By Tee@Solvay
เป็นไงกันบ้างครับเพื่อนๆ พี่ๆ ช่วงนี้งานเข้ากันเยอะแยะมากมาย โอทีก็ต้องทำกันไม่หวาดไม่ไหว ใครเริ่มรู้สึกมึนๆตึงๆ วันนี้พี่ทีของเราก็ได้มีเรื่องมานำเสนอให้เพื่อนๆ พี่ๆได้อ่านเช่นกัน สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองสุขภาพจิตไม่ค่อยดี หงุดหงิด เซง เบื่อ 9ล9 ลองเข้ามาอ่านดู อาจจะพบอะไรดีๆช่วยแก้ปัญหาให้หลายคนได้
ถ้าคิดว่า....ฉันไม่มีคุณค่าพอที่จะรัก เพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทีว่ารักฉัน
ให้ลองคิดว่า...วิธีแสดงออกของความรัก ความห่วงใยของคน มีหลากหลายวิธี ทั้งทางตรงและทางอ้อม ลองพิจารณาดูใหม่ อาจจะเห็นอะไร ที่ต่างไปจากเดิมก็ได้ อีกประการหนึ่ง แค่เป็นคนดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ถือว่ามีคุณค่าระดับหนึ่งแล้ว จงภูมิใจในตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ใครๆ ก็ต้องชื่นชม
ถ้าคิดว่า....เป็นหน้าที่ของฉันเท่านั้น ที่จะต้องแก้ปัญหาทั้งหลาย
ให้ลองคิดว่า....ปัญหาในชีวิตประจำวันของคนเรา มักเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ด้วย อย่าคิดแทนคนอื่นว่า เขาทำไม่ได้ ทำให้เราต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง การหันหน้าเข้าหากัน ร่วมกันปรึกษาหาทางออก จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่เป็นหน้าที่คนใดคนหนึ่ง หรือคิดว่าเป็นเรื่องเสียหน้า หรือต้องเกรงใจ ที่จะขอความช่วยเหลือคนอื่น เพราะถ้าคิดอย่างนั้น นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้ หรือได้อย่างยากเย็นแล้ว ยังทำให้เหนื่อยหน่าย หมดกำลังใจ และรู้สึกท้อแท้กับชีวิต
ถ้าคิดว่า....ใครๆ ทุกคนต้องชอบฉัน
ให้ลองคิดว่า....ไม่มีใครในโลกนี้ไม่เคยถูกนินทา ธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ย่อมมีคู่กัน มีมืด มีสว่าง มีดี มีเลว มีคนชอบชมคนอื่น มีคนชอบติเตียนคนอื่น ฯ การคิดอะไรที่ฝืนธรรมชาติ นอกจากจะไม่ถูกต้องแล้ว ยังทำให้ไม่สบายใจด้วย ทำตัวเองให้เป็นคนดี และมั่นใจตัวเอง โดยไม่ต้องให้คนอื่นมาบอก มีความสุขกว่าอะไรทั้งหมด เพราะไม่ต้องเหนื่อย ที่ต้องเที่ยวเอาใจคนอื่น เพื่อให้เขามาชม
ถ้าคิดว่า....ฉันต้องทำสิ่งต่างๆ ได้ดีที่สุด และต้องไม่มีการล้มเหลวเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น
ให้ลองคิดว่า....การคิดอะไรแบบสุดโต่ง นอกจากจะต้องเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาแล้ว โอกาสสำเร็จก็เป็นไปได้ยาก เพราะการงาน หรือการดำเนินชีวิตของคนเรา ไม่สามารถเป็นอิสระในตัวเอง ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่น หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ข้อจำกัดเหล่านี้ อาจทำให้สิ่งที่คิดไว้อย่างดีแล้ว ไม่เป็นไปตามแผนก็ได้
ถ้าคิดว่า....ในชีวิตนี้ ฉันสามารถมีความรักได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ให้ลองคิดว่าการจำกัดขอบเขตตัวเองในเรื่องต่างๆ หรือยึดติดกับความคิดที่ขาดความยืดหยุ่น จะทำให้เครียด และหวั่นไหวมาก เมื่ออะไรไม่เป็นไปอย่างที่คิด ฉะนั้นควรเปิดใจให้กว้าง สำหรับเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะทำให้มีความสุขขึ้น กรณีของความรักก็มีหลายแบบ ทั้งความรักของพ่อแม่ เพื่อนฝูง และความรักแบบชู้สาว ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้น แต่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย เราไม่สามารถบังคับให้คนอื่น ทำตามที่เราต้องการได้เสมอไป และชีวิตของคนเรา ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ใช่ว่ามีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียว อย่าเอาตัวเอง ไปผูกติดอยู่กับอะไรแน่นเกินไป เพราะอาจจะพลาดโอกาสดีๆ อย่างอื่นก็ได้
ถ้าคิดว่า....ถ้าฉันเล่าปัญหาของฉันให้คนอื่นฟัง เขาต้องหัวเราะเยาะฉันแน่ๆ
ให้ลองคิดว่า....ไม่มีใครในโลกที่ไม่มีปัญหา และแต่ละคนก็รับรู้ หรือรู้สึกต่อปัญหาในระดับที่ต่างกัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม ไม่มีใครผิดใครถูก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากตัวเอง และพื้นฐานการที่ถูกเลี้ยงดูมา ร่วมกับมาตรฐานสังคมของตนเอง การคิดว่าเรื่องของเรา เหลวไหลไร้สาระในสายตาคนอื่น เป็นสิ่งที่เราไปคิดแทนคนอื่น ซึ่งความจริงอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ หรือถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นจริงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็เป็นได้ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ที่จะต้องเกรงกลัวหรืออับอาย
ถ้าคิดว่า....บางครั้งฉันมีความรู้สึกเศร้า หดหู่ ฉันต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ
ให้ลองคิดว่า.....คนที่จะบอกว่าใครเป็นโรคจิต ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ ไม่ใช่ใครๆ ก็บอกได้ คำพูดเล่นๆ ติดปาก เวลาเห็นใครมีลักษณะท่าทางที่ไม่ปกติ ว่าเป็นโรคจิต จึงไม่ใช่ว่าถูกต้องเสมอไป เช่นเดียวกับอารมณ์เศร้า หดหู่ ก็เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดได้ในคนปกติทั่วๆ ไป ที่มีเรื่องทุกข์ใจ หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง เมือสถานการณ์ผ่านไปก็ดีขึ้น ถ้ามีอาการคงอยู่นาน หรือมีอาการมาก จนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวันตามปกติ ก็ควรไปพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อรับการประเมินหรือตรวจให้ชัดเจน ไม่ควรคิดเอาเองจนป่วยไปในที่สุด
ถ้าคิดว่า....อารมณ์เศร้าที่เกิดขึ้น ไม่มีทางดีขึ้นหรือหายได้เลย
ให้ลองคิดว่า....อย่าคิดเอาเอง ควรพบผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจดูในแน่ชัดว่าเป็นอะไร แล้วรับคำแนะนำการปฏิบัติตัว หรือการรักษาที่เหมาะสม
ถ้าคิดว่า.....ถ้าฉันแก้ปัญหาไม่สำเร็จ ฉันก็ไม่คิดจะลองใหม่ เพราะรู้ว่ายังไง ก็ไม่มีทางสำเร็จอยู่ดี
ให้ลองคิดว่า.....การคิดอะไรในด้านเดียว และเป็นด้านร้าย มีแต่จะทำให้ล้มเหลว เพราะมันล้มเหลวตั้งแต่คิดไม่สู้แล้ว ควรปรับวิธีคิดใหม่ เช่น ถ้าไม่ลองแก้ไข ผลก็คือลบ แต่ถ้าลองแก้ดู ผลอาจจะออกมาลบหรือบวกก็ได้ ฉะนั้นลองแก้ดู อย่างน้อยก็เสมอตัว ไม่ได้มีอะไรเสียมากขึ้น
ถ้าคิดว่า.....ฉันไม่สามารถกำหนด วิถีชีวิตของตนเองได้
ให้ลองคิดว่า....วิถีชีวิตของคนเราเกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งจากตัวเอง เช่น บุคลิกภาพ ความฉลาด การศึกษาและโอกาส และจากคนและสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดความเป็นไปได้ ปัจจัยเหล่านี้ ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอยู่เสมอ ไม่มีปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เราสามารถกำหนดวิถีชีวิตตัวเองได้ โดยใช้คุณลักษณะดีๆ ที่มีอยู่ให้เต็มที่ โอกาสจากสิ่งแวดล้อม ก็น่าจะดีได้ระดับหนึ่ง การที่คิดว่าไม่สามารถกำหนดตัวเองได้ เป็นการยอมรับชะตากรรมโดยดุษฎี หรืออาจจะเป็นข้อแก้ตัวที่จริงๆ แล้วไม่กล้าสู้ กลัวล้มเหลว ซึ่งการคิดอย่างนี้ ไม่เป็นผลดีกับตัวเองเลย
ถ้าคิดว่า....การหนีไปให้พ้นจากปัญหา เป็นเรื่องที่ฉันจะทำ มากกว่าเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน
ให้ลองคิดว่า....การคิดอย่างนี้เท่ากับยอมแพ้ต่อเรื่องต่างๆ ตั้งแต่ต้น และไม่มีทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ นอกจากนั้น ก็จะทำให้เกิดปมปัญหาเพิ่มขึ้นทุกวัน คนเราไม่มีทาง ที่จะหนีปัญหาได้ทุกเรื่องหรือตลอดเวลา การค่อยๆ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น มองหาสิ่งที่จะช่วยการแก้ปัญหาได้ แล้วขอความช่วยเหลือ หรือความร่วมมือ ดีกว่าที่จะต้องหนีไปตลอดชีวิต ซึ่งอาจจะยากและ เหนื่อยกว่าเสียอีก
เห็นมั้ยครับว่าบางครั้งเพียงแค่เราลองเปลี่ยนวิธีคิดเท่านั้น เราสามารถเห็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ เป็รเรื่องที่สามารถแก้ไขได้แน่นอนขอเพียงทุกคนมีความคิดในแง่บวก(Attitude)เข้าไว้ รับรองว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออก ใครมีปัญหาอะไร อย่าลืมนะครับว่าเรายังมีเพื่อนๆ พี่ๆอยู่อีกมากมายที่สามารถให้คำปรึกษาให้ความช่วยเหลือกันได้ เพราะเราอยู่ในบ้านหลังเดียวกันนะครับ
ส่วนรูปผมชอบเลยเอามาใส่ให้ ให้ลองคิดว่าถ้าเราเป็นอย่างเขาเราจะยิ้มออกแบบนั้นได้มั้ย
ผมว่าลุงนั่นต้องมี A attitude อยู่ในระดับยอดเยี่ยมแน่นอน ^^
พวกเราจะเห็นว่า เราต้องฝึกแม้กระทั่งวิธีคิดเพื่อที่จะทำให้เราเป็นคนคิดบวก ดังนั้นการจะปฏิบัติให้วัฒนธรรมองค์กรเกิดขึ้นจริงก็ต้องฝึกอย่างจริงจังเช่นกัน สิ่งนี้จะเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบกันได้ บทความที่มีประโยชน์ผ่าน blog ก็เป็นกลไกที่สำคัญที่จะทำให้เราเห็นมุมมองอื่นๆที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อนพยายามฝึกฝนพัฒนาร่วมกันนะครับ พี่เชื่อว่าวัฒนธรรมองค์กรของพวกเราต้องเกิดขึ้นได้จริง
ตอบลบการคิดในสิ่งที่ดี คิดเชิงบวก เราก็จะมีกำลังใจในชีวิต อย่าเปรียบเทียบกับคนที่รวยกว่าเลิศกว่า เราลองตั้งเป้าหมายเพื่อใครสักคน เราก็จะทุ่มเทและทำเพื่อเขาอย่างตั้งใจ เช่น สู้เพื่อลูกไง ฮิฮิฮิฮิ...สู้ๆนะทุกคน
ตอบลบคุณ Tee นี่มีวิธีคิดที่แจ่มจริงๆผมจะพยายามคิดในทางบวกให้มากกว่าทางลบ แต่มีอีกอย่างนะคับที่อยากถามคุณ Tee คือว่ามีวิธีใหนเลิกขับรถเกียร์เดียวได้มั่งคับ(เกียร์มัว)เผื่อมีใครหลายๆคนนำไปใช้555
ตอบลบเห็นลุงยิ้มแล้วหายเหนื่อยจัง ความคอดเป็นจุดเรื่มต้นของการกระทำ ผมจะพยายามคิดในแง่บบวก ไว้ก่อนขะคับพี่
ตอบลบผมคนหนึ่งที่เมือก่อนชอบคิดในแง่ลบแต่พอมี ihears กล่อมเข้าหัวอยู่บอยๆๆผมก็เริ่มคิดในเชิงบวกมากขึ้นจากเคยคิดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งก็ต้องคำนึงถึงคนอืนด้วย มองสิ่งดีดีที่คนอืนมีให้เราเวลาโกรธใครก็นึกถึงสิ่งดีดีที่เข้าเคยทำให้เรา และเราไม่ได้เก่งกว่าใคร และก็ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ อุปสักมีไว้พุ้งชน(ลูกพี่สั่งมา) บทความสุดยอดเลยพี่ที ผงาดงำขั้มโลก........
ตอบลบการเปลี่ยนแปลงความคิดในทันทีทันใดนั้นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่ายๆ แต่เพียงเราลองคิดในอีกทางหนึ่งแล้วลองเปรียบเทียบผลดีผลเสียของการคิดในทางบวกบ่อยครั้งเข้า ผมมั่นใจว่าทัศนคติเชิงบวกนั้นย่อมส่งผมดีต่อตัวเองและคนรอบข้างแน่นอน
ตอบลบชอบความคิดของพี่ใหญ่นะ สู้เพื่อใครสักคน คิดแค่นี้ก็ทำให้ชีวิตชุ่มชื่นมีพลังขึ้นมาเยอะเลย แบบนี้ผมต้องหาสาวสักคนมาทำให้ผมมีพลังบ้างแล้ว ฮ่าๆ
การเปลี่ยนความคิดนั้นมันไม่ง่ายเหมือนที่ K.Nick บอก..แต่ใช่ว่าจะเปลื่ยนไม่ได้แต่ขอให้มองในมุมกลับทุกครั้งที่มีปัญหา..ก็ขอให้มองฝ่ามือแล้วก็พลิกมันดู....ถ้าพลิกฝ่ามือผมเชื่อนะครับว่าทุกสามารถเปลี่ยนทัศนคติไปในเชิงบวกไม่มากก็น้อย ครับพี่น้อง
ตอบลบขอบคุณครับผู้พัน
ตอบลบสำหรับวิธีการพิชิตจิตตก....ถ้าพิชิตเรื่องนี้ได้การทำงานราบรื่นแน่ครับ ส่วนสำคัญเลยนะครับเนี้ยปรับเปลี่ยนความคิดเพื่อบำรุงสุขภาพของเรา
สำหรับคนที่กำลังคิดไม่ตก กลุ้มใจหรือคิดมาก ก็ลองอ่านบทความด้านบนนี้ดูนะ รับรองว่า มันสามารถช่วยคลีคลาย ความคิด จิตตก ได้แน่นอน
ตอบลบลองดูรูปลุงด้านบนดิ.....เห็นแล้วสบายใจจัง..
ลองอ่านดูครับพี่น้อง..อ่านแล้วสบายใจดี..จะได้ไม้ต้องคิดมาก
ตอบลบ"คิดดี ทำดี มันก็ดีกับตัวเรา" แหล่มมากเลยครับบทความของเพ่ทีเรา
ตอบลบแหมๆๆๆคุณพี่ทีรู้จักคิดดีๆๆแบบนี้มาจากไหมเนี้ยไม่น่าเชื่อเลย
ตอบลบสงสัยว่าจะมีคนช่วยคิดน่ะเนี้ย5555+
โดนจริงๆๆเลยพี่
หัวข้อที่ว่าหนีปัญหาอ่ะผมคนหนึ่งก็เคยหนีปัญหามา
ไม่นานมานี้เอง แต่ต่อให้หนียังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ในช่วงเวลาที่หนีปัญหานั้นทำให้ผมรู้สึกระวังระแวงอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีความสุขเลยจนกระทั้งมีเพื่อนคอยให้คำปรึกษาว่านายก็
ลองเดินเข้าไปหามันซิมันจะสักเท่าไรว่ะทำให้ผมมีกำลังใจและกล้าเดินเข้าไปหามันจนสามารถเครียร์ปัญหานั้นได้มากกว่าเดิม
ยังไงก็ขอบคุณคุณทีมากน่ะคร๊าบ
สูต่อไปซาโตชิ
เนื้อหาพี Tee ดีจริงๆเลยคับ อ่านดูแล้วรู้ศึกดีขึ้นเยอะ ผมชอบคำว่า อย่านี้ปัญหา เราควรยอมรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นถ้าเราหันหน้าเข้าหาปัญหาที่จะเกิดขึ้นถึงปัญหามันจะหนักแต่ผมคิดว่า ยังดีกว่าที่เราจะหนีปัญหาไปโดยที่เราไม่ยอมแก่ปัญหาด้วยตัวเราเอง ถ้าเราสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นผมว่ามันต้องผ่านไปด้วยดีคับ และความสุขมันจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ต้องคิดวิตกกังวลเรื่องอะไรอีกต่อไป
ตอบลบสุดยอดเยทีมันทำให้ผมหรือหลายๆคนที่มีมุมมองไปกันคนละทิศคนละทางได้กลับมาคิดและปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนะคติไปในทางที่ดีขึ้นถึงจะดีอยู่แล้วก็จะได้ดีขึ้ไปอีกนี่แหละ iHEARS
ตอบลบรูปนี้ดูแล้วอารมณ์ดีทุกครั้งเลย (มีความสุขกันจิงจิ๊งช่วงนี้นะหนุ่มๆ Solvay)
ตอบลบ5555
ตอบลบถ้าคิดว่าแพ้ เราจะแพ้ตั้งแต่คิด และจะแพ้ตลอดไป
ตอบลบแต่ถ้าคิดว่าจะชนะ เราก็มีโอกาสคว้าชัยชนะนั้นได้
อยู่ที่ว่าเราต้องการสิ่งใดให้กับตัวเอง
(แต่ขอให้เรื่องที่คิดเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์นะคร้าบบบ ฮิ!ฮิ!^_^)
ชอบบทความนี้มากเลย
ตอบลบถ้าคิดว่า.....ฉันไม่สามารถกำหนด วิถีชีวิตของตนเองได้
เพราะว่าตัวเราเองเราสามารถกำหนดชีวิตตัวเองได้ตามความสามารถ
หน้าตา รูปร่าง และอื่นๆอีกเพียบ แล้วโอกาสดีๆก็จะมาหาเราเอง คิดแบบนั้นนะ ......
การเปรียนแปรงความคิดที่ดีที่สุดการเปรียนความคิดเป็นบวก
ตอบลบคิดยังไงก็ได้แต่ต้องคิดแล้วทำให้เรามีความสุข
แค่นี้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราเราเองก็จาไม่ต้องมานั่งทุกอีกต่อไป
ขอบคุณสัมหรับเรื่องดีๆ