ง Over/Under steer นะครับ อันนี้รอเซียนรถมาตอบ
ส่วนใหญ่เห็นรถพี่นิกใช้งานในเมือง ยางหน้าควรอยู่ประมาณ32ยางหลัง30-31นะครับผมว่าขับนิ่มๆช่วงล่างเจ็บน้อยหน่อย กินน้ำมันต่างกันนิดเดียวคับพี่ แล้วก็กินหน้ายางน้อยกว่ากันด้วยครับพี่ หรือไม่งั้นเติมลมN2เลยครับพี่นิ่มสบาย แต่ต้องบอกร้านเติมให้เติมเพิ่มกว่าปกติสัก3-4ปอร์นนะครับพี่ ถ้าเติมแข็งไปบ่อยๆ รถใหม่ๆยังออกอาการน้อยครับแต่หลังจาก3ปีขึ้นไปจะเริ่มเห็นผลกับช่วงล่างครับพี่
ลบนั่นไงเซียนมาตอบแล้ว ขอบคุณมากครับ
ลบใครสนใจยางมือสองบอกได้นะปลายปีนี้จะเปลี่ยน อิอิ
ต้องเช็คคนนั่ง ข้างๆ ด้วยป่าว 555 ล้อเล่น ดีครับอาจเป็นเรื่องเล็กที่มองข้ามแต่ทุกข้อสำคัญหมดนะครับ อุบัติเหตุ ต้องเป็น 0 นะครับ ขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยในปีใหม่นี้นะครับ
ตอบลบคนนั่งข้างพี่คงไม่ต้องเช็คนะครับ แต่คงต้องเช็คพี่ใหญ่เองผมว่านะฮาๆ
ลบส่วนผมก็เติมตามที่คู่มือการใช้รถที่มีมากับรถคับก็ OKนะ
ตอบลบเดินทางระยะสั่นไม่เป็นไร แต่ระยะไกลต้องเช็คทุกอย่าง ไม่ว่าจะเครื่องยนต์หรือล่อยาง เวลาขับจะได้สบายใจ แต่ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับรถด้วยเวลามีปัญหาจะได้รู้ว่ารถเป็นอะไร จะได้แค่ไขต่างหน้าได้แต่ถ้าคนไม่รู้ก็ต้องพกคู่มือรถไปด้วยจะได้รู้เรื่องรถยนต์
ตอบลบว้า...ผมเพิ่งมาเห็นโพสนี้ ไปเท่วกลับมาเเร่ว โดยปกติผมเช็คเเค่ น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อพัก และลมยาง ไว้ทริปหน้าจะได้เช็คละเอียดกว่านี้หน่อย โพสนี้แหล่มเลยยย
ตอบลบเรื่องง่ายๆแต่ได้ผลเพื่อนแม็ค เพราะผมกลับต่างจังหวัดบ่อย ถ้าเกิดสาเหตุเราก็จะรู้ตัวและแก้ใขได้ทัน ( ตอนนี้ผมจัด กล่องดันราง+ยกหัวฉีด มาหมาดๆ ต้องดูแลรัยเป็นพิเศษใหมช่างแม็ค แนะนำหน่อยคับ)
ตอบลบจัดเต็มแบบนี้เพื่อนติ๊กก็ต้องดูแลดีๆหน่อยละครับเช็คตามระยะคู่มือทุกระยะเพราะเครื่องยนต์เสียหายเยอะกว่าเครื่องยนต์ปกติ จัดหนักขนาดนี้ขับใจเย็นๆละเพื่อน
ลบเป็นการแนะนำที่ดีมากเลยแม็ครถพี่เก่าแล้วสงสัยต้องเช็คบ่อยๆแล้วล่ะ ( ดราก้อนอาย )
ตอบลบคับพี่เรื่องรถจริงๆแล้วไม่มีอะไรมากมายเพียงแค่ใส่ใจมันบ้างสักนิด จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายที่จะเกิดในอนาคตได้เยอะครับพี่ เพราะถ้าไม่เคยเช็คเลยใช้อย่างเดียวทั้งรถใหม่รถเก่า อาจจ่ายแบบหนักๆเจัดเต็มเปลี่ยนยกชุดแถมพ่วงงานเข้าส่วนอื่นอีกด้วยก็เป็นได้นะครับ เช็คสักนิดช่วยได้เยอะแถมปลอดภัยกับคนขับและคนนั้งอีกด้วยครับ
ตอบลบโดยส่วนใหญ่แล้วรถที่บ้านผมทุกคัน ผมจะเป็นคนดูแลหมด ไม่ค่อยอยากให้ช่างแตะมากเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยไว้ใจ เพราะเจอมากับตัวเอง เคยฝึกงานอยู่หลายๆที่และก็เคยสังเกตุการทำงานของช่างแล้วก็รู้สึกผิดหวัง ไม่มีใครดูแลรถเราดีเท่ากับตัวเจ้าของหรอกครับ ผมจึงใช้วิชาที่ได้เรียนมา ชื้ออะไหล่มาทำเองเกือบทุกอย่าง ทั้งประหยัดค่าแรงแถมได้ของดีกว่าอีกด้วยครับ
ลบส่วนใหญ่พี่จะเดินทางบ่อย..ก่อนไปก็เอารถไปเช็คก่อนตลอด..จะได้เทียวแบบชิลๆไม่ต้องกังวลจร้าาา
ตอบลบ-ปกติรถยนต์ไม่ค่อยจะได้จับ จับเเต่รถเครื่อง ? โดยปกติเเล้วส่วนมากก่อนที่จะเดินทางไกลๆมักจะนำรถไปเข้าศูนย์ก่อนเพื่อความมั่นใจในการขับขี่
ตอบลบ-ยางรถถ้าไม่ได้ดูเเลเลย อาจสังเกตุว่าผิดปกติหรือไม่ โดยการตรวจสอบว่ารถวิ่งกินซ้ายหรือกินขวา
-สุขภาพอนามัยของคนขับขี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ
ต้องมีความพร้อมทั้งคนทั้งรถ ตั้งสติก่อนสตาร์ทความปลอดภัยในขับขี่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งครับ
ตอบลบเมื่อรถพร้อมเเละคนพร้อมเเล้ว ก่อนเดินทางควรศึกษาเส้นทางที่เราจะไปให้ดีเสียก่อน เพื่อเป็นการประหยัดเวลาเเละลดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงอีกด้วยครับ
ตอบลบแล้วอย่าลืมสายพ่วงแบตเตอร์รีติดรถไปบ้างนะครับอาจจะต้องใช้
ตอบลบP'Mate
ตอบลบอย่าฝืนต้องพักหรือจอดทันทีที่ง่วง กาเเฟสดสักหน่อย
ถ้าทุกอย่างพร้อมก็อย่างลีมวางแผนการเดินทางจะทำให้ประหยัดน้ำมันและเวลาได้มากครับ
ตอบลบการเดินทางถ้ารถพร้อมคนต้องพร้อมด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นอาจเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดกับการเดินทางได้ ด้วยความห่วงใยจากพี่กิ๊กคับผม
ตอบลบที่สำคัญอีกอย่างครับพี่น้อง สำคัญมากๆด้วย เกี่ยวกับหม้อน้ำที่เราเห็นว่าหม้อน้ำไม่แห้งแต่ความร้อนของรถมีแน้วโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนผิดสังเกตุครับไม่แห้ง ไม่รั่ว แล้ว ความร้อนขึ้น 555 หม้อน้ำพี่น้องส่ออาการว่าจะตันแล้วล่ะครับ หม้อน้ำรถถ้าเราใช้รถทุกวันแล้วเราก็เติมตอนมันแห้งลง แต่ตะกรันมันสะสมอยู่ครับ เหมือน boiler เรานี่แหละครับ อันนี้เจอมากับตัวครับ โบนัสออกมาให้น้องหม้อน้ำไปเลย 5000 บาทสบายใจครับ เรื่องรถมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ว่างๆเข้าแวะชม GOOGLE กระทู้พวก DTY รถนะครับน่าดูน่าอ่านมากๆ
ตอบลบโทษทีครับไม่ไช่ DTY DIY ตะหาก
ลบ*-*แต่งรถ / DIY - ThaiTritonClub.COM*-*
ทำไมเลี่ยนหม้อน้ำแพงจังผมเคยเปลี่ยนของ Honda civic ประมาณ สามพันบาทครับ
ลบสุดยอดเลยครับถึงมาช้าแต่ก็ได้ความรู้ดีมากครับ ผมลองทำตามที่แม็คเขียนลงมา แต่ผมเพิ่ม1อย่างนะต้องเช็คคนนั่งข้างๆด้วยนะจะได้นั่งเป็นเพื่อนกันกันห่วงนอนหรือค่อยเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าให้
ตอบลบดีครับ ตรวจเช็ครถก่อนเดินทางปลอดภัยถึงจุดหมายแน่นอนครับ
ตอบลบวางแผนการเดินทางไว้ก่อนดีสุดแล้วครับพี่ ประหยัดทั้งเวลาประหยัดทั้งเงินในกระเป๋าด้วยครับ
ตอบลบการตรวจสภาพรถ ผมว่าเราควรจะต้องตรวจสอบกันประจำจะดีกว่า โดยเฉพาะรถ 5 ปีขึ้นไป เพราะเราไม่อาจจะรู้เลยว่าอะไหล่ตัวไหนจะหมดอายุเมื่อไหร่ บางที่มองภายนอกสภาพดีวิ่งไปพังเลยก็มีครับ เพราะฉะนั้นใช้รถเมื่อไหร่ก็เช็ครถก่อนขับผมว่าปลอดภัยสุดๆครับ
ตอบลบขอบคุณครับ การตรวจสอบรถก่อนเดินพร้อมกับตรวจตัวเองด้วยว่าร่างกายพร้อมที่จะเดินทางหรือเปล่า ช่วยลดอุบัติเหตุระหว่างทาง อีกด้วยจ้า
ตอบลบมันเยี่ยมไปเลย ถ้ารถพร้อมคนขับพร้อมก็ไปได้ทุกที่ในประเทศไทยครับ ง่วงไม่ขับ เมาไม่หลับ ถ้ามีแฟน ก็ให้แฟนขับ ปลอดภัยทุกเส้นทาง ฟินเบย
ตอบลบได้อ่านแล้วเป็นข้อมูลที่ดี ครับเวลากลับบ้านต่างจังหวัดจะได้เป็นตัวช่วยในการปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้บนท้องถนน
ตอบลบถ้าเราปฎิบัติตามจากข้อความที่อ่านอุบัติเหตุก็คงจะไม่เกิด ความปลอดภัยก็จะเกิดขึ็นกับตัวเราและครอบครัว
ตอบลบนอกจากตรวจเช็คสภาพทั้ง 7 ข้อข้างต้นแล้ว อย่าลืมตรวจสอบและศึกษาเส้นทางก่อนออกจากบ้าน เพราะสามารถทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างง่ายดายและก็ไม่เสียเวลาอีกด้วย
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆก่อนการเดินทางครับ เห็นได้ว่าสำคัญทุกข้อที่กล่าวมาโดยเฉพาะเงินในกระเป๋าและคนนั่งข้างๆด้วยครับ
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ การดูแลรถไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะในชีวิตประจำวันเราต้องมีรถเป็นส่วนประกอบ แล้วยิ่งถ้าต้องเดินทางรถก้อยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก ฉะนั้นการดูแลรถจึงต้องทำอย่างถูกต้อง ส่วนการดูแลรถของผมนั้นทำเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะถ้ามีเวลาว่างก็จะอยู่กับรถตลอดครับ
ตอบลบเป็นข้อมูลที่ดีมาก ทำให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย
ตอบลบใครขับรถในกรุงเทพโปรดระวังรถเมล์สาย 8 ด้วยนะครับช่วงนี้กำลังมาแรงครับ
ตอบลบเราควรตรวจสภาพรถก่อนเดินทางทุกครั้งเพื่อความพร้อมและความปลอดภัย
ตอบลบ