By Rawit
ความสามารถในการฝันฝ่าปัญหาอุปสรรค
AQ
(Adversity Quotient) คือความสามารถในการ ที่อดทนทั้งด้าน ความยาก
ลำบาก ทางกาย ความอดกลั้น ทางด้านจิตใจ และ จิตวิญญาณ ที่สามารถเผชิญ
และเอาชนะเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เมื่อต้องเผชิญ กับการเปลี่ยนแปลง
ที่รวดเร็วและไม่มีความแน่นอน ซึ่งจะเป็นรูปแบบพฤติกรรมการตอบสนองต่อปัญหา อุปสรรคในชีวิต
อันเป็นกลไกของสมอง ซึ่งเกิดจาก ใยประสาทต่างๆที่ถูกสร้างขึ้น ฝึกฝนขึ้น
ปัญหาที่กล่าวถึงนี้จะเป็นปัญหาเล็กน้อย เป็นปัญหา ปานกลาง
หรืออาจจะเป็นปัญหาใหญ่โต ซับซ้อนก็ได้ อาจสรุป ว่า AQ คือ “ความสามารถในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ “ประกอบด้วย
4 ลักษณะ ดังนี้
1. ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น
2. ความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์และนำตัวเองเข้าไปแก้สถานการณ์
3. วิธีคิดหรือวิธีมองปัญหาที่จะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์นั้นว่า มีจุดจบของปัญหา และปัญหา ทุก ๆ ปัญหาต้องมีทางออก ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
4. ความสามารถที่จะอดทนและทนทานต่อปัญหาต่าง ๆ ได้
A.Q. หรือ adversity quotient เป็นศักยภาพที่บุคคลสามารถเผชิญกับปัญหา และพยายามหาหนทางแก้ไข อย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยพลังจิตใจที่จะพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง สตอลต์ (Paul G.Stoltz, Ph.D.) เป็นผู้เสนอแนวความคิด และ แนวทางพัฒนา สามารถเผชิญ กับปัญหา และพยายามหาหนทางแก้ไขอย่างไม่หยุดศักยภาพด้าน เอคิว ( A.Q.)ขึ้น เขาได้แบ่งลักษณะของบุคคล เมื่อเผชิญปัญหาโดยเทียบเคียงกับนักไต่เขาไว้ ๓ แบบคือ
1. ผู้ยอมหยุดเดินทางเมื่อเผชิญปัญหา ( Quitters ) มีลักษณะ
1. ปฏิเสธความท้าทายอย่างสิ้นเชิง
2. ไม่คำนึงถึงศักยภาพที่ตนมีอยู่ที่จะจัดการกับปัญหาได้
3. พยายามหลบหลีกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทุกวิถีทาง
4. ไม่มีความทะเยอทะยาน ขาดแรงจูงใจ
5. เป็นตัวถ่วงในองค์กร
2. ผู้หยุดพักพิงเมื่อได้ที่เหมาะ ( Campers ) มีลักษณะ
0. วิ่งไปข้างหน้าบ้างและแล้วก็หยุดลง
1. หาพื้นที่ราบซึ่งจะได้พบกับปัญหาอุปสรรคเพียงเล็กน้อย
2. ถอยห่างจากการเรียนรู้ สิ่งน่าตื่นเต้น การเติบโต และความสำเร็จที่สูงขึ้นไป 3
. ทำในระดับเพียงพอที่จะไม่เป็นที่สังเกตได้ ได้แก่พยายามไม่ทำให้โดดเด่นเกินหน้าใคร
3. ผู้ที่รุกไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ( climbers ) มีลักษณะ
0. อุทิศตนเองเพื่อมุ่งไปสู่จุดที่ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
1. ไม่เคยรู้สึกพอใจ ณ จุดปัจจุบันเสียทีเดียว
2. สร้างสิ่งใหม่ๆให้ตนเองและองค์กรของตนอย่างต่อเนื่อง
3. สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง และสร้างวินัยแก่ตนเอง
4. สนุกกับสิ่งท้าทายใหม่ๆ
สตอลต์ (Stoltz ) เปรียบชีวิตเหมือนการไต่ขึ้นภูเขา ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น จะอุทิศตนก้าวต่อไปข้างหน้า ไต่ขึ้นไปยังจุดสูงขึ้น อย่างไม่หยุดหย่อน บางครั้งช้าบ้างเร็วบ้าง เจ็บปวดบ้างก็ยอม ความสำเร็จนั้น หรือก็เป็นเพียงจุดๆหนึ่งของชีวิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวต่อไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะมีอุปสรรคเพียงใด พบว่า ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ทำประโยชน์ให้สังคมโลก อย่างไม่ หยุดหย่อน แม้กระทั่งภายหลังลงจาก ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้วก็ตาม และพบว่าผลงานที่มีต่อสังคมโลกของท่าน ในช่วงหลัง จากลงจากตำแหน่ง แล้วยังจะมีมากกว่าเมื่อตอนรับตำแหน่งอยู่เสียอีกเนื่องจากท่านไม่เคยหยุด อยู่กับที่เลย แม้ว่าแนวคิดด้านเอคิว( AQ. ) จะได้รับการพัฒนามาหลังจากไอคิว ( IQ. ) และเอคิว ( EQ. ) แต่ด้วยความสำคัญและประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง องค์กร และสังคม ทำให้บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา นำแนวคิดนี้มาพัฒนาการดำเนินงาน และ หน่วยงานด้าน การจัดการศึกษา แก่เด็กนักเรียนในประเทศสิงคโปร์ ได้นำแนวคิดนี้ไปบรรจุในแผนการสอนในโรงเรียน
ความเข้าใจแนวความคิดด้านเอคิว( A.Q. )ทำให้เข้าใจถึงวิธีที่บุคคลตอบสนองต่ออุปสรรคหรือสิ่งท้าทายตลอดทุกแง่มุม ของชีวิต ด้วยวิธีการค้นหาว่า ตนเอง ณ จุด ใดของงานนั้นๆ จากนั้นจึงวัดและพัฒนางานนั้นให้ดีขึ้นตลอด บันไดในการ กำหนดเป้าหมาย และการไปให้ถึงได้แก่
ขั้นที่หนึ่ง คือ การจินตนาการความเป็นไปได้ที่ดีกว่าที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ( Dream the Dream )
ขั้นที่สอง คือ แปลงสิ่งที่จินตนาการให้เป็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ( Making the Dream the Vision )
ขั้นที่สาม คือ การคงสภาพวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนนั้นจนกว่าจะดำเนินการจนบรรลุเป้าหมาย ( Sustaining the Vision )
อย่าลืมว่าหัวใจของเอคิว( AQ. )คือดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่ท้อถอย ดังเช่น โธมัส เอดิสัน ใช้เวลาถึง ๒๐ ปี ทำการทดลองผลิตแบตเตอรีต้นแบบ ที่เบาทนทาน ด้วยการทดลอง ห้าหมื่นกว่าครั้ง มีผู้สงสัยว่าเขาอดทนทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาตอบว่า การทดลองทั้งห้าหมื่นครั้งทำให้เขาเรียนรู้ความล้มเหลวตั้งห้าหมื่นกว่าแบบ เป็นเหตุให้เขาประสบความสำเร็จดังกล่าวได้
มิได้หมายความว่า คนที่มีเอคิว( AQ. )ดี ซึ่งเปรียบได้กับคนที่พยายามไต่เขาต่อไปไม่หยุดหย่อน จะไม่รู้สึกเหนื่อยอ่อน จะไม่รู้สึก ลังเลใจ ที่จะทำต่อไป จะไม่รู้สึกเหงา แต่เป็นเพราะเขารู้จักที่จะให้กำลังใจตนเองสู้ต่อไป เติมพลังให้ตนเอง ตลอดเวลาที่ทำให้ เขาแตกต่างจากคนอื่นและกัดฟันสู้อยู่ไม่ถอย สิ่งที่เขาต้องการ มิใช่ส่วนแบ่งการตลาด ของสินค้าที่บริษัทเขาผลิตอยู่ มิใช่ต้องการ เงินเดือน ขั้นพิเศษเป็นผลตอบแทน เพราะนั่นเป็นเพียงผลพลอยได้ สิ่งที่เขาต้องการแท้ที่จริงคือ เป้าหมายของงานที่ดีขึ้น อย่างไม่หยุดหย่อน
มาถึงตอนนี้คงจะเห็นได้แล้วว่าเอคิว( AQ. )นั้นมีประโยชน์ต่อสังคมโลกอย่างใด และหากเด็กได้รับการพัฒนา ความคิดดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กและสังคมอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ถึงให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้อย่างมาก นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาถึง อานิสงค์แห่งการคงไว้ซึ่งเอคิว( AQ. )ใน ๓ ลักษณะคือ
๑. ทำให้บุคคลนั้นมีความคล่องตัวอยู่เสมอ ไม่เหี่ยวเฉา การฝึกสมองอยู่ตลอดเวลาทำให้เซลล์สมองพัฒนาการเชื่อมโยงเซลล์ประสาท ตลอดเวลาทำให้มีความคิดความจำที่ดีอยู่ตลอด
๒. เป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ มาติน เซลิกมาน ( Martin Seligman ) ได้ศึกษาตัวแทนประกันชีวิตเป็นเวลา ๕ ปี พบว่าผู้มองโลกในแง่ดี มีผลงานขายประกันสูงกว่า ผู้มองโลกในแง่ร้ายถึง ร้อยละ ๘๘
๓. งานวิจัยด้านระบบจิตประสาทภูมิคุ้มกัน( psycho- neuroimmunology ) พบว่า วิธีการตอบสนองต่ออุปสรรค มีความสัมพันธ์ทางตรงกับ สุขภาพกายและสุขภาพจิต ผู้ที่มีจิตใจต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บป่วยดีขึ้น เช่น ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัด จะพบว่าแผลผ่าตัดฟื้นหายเร็วขึ้น มีอายุที่ยืนยาวกว่า
2. ความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์และนำตัวเองเข้าไปแก้สถานการณ์
3. วิธีคิดหรือวิธีมองปัญหาที่จะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์นั้นว่า มีจุดจบของปัญหา และปัญหา ทุก ๆ ปัญหาต้องมีทางออก ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
4. ความสามารถที่จะอดทนและทนทานต่อปัญหาต่าง ๆ ได้
A.Q. หรือ adversity quotient เป็นศักยภาพที่บุคคลสามารถเผชิญกับปัญหา และพยายามหาหนทางแก้ไข อย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยพลังจิตใจที่จะพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง สตอลต์ (Paul G.Stoltz, Ph.D.) เป็นผู้เสนอแนวความคิด และ แนวทางพัฒนา สามารถเผชิญ กับปัญหา และพยายามหาหนทางแก้ไขอย่างไม่หยุดศักยภาพด้าน เอคิว ( A.Q.)ขึ้น เขาได้แบ่งลักษณะของบุคคล เมื่อเผชิญปัญหาโดยเทียบเคียงกับนักไต่เขาไว้ ๓ แบบคือ
1. ผู้ยอมหยุดเดินทางเมื่อเผชิญปัญหา ( Quitters ) มีลักษณะ
1. ปฏิเสธความท้าทายอย่างสิ้นเชิง
2. ไม่คำนึงถึงศักยภาพที่ตนมีอยู่ที่จะจัดการกับปัญหาได้
3. พยายามหลบหลีกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทุกวิถีทาง
4. ไม่มีความทะเยอทะยาน ขาดแรงจูงใจ
5. เป็นตัวถ่วงในองค์กร
2. ผู้หยุดพักพิงเมื่อได้ที่เหมาะ ( Campers ) มีลักษณะ
0. วิ่งไปข้างหน้าบ้างและแล้วก็หยุดลง
1. หาพื้นที่ราบซึ่งจะได้พบกับปัญหาอุปสรรคเพียงเล็กน้อย
2. ถอยห่างจากการเรียนรู้ สิ่งน่าตื่นเต้น การเติบโต และความสำเร็จที่สูงขึ้นไป 3
. ทำในระดับเพียงพอที่จะไม่เป็นที่สังเกตได้ ได้แก่พยายามไม่ทำให้โดดเด่นเกินหน้าใคร
3. ผู้ที่รุกไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ( climbers ) มีลักษณะ
0. อุทิศตนเองเพื่อมุ่งไปสู่จุดที่ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
1. ไม่เคยรู้สึกพอใจ ณ จุดปัจจุบันเสียทีเดียว
2. สร้างสิ่งใหม่ๆให้ตนเองและองค์กรของตนอย่างต่อเนื่อง
3. สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง และสร้างวินัยแก่ตนเอง
4. สนุกกับสิ่งท้าทายใหม่ๆ
สตอลต์ (Stoltz ) เปรียบชีวิตเหมือนการไต่ขึ้นภูเขา ผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น จะอุทิศตนก้าวต่อไปข้างหน้า ไต่ขึ้นไปยังจุดสูงขึ้น อย่างไม่หยุดหย่อน บางครั้งช้าบ้างเร็วบ้าง เจ็บปวดบ้างก็ยอม ความสำเร็จนั้น หรือก็เป็นเพียงจุดๆหนึ่งของชีวิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวต่อไปตลอดชีวิต แม้ว่าจะมีอุปสรรคเพียงใด พบว่า ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ทำประโยชน์ให้สังคมโลก อย่างไม่ หยุดหย่อน แม้กระทั่งภายหลังลงจาก ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้วก็ตาม และพบว่าผลงานที่มีต่อสังคมโลกของท่าน ในช่วงหลัง จากลงจากตำแหน่ง แล้วยังจะมีมากกว่าเมื่อตอนรับตำแหน่งอยู่เสียอีกเนื่องจากท่านไม่เคยหยุด อยู่กับที่เลย แม้ว่าแนวคิดด้านเอคิว( AQ. ) จะได้รับการพัฒนามาหลังจากไอคิว ( IQ. ) และเอคิว ( EQ. ) แต่ด้วยความสำคัญและประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง องค์กร และสังคม ทำให้บริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา นำแนวคิดนี้มาพัฒนาการดำเนินงาน และ หน่วยงานด้าน การจัดการศึกษา แก่เด็กนักเรียนในประเทศสิงคโปร์ ได้นำแนวคิดนี้ไปบรรจุในแผนการสอนในโรงเรียน
ความเข้าใจแนวความคิดด้านเอคิว( A.Q. )ทำให้เข้าใจถึงวิธีที่บุคคลตอบสนองต่ออุปสรรคหรือสิ่งท้าทายตลอดทุกแง่มุม ของชีวิต ด้วยวิธีการค้นหาว่า ตนเอง ณ จุด ใดของงานนั้นๆ จากนั้นจึงวัดและพัฒนางานนั้นให้ดีขึ้นตลอด บันไดในการ กำหนดเป้าหมาย และการไปให้ถึงได้แก่
ขั้นที่หนึ่ง คือ การจินตนาการความเป็นไปได้ที่ดีกว่าที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ( Dream the Dream )
ขั้นที่สอง คือ แปลงสิ่งที่จินตนาการให้เป็นวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ( Making the Dream the Vision )
ขั้นที่สาม คือ การคงสภาพวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนนั้นจนกว่าจะดำเนินการจนบรรลุเป้าหมาย ( Sustaining the Vision )
อย่าลืมว่าหัวใจของเอคิว( AQ. )คือดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่ท้อถอย ดังเช่น โธมัส เอดิสัน ใช้เวลาถึง ๒๐ ปี ทำการทดลองผลิตแบตเตอรีต้นแบบ ที่เบาทนทาน ด้วยการทดลอง ห้าหมื่นกว่าครั้ง มีผู้สงสัยว่าเขาอดทนทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาตอบว่า การทดลองทั้งห้าหมื่นครั้งทำให้เขาเรียนรู้ความล้มเหลวตั้งห้าหมื่นกว่าแบบ เป็นเหตุให้เขาประสบความสำเร็จดังกล่าวได้
มิได้หมายความว่า คนที่มีเอคิว( AQ. )ดี ซึ่งเปรียบได้กับคนที่พยายามไต่เขาต่อไปไม่หยุดหย่อน จะไม่รู้สึกเหนื่อยอ่อน จะไม่รู้สึก ลังเลใจ ที่จะทำต่อไป จะไม่รู้สึกเหงา แต่เป็นเพราะเขารู้จักที่จะให้กำลังใจตนเองสู้ต่อไป เติมพลังให้ตนเอง ตลอดเวลาที่ทำให้ เขาแตกต่างจากคนอื่นและกัดฟันสู้อยู่ไม่ถอย สิ่งที่เขาต้องการ มิใช่ส่วนแบ่งการตลาด ของสินค้าที่บริษัทเขาผลิตอยู่ มิใช่ต้องการ เงินเดือน ขั้นพิเศษเป็นผลตอบแทน เพราะนั่นเป็นเพียงผลพลอยได้ สิ่งที่เขาต้องการแท้ที่จริงคือ เป้าหมายของงานที่ดีขึ้น อย่างไม่หยุดหย่อน
มาถึงตอนนี้คงจะเห็นได้แล้วว่าเอคิว( AQ. )นั้นมีประโยชน์ต่อสังคมโลกอย่างใด และหากเด็กได้รับการพัฒนา ความคิดดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กและสังคมอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลประเทศสิงคโปร์ถึงให้ความสำคัญต่อสิ่งนี้อย่างมาก นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาถึง อานิสงค์แห่งการคงไว้ซึ่งเอคิว( AQ. )ใน ๓ ลักษณะคือ
๑. ทำให้บุคคลนั้นมีความคล่องตัวอยู่เสมอ ไม่เหี่ยวเฉา การฝึกสมองอยู่ตลอดเวลาทำให้เซลล์สมองพัฒนาการเชื่อมโยงเซลล์ประสาท ตลอดเวลาทำให้มีความคิดความจำที่ดีอยู่ตลอด
๒. เป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ มาติน เซลิกมาน ( Martin Seligman ) ได้ศึกษาตัวแทนประกันชีวิตเป็นเวลา ๕ ปี พบว่าผู้มองโลกในแง่ดี มีผลงานขายประกันสูงกว่า ผู้มองโลกในแง่ร้ายถึง ร้อยละ ๘๘
๓. งานวิจัยด้านระบบจิตประสาทภูมิคุ้มกัน( psycho- neuroimmunology ) พบว่า วิธีการตอบสนองต่ออุปสรรค มีความสัมพันธ์ทางตรงกับ สุขภาพกายและสุขภาพจิต ผู้ที่มีจิตใจต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อความเจ็บป่วยดีขึ้น เช่น ผู้ป่วยที่รับการผ่าตัด จะพบว่าแผลผ่าตัดฟื้นหายเร็วขึ้น มีอายุที่ยืนยาวกว่า
“ความสามารถของคนทำงานจะวัดได้จาก ส่วนประกอบด้วย 4 ลักษณะ ดังนี้
ตอบลบ1. ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น
2. ความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์และนำตัวเองเข้าไปแก้สถานการณ์
3. วิธีคิดหรือวิธีมองปัญหาที่จะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์นั้นว่า มีจุดจบของปัญหา และปัญหา ทุก ๆ ปัญหาต้องมีทางออก ไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง
4. ความสามารถที่จะอดทนและทนทานต่อปัญหาต่าง ๆ ได้
ซึ่งโดยรวมเเล้วประสปการณ์ของคนทำงานจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความสามารถของเเต่ละบุคคล เพราะฉนั้นการสั่งสมประสปการณ์ เเล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตการทำงานจะเป็นวิถีการทำงานที่ดีเเละมีความก้าวหน้าในอนาคต
AQ มีประโยชน์มากช่วยให้เราคิดหาทางแก้ปํญหาและช่วยให้เราความจำเสื่อมช้าลง
ตอบลบความสามารถของคนเราในการเผชิญกับปัญหา การควบคุมสถานการณ์แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแนวคิดและทัศนะคติของแต่ละบุคคล
ตอบลบAQ ที่โชว์อยู่ข้างบนนั้น นั้นคือขุนทรัพย์ที่ทุกๆคนที่ทำงานที่ SOLVAY นั้นต้องเคยทำและสัมผัสกับการทำงานชิ้นนี้ นี้แหละคือการจัดการปัญหาและกล้าที่จะลงมือทำที่ดีของการเริ่มต้นของกระบวนการต่างๆ
ตอบลบสติมีส่วนสำคัญเมื่อมีเหตุการณ์ควรตั้งสติว่าควรจะทำอย่างไรดีไม่ควรใช้อารมณ์
ตอบลบถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราจะต้อง “ฝึกตัวเอง” และในบางครั้งเราจะต้องฝึก “ฝืนใจของตัวเอง”
ตอบลบAQเป็นเหมือนAQในprocessเราหรือป่าว
ตอบลบมองปัญหาทุกอย่างให้ได้....ที่จะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์นั้นและหาแนวทางแก้ไข
ตอบลบเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเราต้องมีสติก่อนที่จะทำอะไรและคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมงานเสมอ
ตอบลบความสามารถในการเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรคไม่เพียงแต่จะใช้ได้ดีในระดับบุคคลอย่างเดียวเท่านั้น พบว่ายังสามารถนำไปประยุกต์เพื่อใช้ส่งเสริมประสิทธิภาพทีมงาน(Teams) ความสัมพันธ์( Relationships) ครอบครัว(Families) องค์การ(Organizations) ชุมชน(Communities) วัฒนธรรม(Cultures) สังคม (Societies) นอกจากนั้น ยังสามารถใช้ทำนายความสำเร็จได้ถึง 17 อย่าง (Stoltz ,1997,p .9) คือ
ตอบลบ1. ผลการปฏิบัติงาน(Performance)
2. แรงจูงใจ(Motivation)
3. การมีอำนาจ(Empowerment)
4. การเรียนรู้(Learning)
5. ความคิดสร้างสรรค์(Creativity)
6. ความมีผลิตผล(Productivity)
7. พลังงาน(Energy)
8. ความหวัง(Hope)
9. ความสุข ความกระปรี้กระเปร่า และ ความสนุกสนาน(Happiness , Vitality and Joy)
10. สุขภาพทางอารมณ์(Emotional health)
11. สุขภาพทางกาย(Physical health)
12. ความมั่นคง(Persistence)
13. ความสามารถในการฟื้นตัว(Resilience)
14. การปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา(Improvement over time)
15. เจตคติ(Attitude)
16. การมีอายุยืน(Longevity)
17. การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง(Response to change)
"3. ผู้ที่รุกไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ( climbers ) มีลักษณะ
ตอบลบ0. อุทิศตนเองเพื่อมุ่งไปสู่จุดที่ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
1. ไม่เคยรู้สึกพอใจ ณ จุดปัจจุบันเสียทีเดียว
2. สร้างสิ่งใหม่ๆให้ตนเองและองค์กรของตนอย่างต่อเนื่อง
3. สร้างแรงจูงใจให้ตนเอง และสร้างวินัยแก่ตนเอง
4. สนุกกับสิ่งท้าทายใหม่ๆ"
ชอบส่วนนี้มากครับ ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ มีความมุ่งมั้น ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ +_+"
เราต้องมีสติเมื่อเจอกับปัณหาแล้วต้องควบคุมสถานการณ์ได้และต้องหาทางว่างแผนไม่ให้เกิดปัณหาได้อีกนี้คือ AQในความคิดผม
ตอบลบต้องมีความกล้าที่จะเผชิญกับปัณหาอย่าไปกลัวและกังวลกับอุปสรรคท่ีจะเกิดขึ้นและต้องมีความรอบคอบในการเเก้ปัณหา
ตอบลบดั่งเพื่อนคนหนึ่ง บอกว่าปัญหามีมาให้แก้อยู่ทุกวัน โดยที่เราไม่รู้ตัวก็เป็นได้(คนอวดผี)
ตอบลบAQ เป็นการวัดความสามารถในการจัดการกับปัญหาและวิกฤติ
ตอบลบใครที่สามารถจัดการได้ดีจะเป็นผู้นำและเป็นผู้ชนะหรือเป็นเจ้าของกิจการในโลกของปัจจุบันและอนาคต ใครที่มี AQ ดีจะสามารถ เปลี่ยน วิกฤติเป็นโอกาส
ใครที่ไม่สามารถควบคุม AQ ได้ จะเป็นผู้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต
มีความพยายามตั้งใจในงานที่ทำ ฝึกฝนตลอดเวลา มีความคิดวิเคราะห์แยกแยะสถานะการณ์ต่างๆได้ AQ ก็อยู่ในตัวคุณเต็มตัวแล้วครับ
ตอบลบผมว่าทุกคนมีปัญหากันทั้งนั้นแหละครับแต่อยู่ที่ว่าเราจะสามมารถจะแก้ไขปัญหายังไงยิ่งแก้ได้เร็วแสดงว่าเรามี AQ เยอะ
ตอบลบถ้าเราไม่หยุดคิด ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคต่างๆ ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
ตอบลบความฉลาด ในการแก้ไขปัญหา คือมีความยืดหยุ่นสามารถปรับตัวในการเผชิญปัญหาได้ดี และพยายามหาหนทางแก้ไขปัญหา เอาชนะอุปสรรคความยากลำบากด้วยตัวเอง ไม่ย่อท้อง่ายๆ จริงๆ แล้วความฉลาดในด้านนี้เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่เป็นเด็ก เพราะเด็กจะเรียนรู้วิธีการมองและจัดการปัญหาจากผู้ใหญ่รอบข้าง ว่าปัญหานั้นเป็นปัญหาที่ต้องยอมจำนน เป็นโอกาสหรือเป็นเรื่องน่าท้าทาย แต่ก็อยู่ที่พ่อแม่ด้วยว่าจะเปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกเผชิญกับการแก้ปัญหาด้วย ตัวเองหรือไม่
ตอบลบประสบการณ์สอนให้เราแกร่งขึ้น รู้จักแก้ไขสถานการณ์ได้ดี ปัญหาทุกปัญหามีทางออกเสมอครับ ยากง่าย ปะปนกันไป ควรตั้งสติให้ดี คิดก่อนพูด
ตอบลบการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆนั้นและการเอาตัวรอดอย่างชาญฉลาด
ตอบลบAQ มันอยู่ในตัวของเราทุกคน แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนว่าจะดึงออกมาหั้ยโดดเด่นมากน้อยแค่ไหน
ตอบลบAQ เป็นการวัดความสามารถในการจัดการกับปัญหาและความสามารถของเรา ให้เกิดผลดีขึ้น
ตอบลบสนับสนุนความคิดเห็นของ อาร์ท_พชร โดนใจดี ต่ออีกหน่อย..
ตอบลบAQ มันอยู่ในตัวของเราทุกคน แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนว่าจะดึงออกมาให้โดดเด่นมากน้อยแค่ไหน ให้ถูถกับสถานการ์ณในการเเก้ไขปัญหานั้นๆ
ถ้าเราปรับตัวและเลือกดึงความสามารถเด่นของเราออกมาใช้ได้ก็จะอยู่ได้ทุกสถานการณ์
ตอบลบ"ใครที่ไม่สามารถควบคุม AQ ได้ จะเป็นผู้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิต"
สติมีส่วนสำคัญเมื่อมีเหตุการณ์ควรตั้งสติว่าควรจะทำอย่างไรดีไม่ควรใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
ตอบลบการทำทุกๆอย่าง อย่างมีสติก็น่าจะเพียงพอสำหรับเราๆ
ตอบลบ