วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความเสียดายของมนุษย์เงินเดือน (Lesson learned from professional employee)

โดยพี่ปัญญา

คนที่กำลังทะเลาะกันมองไม่เห็นหรอกว่าตัวเองถูกหรือผิด คนที่ไม่เคยลำบากไม่รู้หรอกว่าการรอคอยให้หมดหนี้นั้นทรมานเพียงใดคนไม่เคยตกงาน ไม่รู้หรอกว่าการได้งานทำนั้นสำคัญแต่ไหน ฯลฯ เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้เราอาจจะมีโอกาสทดลองหรือสัมผัสได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เรื่องบางเรื่องมีโอกาสแก้ตัวได้ แต่.....เรื่องบางเรื่องในชีวิตนี้ ไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะเรื่องบางเรื่องต้องอาศัยเวลาเกือบทั้งชีวิตจึงจะรู้ว่าสิ่งที่ผ่านมานั้นถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดีและเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับคนที่เป็นลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนคือประสบการณ์ชีวิตและข้อคิดจากการเป็นลูกจ้าง ข้อคิดหรือบทเรียนส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยไปแล้ว ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ผิดซ้ำเรื่องเดิมกับคนรุ่นก่อน ๆ จึงขอเป็นตัวแทนของรุ่นพี่ ๆ อดีตมนุษย์เงินเดือนมาบอกเล่าให้ฟังว่า คนที่เคยทำงานกินเงินเดือนในรุ่นที่ผ่านๆ มาเขาหันกลับมามองอดีตแล้วเกิดความรู้สึกอะไรบ้าง หรือถ้าจะพูดง่ายๆ คือ เรื่องไหนบ้างที่อดีตมนุษย์เงินเดือนคิดว่าถ้าย้อนเวลากลับมาได้จะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมาของอดีตมนุษย์เงินเดือน เพื่อฝากเตือนใจมนุษย์เงินเดือนรุ่นใหม่ให้หลีกเลี่ยงหรือป้องกันดังนี้

1)เสียดายไม่ตั้งใจทำงานในช่วงแรกของชีวิตการทำงาน
เนื่องจากช่วงแรกๆ ของการทำงานไม่ค่อยตั้งใจและทุ่มเทมากนัก ตอนนั้นคิดว่าทำงานแลกกับเงิน ได้เงินน้อยก็ทำน้อย ที่ไหนให้มากก็ขยันขึ้นมาหน่อย คิดอย่างเดียวว่าถ้าขยันทำมาก เจ้านายจะติดใจและใช้มาก เราก็เหนื่อย มารู้ตัวอีกครั้งเมื่อทำงานไปตั้งนานไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เด็กรุ่นใหม่ ที่พึ่งมาแซงหน้าไปแล้ว ที่สำคัญชีวิตช่วงแรกที่ทำงานมักจะเป็นช่วงที่เราจะรู้สึกว่าทำงานเหนื่อยกว่าตอนเรียน ดังนั้น วัยนี้ตนทำงานบางคนก็เริ่มเที่ยว ดื่ม กิน ใช้ชีวิตเปลืองมาก เลิกงานเสร็จเที่ยวต่อจนดึกจนดื่น เผลอๆ บางวันใส่ชุดเดิมมาทำงาน เพราะยังไม่ได้กลับบ้าน แล้วจะทำงานดีได้อย่างไร กายและใจมาทำงานเพียงครึ่งเดียว สุดท้ายชีวิตการทำงานในช่วงแรก ๆ แทนที่จะมีเส้นการเรียนรู้ที่สูงชัน กลับกลายเป็นเส้นการเรียนรู้ที่แบนราบ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะตั้งใจและขยันทำงานตั้งแต่เข้ามาทำงาน และกระตือรือรันที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ และจะลดหรืองดการเที่ยวและดื่มให้น้อยลง เพราะตอนนี้ผลกรรมเริ่มสนองให้เห็นแล้วว่าการใช้ชีวิตแบบประมาทนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายระยะยาว

2)เสียดายที่ไม่ได้ศึกษาต่อ
มนุษย์เงินเดือนหลายคนมักจะคิดว่าจะหาเวลาศึกษาต่อ รอเก็บเงินค่าเทอมไปสักพักก่อน และรอให้ทำงานเข้าที่ก่อน แต่ด้วยเหตุปัจจุบันหลายอย่างทำให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่พลาดเป้าหมายนี้ไป เช่น งานยุ่งไม่มีเวลาเรียน พอจะเรียนก็เปลี่ยนงาน ไม่มีเงินค่าเทอม ขี้เกียจอ่านหนังสือสอบไม่ได้ ใจอยากเรียนแต่ไม่เคยแม้แต่จะลงมือทำอะไรเลย อดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนคิดย้อนกลับไปว่าถ้าตอนนั้นเรียนต่อในระดับนั้นระดับนี้ ป่านนี้คงจะประสบความสำเร็จไปมากกว่านี้แน่นอน เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งมีโอกาสดี ๆ เข้ามาในชีวิต คุณสมบัติครบทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือวุฒิการศึกษาไม่ถึง เลยเสียโอกาสที่สำคัญในชีวิตการทำงานไป ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คิดว่าจะต้องตัดสินใจเรียนตั้งแต่เพิ่มเริ่มทำงานใหม่ ๆ สักปีสองปี จะยอมอดทนไปสักระยะหนึ่ง และจะเรียนจบก่อนที่จะเปลี่ยนงานใหม่หรือมีครอบครัว

3)เสียดายที่มัวแต่ทะเลาะกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน
หลายคนเสียเวลาไปกับปัญหาคนเยอะมาก ทั้งหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เสียเวลาของสมองไปกับการคิดถึงปัญหาคนอื่น ตอนที่เป็นลูกจ้างเรามักคิดว่าปัญหาทะเลาะกับคนเป็นปัญหาใหญ่ เลยใช้เวลากับมันมาก เครียดบ่อย ไม่มีเวลาไปพัฒนาปรับปรุงงานหรือตนเองเลย ทั้งที่ลืมไปว่าไม่มีใครทำงานอยู่กับเราไปตลอดชีวิต และเราเองก็ไม่ได้ทำงานอยู่กับคนที่เราไม่ชอบไปตลอดชีวิตเช่นกัน แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดแบบนี้ คิดอย่างเดียวว่าวันนี้เรากับเขาจะมีปัญหากันเรื่องอะไรอีก ใครเป็นคนผิด สุดท้ายเราก็จะจมอยู่กับปัญหา คนที่บางครั้งเคยหนีจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้ว ปัญหาคนเก่าหายไป แต่ปัญหาคนใหม่ก็เกิดขึ้น

4)เสียดายที่เปลี่ยนงานมากไปหน่อย
ถ้าดูประวัติมนุษย์เงินเดือนบางคน จะเห็นว่าเปลี่ยนงานทุก ๆ ปี ปีละครั้งสองครั้ง ตอนที่เปลี่ยนงานก็มีเหตุผลมาสนับสนุนมากมาย เช่น เงินเยอะ อยู่ใกล้บ้าน เบื่อที่เก่า งานใหม่ท้าท้าทายกว่า ฯลฯ แต่เมื่อมาถามตอนี้ว่าผลการเปลี่ยนงานบ่อยในอดีตสรุปว่าดีหรือไม่ คำตอบที่ได้ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่หลายคนตอบถ้าพิจารณาถึงผลกระยะยาวแล้วอาจจะไม่เป็นผลดีมากนักเพราะประสบกรณีในแต่ละที่นั้นน้อยเกินไป ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะทำงานในแต่ละที่ไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะน่าจะเป็นเวลาที่เราได้ครบทั้งการเรียนรู้ การทำงาน และการพัฒนาปรับปรุงงาน

5)เสียดายที่หาตัวเองเจอช้าไปหน่อย
มนุษย์เงินเดือนบางคนทำงานมาเป็นสิบปีแล้ว ยังหาตัวเองไม่เจอเลยว่าเป้าหมายชีวิตของตัวเองคืออะไร ขนาดถามว่างานที่ชอบหรืออยากทำคืองานอะไรยังตอบไม่ได้เลย อย่างนี้จะก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างไรละครับ พูดง่ายๆ คืออดีตมนุษย์เงินเดือนหลายคนทำงานเหมือนกับพายเรืออยู่ในอ่าง วันๆ ก็ตื่นขึ้นมาไปทำงาน เสร็จงานกลับบ้าน รูปแบบชีวิตเหมือนเดิมเป็นเดือนเป็นปีบางคนเป็นสิบปี มารู้ตัวอีกทีก็ช้าไปเสียแล้ว เพื่อนรุ่นเดียวกันไปไหนต่อไหนจนมองไม่เห็นหลังกันแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะวางแผนชีวิตตัวเองตั้งแต่เริมทำงานว่าอีกกี่ปีจะเป็นอะไร จะทำอะไร จะต้องได้อะไร และแต่ละวันแต่ละเดือนแต่ละปีควรจะทำอะไร อย่างไรบ้าง

6)เสียดายที่ทำงานอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป
คนบางคนไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อย แต่ไม่เคยเปลี่ยนงานเลย ตอนที่ทำงานอยู่รู้สึกว่าเราเป็นคนดีขององค์กรที่ไม่ยอมเปลี่ยนงานไปไหนเลย แต่พอชีวิตการทำงานผ่านเลยไปก็รู้สึกเสียใจและเสียดายเหมือนกันที่ชีวิตการทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียว สังคมเดียว คนบางคนอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป ช่วงเวลาที่กำลังรุ่งก็ไม่ยอมเปลี่ยนงาน พอจังหวะชีวิตผ่านไปก็คิดจะเปลี่ยนงาน ก็ทำได้ยากแล้ว เพราะเงินเดือนสูง อายุเยอะ แต่ตำแหน่งต่ำ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะเปลี่ยนงานในจังหวะที่เหมาะสมเพื่อปรับเพดานบินให้เหมาะสมกับอายุตัวและอายุงาน โดยไม่ต้องยึดติดว่า จะต้องอยู่กับองค์ใดองค์กรหนึ่งนานจนเกินไป

จากการที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว ในแต่ละหัวข้อนั้น น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำไปคิดแก้ไขปรับปรุงในการทำงาน ว่าตัวเราเองนั้นอยู่ในข่ายของหัวข้อไหน และจะเริ่มแก้ไขปรับปรุงตัวไปในทิศทางใดจึงจะเหมาะสม มิเช่นนั้นแล้วจะเป็นดังเช่น บทเรียนจากคำว่า เสียดาย ของอดีตมนุษย์เงินเดือน ที่ได้ทำมาแล้วเพราะฉะนั้นตัวเราเองจะต้องเป็นผู้กำหนดในการที่จะเรียนรู้ และยอมรับในสิ่งใหม่ๆ ไม่มีใครที่จะมาชี้แนะและแนะนำให้เราตลอดเวลา เราควรที่จะเริ่มที่ตัวของเราเองก่อน อย่ารอที่จะให้ผู้อื่นมาบอกกล่าวหรือกระตุ้นเตือนเรา อย่างน้อยๆ ก็น่าที่จะนำไปเป็นคำถามกับตัวเราเองว่า เราอยากที่จะรู้สึกเสียดายในเรื่องนั้นหรือเรื่องนี้เหมือนกับคนรุ่นก่อนๆ หรือไม่ ถ้าไม่แล้วเราควรจะเริ่มต้นที่จะทำอะไร และอย่างไรนับตั้งแต่วันนี้ เพราะมิเช่นนั้นแล้วคำว่า เสียดาย นี้อาจจะเกิดกับตัวท่านเองวันข้างหน้า

27 ความคิดเห็น:

  1. เป็นบทความที่ให้ข้อคิดดี ๆ สำหรับทั้งคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน และทำงานมานานแล้ว

    ผมหวังว่า ความเสียดายจากมนุษย์เงินเดือนจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับหลาย ๆ คน ให้ลุกขึ้นมาทำสิ่งดี ๆ ให้ตัวเองครับ

    ป.ล. บทความนี้ค่อนข้างยาวมากทีเดียวในตอนแรก ต้องขอโทษน้าปัญ ที่ผมต้องย่อเนื้อหาบางส่วนนะครับ

    ตอบลบ
  2. การที่คนเราจะได้อะไรซักอย่างที่ต้องการสิ่งที่เราต้องการนั้นคงไม่ลอยมาหาเราได้ดังใจคิดหลอก ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมได้มาซึ่งความพยายาม พยายาม ในที่นี้หมายถึง ความพากเพียรความตั้งใจทำอย่างเต็มที่ สิ่งที่ได้มาย่อมเป็นสิ่งที่เราตั้งไว้ทุกประการครับผม พี่น้องครับ

    ตอบลบ
  3. เป็นข้อคิดที่ดีมาก สำหรับการใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือน อย่าเราๆ ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  4. บทความนี้เป็นบทความที่โดนใจจริงๆ มนุษย์เงินเดือน เป็นการใช้คำที่น่ายกย่องมาก อ่านทุกคำที่ น้าปัญ.ส่งมา นี่แหละคือชีวิตชีวิตหนึ่งของมนุษย์เราจริง ตัดสินใจผิดแค่ก้าวเดียว ก็คิดจนวันตาย เพราะฉนั้นจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบแล้วกันนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือ ครอบครัว
    (เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไป....ฉลามบก)

    ตอบลบ
  5. ขอชื่นชมกับ น้าปัญญา ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร iHears พี่หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ๆ น้องๆ ในการส่งบทความดีๆ มาแบ่งปันแนวคิดที่มีประโยขน์ และ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงบวกระหว่างกันนะครับ

    ตอบลบ
  6. ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน สิ่งที่เราตัดสินใจก็มาจากจังหวะและโอกาสที่ผ่านมาในชีวิต แต่พี่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่ากังวลหรือเสียดายกับอดีตที่ผ่านไปแล้วเพราะเราแก้ไขมันไม่ได้ อย่ากังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเพราะอนาคตนั้นไม่มีใครรู้ ถ้าเราทำงานในปัจจุบันให้ดีที่สุดหรือทำเหตุให้ถึงพร้อม ผลที่ได้ย่อมออกมาดี และ เมื่อมีโอกาสที่ดีเข้ามาเราก็จะพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่าความสุขมีอยู่รอบตัวและหาได้จากการที่เราใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันด้วยทัศนคติเชิงบวกนะ

    ตอบลบ
  7. เมื่อเราคิดว่าทางที่เราเลือกมันถูกต้อง..เราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด..แล้วทุกอย่างก็จะออกมาดีเหมือนที่เราตั้งใจ

    ตอบลบ
  8. อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่า "อยากทำทุกวันให้มีค่า และ ทำให้ดีที่สุด"

    ตอบลบ
  9. กุไม่ยอมมืง6 มีนาคม 2554 เวลา 21:38

    ผมเป็นหนึ่งคนที่ อิน กับบทความของน้าปัน เรื่องทะเลาะกันนี่มันทำให้ผมเครียดมาก แล้วประสิทธิภาพการทำงานลดลง กลางคืนนอนคิด นอนไม่หลับ นึกแค้นมันในใจอยู่เหมือนกัน อยากให้ทุกคนถอยคนละก้าว อย่าให้ความเครียดเข้าครอบงำ ทะเลาะกันทำไม ไร้สาระ ถ้าจะทะเลาะกัน มืงยอมกุก่อนนะ

    ตอบลบ
  10. เป็นความจริงที่ถูกต้องครับ เราทำงานส่วนมากชอบมองเงิน แต่ไม่ค่อยที่จะมองความสุขในการทำงาน ผมอ่านแล้วจะร้องไห้ อิอิ ขอบคุณมากคับ น้าปัน

    ตอบลบ
  11. อุปสรรคมีไว้ฟุงชน ลูกพี่ผมบอกมา

    ตอบลบ
  12. อ่านบทความนี้แล้ว ต้องอัฟตัวเองขึ้นมาหน่อย จะได้ไม่ต้อง"เสียดาย"แบบบทความของน้าปัญนะครับ ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  13. ในเมื่อทางที่เราเดินเป็นทางที่เราเลือก เราก็ทำให้ดีที่สุด
    แต่ถ้าเราไม่ทำให้ดีที่สุด ก็จะเสียใจกับทางที่เราเลือก
    อย่ามัวแต่คิดเสียใจและเสียดาย เรามาคิดว่าจะทำยังไงให้ดีที่สุดดีกว่า

    ตอบลบ
  14. สุดยอดไปเลยคับ หัวข้อของพี่ปัญญา มันมีความหมายดีมากเลยคับ ทำให้รุ้ถึงสิ่งต่างๆๆรอบตัวมากขึ้น คนเราทำงานมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องเงินถ้าเราคิดถึงแต่เรื่องอย่างเดียวเราจะทำงานไม่มีความสุข ถ้าเราคิดอีกแง่หนึ่งคือถ้าคิดสนุกกับงานที่เราทำเราก็จะลืมเรื่องเงินๆทองไปคับ

    ตอบลบ
  15. ต้าต้าต้าต้าต้าต้าต้าต้าต้าต้าต้า8 มีนาคม 2554 เวลา 18:56

    คำสอนของคน ''รุ่นใหญ่'' ทำให้ผมมองอะไรได้กว้างขึ้นจริง ๆ ขอบคุณพี่ปัญญามากนะคับ

    ตอบลบ
  16. ทุกคนต่างมีหน้าที่ของๆตน และทำงานเพื่อเงินกันทุกคน....แต่..แต่
    จะทำอย่างไรในช่วงการทำงานอย่างไม่ต้องทนทำเพื่อเงิน แต่ทำไรที่จะทำให้เราทำงานแล้วมีความสุขได้อ่านบทความก็......โอ้..ถึงบางอ้อเลยครับ......ขอบคุณอีกครั้งครับน้าปัญ..

    ตอบลบ
  17. ช้านเองงงงง10 มีนาคม 2554 เวลา 21:44

    ตรงกับชีวิตของพวกผมมากในช่วงเวลนนี้
    เช้าทำงานเย็นเที่ยว
    บางครั้งยังเคยใส่เสื้อผ้า
    ชุดเดิมก็บ่อยไป
    คิดว่าเงินที่ได้มาก็
    เที่ยวให้คุ้มกับแรง
    ที่ใช้ไป
    คิดว่าเดียวโตขึ้นหน่อย
    ก็คงจะหยุดเอง
    แต่ที่ไหนได้
    ก็ยังเหมือนเดิม
    พอได้มาอ่านบทความข้างต้นนี้
    รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนอะไร
    ในชีวิตอีกหลายๆๆๆๆอย่างแล้วเรา
    ขอบคุณครับสำหรับการ
    เตือนสติของพวกผมใน
    ครั้งนี้
    จะพยายามไม่ทำตัว
    เหมือนเช่นเก่าอีก.......

    ตอบลบ
  18. มีเรืองดีดีก็เอามาลงอีกนะ น้าปัญ

    ตอบลบ
  19. ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความ และแสดงความคิดเห็น
    สำหรับบทความต่อไปนั้นผมได้เจอบทความที่หน้าสนใจ และเป็นแง่คิด
    ของทุกๆ คน ที่จะนำไปปฎิบัติ....

    ตอบลบ
  20. ดีครับ ...อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆหลายๆอย่าง

    ตอบลบ
  21. ตามข้อความต่างๆของมนุษย์เงินเดือนที่เสียดายนั้นมันอาจเกิดจากการตัดสินใจพลาดไปหรือไม่เคยตัดสินใจอะไรใดๆเลยก็ตามนั้นมันอยู่ที่ตัวเราเอง แต่สุดท้ายแล้วที่จะต้องทำก็คือ"ทำปัจจุบันให้ดีก็แล้วกันแล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา"

    ตอบลบ
  22. อดีตคือสิ่งที่ผ่านมาแล้วเราไม่สมารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรมันได้สุดท้ายมันก็เป็นแค่ความทรงจำและคติเตือนใจเพราะฉะนั้นเรามาทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า

    ตอบลบ
  23. เห็นความคิดของพี่ๆแต่ละคน แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่ผมไม่ได้ลงมือทำยังมีอีกเยอะเลย อยากจะเริ่มต้นทำตอนนี้ก็คงไม่สายใช่ไหมครับ

    ตอบลบ
  24. ในบางครั้งชีวิตคนเราโอกาสที่ดีๆ ก็ไม่ได้มาเรื่อยๆให้ทุกคนจงตั้งใจทำสิ่งที่ทำในปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดและให้เก็บความรู้ต่างๆที่พี่ๆเขาสอนเอาใว้ในคลังสมองเราใว้มากๆและให้เราทำตัวเป็นเรือใบที่กางใบ ลอยล่องอยู่ในทะเลและถ้าวันใดมีลมมาเราจะได้ไปสู่จุดหมายได้เร็วขึ้น

    ตอบลบ
  25. ถ้าณ.ช่วงเวลานั้น เราทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ต้องเสียดายหรอกนะ เพราะอย่างน้อยเราก็มีความสูข

    ตอบลบ
  26. เพราะชีวิตนี้เป็นของเรามิใช่หรือ?
    ทำไมต้องยอมจำนนต่อความรู้สึกที่มาครอบงำใจเราจนยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่มี
    เพราะชีวิตนี้เป็นของเรามิใช่หรือ?
    ทำไมจึงไม่เลือกทางเดินที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา

    นั่นเป็นคำตอบที่ต้องวินิจฉัยด้วยตัวและหัวใจของเราเอง

    ตอบลบ
  27. แบงค์บ้านฉาง13 สิงหาคม 2554 เวลา 16:48

    ขอบคุณครับกับเรื่องดีๆๆมากคับพี่>>..
    เมื่อก่อนนี้ผมชอบเห็นผู้ใหญ่เขาชอบผู้กันนะคับพี่ว่าเสียดายโน้นเสียดานนี้
    แต่มันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้ก็เลยได้แต่มานั่งเสียดาย
    แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่อย่ากมานั่งเสียดายเมื่อนกับคนผู้ใหญ่หลายๆคน
    แต่จาพยายามทำให้ทุกวันไม่มีคำว่าเสียดาย

    ตอบลบ