By Surapong
คนที่ทำงานโดยเฉพาะคนที่ทำงานกินเดือน เมื่อทำงานไปนานๆ มักเกิดอาการเบื่อหน่าย ท้อแท้ ท้อถอย ไม่อยากทำงาน บางคนถึงขนาดอยากออกไปประกอบกิจการส่วนตัว แต่ความจริงแล้ว หากมองในแง่ดี คนที่ทำงานกินเดือนมีแง่มุมที่ได้เปรียบกว่าผู้ประกอบกิจการหลายอย่างเช่น ได้รับเงินเดือนหรือมีรายได้แน่นอน , ไม่มีการลงทุนเมื่อไม่มีการลงทุนก็ไม่มีการล้มละลาย , ไม่อยากทำงานเบื่องานสามารถเปลี่ยน ย้าย งานได้ แตกต่างจาก เจ้าของกิจการเมื่อลงทุนไปแล้วก็เป็นเรื่องยากที่จะเลิกกิจการแล้วไปลงทุนกิจการใหม่ๆ เนื่องจากได้ลงทุนไปเป็นเงินจำนวนมากจึงยากที่จะเลิกกิจการ เบื่ออย่างไร มีปัญหาอย่างไร ก็ต้องทำ , การทำงานกินเงินเดือนมักมีวันหยุดชัดเจน เนื่องจากมีกฎหมายแรงงานรองรับให้มีวันหยุดที่ชัดเจน ฯลฯ
สำหรับคนที่จะทำงานด้วยหัวใจได้นั้น บุคคลผู้นั้นจะต้องลักษณะดังนี้
1.ต้องรักงานที่ทำ
หรือ มีความคิดว่าการทำงานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ถึงกับมีคนเคยกล่าวว่า ? ถ้าอยากมีความสุข 1 ชั่วโมง ให้งีบ ถ้าอยากมีความสุข 1 วัน ให้ไปพักผ่อน ถ้าอยากมีความสุข 1 อาทิตย์ ให้ไปปิกนิก แต่ถ้าอยากมีความสุขตลอดไปให้ทำงานที่ตนเองรัก ? ในการบรรยายหัวข้อการทำงานด้วยหัวใจของกระผม เคยมีผู้เข้ารับการอบรมเคยถามกระผมว่า ถ้าในปัจจุบันเราทำงาน แต่ไม่ได้รักงานที่ตนเองทำจะทำอย่างไร กระผมขอบอกว่า จงหางานที่ตนเองรักและจงสนุกกับมัน ถ้าท่านได้ทำงานที่ตนรัก ท่านมักจะสนุกสนานกับมัน จนลืมไปได้ว่า สิ่งนี้คืองาน แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ กล่าวคือไม่สามารถเปลี่ยนงานหรือย้ายงานได้ เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ก็จงทำงานนั้นต่อไป แต่ ? จงภูมิใจกับงานในปัจจุบัน และต้องทำใจให้รักในงานปัจจุบัน มากกว่าจะถามถึงสิ่งที่ไม่ได้เป็นหรือยังไม่ได้เป็น ? แต่ถึงที่สุดแล้ว หากต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตจริงๆ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะต้องเลือกทำงานในสิ่งที่ตนเองรักเสมอ
สำหรับการสร้างความสุขในการทำงาน ทางพุทธศาสนาสอนได้ดีมากครับ ว่าคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีหลัก อิทธิบาท 4 คือ
ฉันทะ หมายถึง ความพอใจในงานเห็นคุณค่าของงาน รักงานที่ทำ
วิริยะ หมายถึง ความเพียรพยายาม บากบั่น อดทน กับงานที่ตนเองทำ
จิตตะ หมายถึง มีความคิดจดจ่อ เอาใจใส่ในงานที่ทำ
วิมังสา หมายถึง การตรวจสอบ หมั่นพิจารณา ใคร่ครวญ เมื่อมีปัญหาในงานที่ทำก็ต้องคอยแก้ไข ปรับปรุง ตรวจสอบ ข้อบกพร่องของงานที่ทำ
2.ต้องมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
ทัศนคติมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีทัศนคติที่ดี มีทัศนคติในด้านบวก (คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่คอยเก็บของที่ไม่มีค่า แต่คนที่ทัศนคติที่ดี ทัศนคติในทางบวก เปรียบแล้วก็เหมือนดังคลังสมบัติที่มักจะเก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่าเสมอ) คนที่จะทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อบริษัทหรือต่อหน่วยงาน และจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อหัวหน้างานด้วย
3.ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน
สำหรับคำว่า มนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน คือ ต้องมีศิลปะในการชักจูงใจให้คนที่ทำงานด้วยเกิดการประสานงานหรือเกิดความร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้บุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์จะต้องมีลักษณะดังนี้ ต้องเป็นคนที่ยอมรับในเรื่องข้อแตกต่างของบุคคลได้ เช่นความแตกต่างในเรื่อง เพศ วัย อายุ ประสบการณ์ ฯลฯ
4.ต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงาน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุคลิกภาพ การพูดจา การแต่งกาย บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงานทุกคน มักเป็นนักพัฒนาตนเองเสมอ อีกทั้งต้องเป็นนักเรียนรู้งาน เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้กับการทำงานให้เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น
ดังนั้น คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีความรักในงานที่ตนเองทำ ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อหน่วยงาน และต่อหัวหน้างาน ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน และต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ เสมอ
1.ต้องรักงานที่ทำ
หรือ มีความคิดว่าการทำงานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ถึงกับมีคนเคยกล่าวว่า ? ถ้าอยากมีความสุข 1 ชั่วโมง ให้งีบ ถ้าอยากมีความสุข 1 วัน ให้ไปพักผ่อน ถ้าอยากมีความสุข 1 อาทิตย์ ให้ไปปิกนิก แต่ถ้าอยากมีความสุขตลอดไปให้ทำงานที่ตนเองรัก ? ในการบรรยายหัวข้อการทำงานด้วยหัวใจของกระผม เคยมีผู้เข้ารับการอบรมเคยถามกระผมว่า ถ้าในปัจจุบันเราทำงาน แต่ไม่ได้รักงานที่ตนเองทำจะทำอย่างไร กระผมขอบอกว่า จงหางานที่ตนเองรักและจงสนุกกับมัน ถ้าท่านได้ทำงานที่ตนรัก ท่านมักจะสนุกสนานกับมัน จนลืมไปได้ว่า สิ่งนี้คืองาน แต่ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ กล่าวคือไม่สามารถเปลี่ยนงานหรือย้ายงานได้ เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง ก็จงทำงานนั้นต่อไป แต่ ? จงภูมิใจกับงานในปัจจุบัน และต้องทำใจให้รักในงานปัจจุบัน มากกว่าจะถามถึงสิ่งที่ไม่ได้เป็นหรือยังไม่ได้เป็น ? แต่ถึงที่สุดแล้ว หากต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตจริงๆ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะต้องเลือกทำงานในสิ่งที่ตนเองรักเสมอ
สำหรับการสร้างความสุขในการทำงาน ทางพุทธศาสนาสอนได้ดีมากครับ ว่าคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องมีหลัก อิทธิบาท 4 คือ
ฉันทะ หมายถึง ความพอใจในงานเห็นคุณค่าของงาน รักงานที่ทำ
วิริยะ หมายถึง ความเพียรพยายาม บากบั่น อดทน กับงานที่ตนเองทำ
จิตตะ หมายถึง มีความคิดจดจ่อ เอาใจใส่ในงานที่ทำ
วิมังสา หมายถึง การตรวจสอบ หมั่นพิจารณา ใคร่ครวญ เมื่อมีปัญหาในงานที่ทำก็ต้องคอยแก้ไข ปรับปรุง ตรวจสอบ ข้อบกพร่องของงานที่ทำ
2.ต้องมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
ทัศนคติมีความสำคัญมากในการทำงาน เพราะบุคคลที่ประสบความสำเร็จมักมีทัศนคติที่ดี มีทัศนคติในด้านบวก (คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่คอยเก็บของที่ไม่มีค่า แต่คนที่ทัศนคติที่ดี ทัศนคติในทางบวก เปรียบแล้วก็เหมือนดังคลังสมบัติที่มักจะเก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่าเสมอ) คนที่จะทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อบริษัทหรือต่อหน่วยงาน และจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อหัวหน้างานด้วย
3.ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน
สำหรับคำว่า มนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน คือ ต้องมีศิลปะในการชักจูงใจให้คนที่ทำงานด้วยเกิดการประสานงานหรือเกิดความร่วมมือกัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการทำงานร่วมกัน
ทั้งนี้บุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์จะต้องมีลักษณะดังนี้ ต้องเป็นคนที่ยอมรับในเรื่องข้อแตกต่างของบุคคลได้ เช่นความแตกต่างในเรื่อง เพศ วัย อายุ ประสบการณ์ ฯลฯ
4.ต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงาน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บุคลิกภาพ การพูดจา การแต่งกาย บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงานทุกคน มักเป็นนักพัฒนาตนเองเสมอ อีกทั้งต้องเป็นนักเรียนรู้งาน เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้กับการทำงานให้เหมาะสมและรวดเร็วขึ้น
ดังนั้น คนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยหัวใจจะต้องมีความรักในงานที่ตนเองทำ ต้องมีทัศนคติที่ดีต่อตนเอง ต่อหน่วยงาน และต่อหัวหน้างาน ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน และต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ เสมอ
การที่เราจะทำงานให้มีความสุข เราก็ต้องรักงานที่เราทำด้วยน่ะครับ เราถึงจะมีความสุขในเวลาที่เราทำงาน
ตอบลบLike เลยครับลวกเพ่
ลบเป็นบทความที่ โดนใจมากๆครับ เพราะว่า การที่เราจะทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะงานที่ทำงาน หรืองานที่บ้าน ถ้าเรามีใจรักในงานนั้น เราจะมีความสุขกับการทำงาน แล้วจะบอกว่า เอ๊ะ..ทามไมเวลามันผ่านไปเร็วจัง ยังสนุกกับงานอยู่เลย ให้คิดคล้ายๆเราไปเที่ยว ว่าเวลาไมเร็วจัง นั้นแหละเรียกว่า เราให้ใจกับสิ่งที่ทำอยู่นั้นเอง
ตอบลบ1.ต้องรักงานที่ทำ
ตอบลบ2.ต้องมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน
3.ต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ในที่ทำงาน
4.ต้องมีการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับงาน
4 ข้อนี้คือปัจจัยที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิตการทำงาน พร้อมทั้งนอกเวลางานหากเรานำไปปรับปรุงในชีวิตประจำวันของเรา กะจะได้ความรู้เพิ่มขึ้น คิดดี ทำดี ผลก็จะดีตามมาอย่างแนนอน (เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด)
แม่นแล้ว เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด คิดดี เฮ็ดดี ดีแน่นอน
ลบตามนั้นครับเมื่อทำในสิ่งที่เรารักและเราชอบส่วนมากแล้วจะประสบผลสำเร็จในชีวิต แต่คนที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตส่วนมากคือผู้ประกอบกิจการน้อยมากที่มาจากคนที่ทำงานกินเงินเดือนแต่จะกินเงินเดือนรึประกอบกิจการก็ต้องอาศัยใจรักทั้งนั้นจึงจะทำออกมาดี
ตอบลบทุกคนชอบเงินทั้งนั้นแต่เงินที่ได้มาเยอะะนั้นอาจทำให้เรานั้นทำงานไม่มีความสุข เราว่าทำงานที่เรามีความสุข สบายใจจะดีซะกว่า เราทำงานได้เงินเยอะแต่ทุกข์ใจ
ตอบลบถ้าเราคิดดีกระทำแต่สิ่งที่ดีต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน/คนรอบข้าง ตัวงานของคุณเพียงเท่านี้คุณเองย่อมจะมีความสุขและสนุกกับชีวิตในการทำงานของคุณครับผม
ตอบลบถ้าเรามีความรักในงานที่ทำ เราก็จะมีความสุขกับงานที่ทำ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็จะรู้สึกว่าไม่เหนื่อยเท่าไร เพราะเป็นงานที่เรารัก และเมื่อมีความรักในงานที่ทำแล้ว เราก็จะยิ่งศึกษาหาขอมูลมาเพิ่มเติมความรู้ที่มีอยู่ให้มีความสามารถในงานที่ทำมากขึ้น ^^
ตอบลบเมื่อเรารักงานที่ทำ เราก็จะเกิดความพึงพอใจและเห็นคุณค่าของงานที่ทำ
ตอบลบเมื่อเรามีทัศนคติที่ดีในการทำงาน ผลของงานที่ทำก็จะออกมาดี นั่นก็จะส่งผลดีต่อตัวเราเองและบริษัท
ทัศนะคติที่ดีต่องานและเพื่อนร่วมงานเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน ต่อมาคือความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานให้เสร็จลุล่วงตามที่ได้รับมอบ สร้างบรรยากาศในการทำงาน ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเมื่อมีเวลาว่าง และพักผ่อนให้เพียงพออันนี้ก็มีส่วนสำคัญในการทำงาน
ตอบลบถ้าไม่ได้ทำงานที่เรารัก ก็จงรักในงานที่เราทำ
ตอบลบนี่สิคำคมแห่งปี
ลบการทำงานให้ประสบความสำเร็จได้จะต้องมีความรักและเอาใจใส่กับงาน ลงมือประฎิบัติ ติดตามผลงาน และนำข้อมูลจุดอ่อนมาแก้ไข เพื่อพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ
ตอบลบผมเองลืมลงชื่อ
ลบชอบมากครับ
ตอบลบ1 ต้องรักงานที่ทำ
2 ต้องมีทัศนะคติที่ดีในการทำงานและเพื่อนร่วมงาน
3 ต้องมีมนุษย์ที่ดีในการทำงาน
4 ต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ทำตามเป้าหมายที่องค์กรคาดหวัง และประพฤติกรรมที่องค์กรคาดหวังครับนี้คือ องค์กรเรา (SOLVAY)
ตอบลบไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ไม่มีเงินชีวิตก็จบ ภาระรออยู่รอบตัว ดังนั้นทุกคนก็ทำงานแลกเงินด้วยดกันทังนั้น ดังนั้น เราก็ควรทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพื่อผลตอบแทน และอนาคตที่ดี ควรรักในงานที่ทำจะได้ทำงานแบบมีความสุข ไม่ท้อ ไม่เปรียบเทียบ และในที่สุด ผลของงานก็จะตามมาเอง ขอให้ทุกคนสู้ๆครับ
ตอบลบก้อไม่มีไรมากครับ เรารับเงินจากบริษัทแล้ว เราก้อต้องทำงานให้เค้าให้คุ้มกับค่าจ้าง. และไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ทำงานให้รอบคอบไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมา. แค่นี้เราก้อมีความสุขละ ครับ ไม่ได้มีใครกล่าวไว้. ผมคิดเอง อิอิ
ตอบลบทำงานด้วยใจ ทัศนคติคิดบวก นะครัช
ตอบลบ(ต้องรักงานที่ทำ) ส่วนตัวแล้วชอบข้อนี้ที่สุดครับ ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดีก็ขึ้นอยู่ที่ใจรักนี้แหละครับ ทำให้เราพัฒนาส่วนอื่นๆได้ไวขึ้นเพราะเรารักในงานที่ทำ และเราก็จะสามารถทำมันออกมากด้วยดีอีกด้วย
ตอบลบการทำงานด้วยใจรักและเป็นบวกมีโอกาสการทำงานเจริญก้าวหน้ามากกว่าคนที่คิดไปทางลบ
ตอบลบตามนั้นเลยครับป๋า
ลบคนที่จะทำให้เราพัฒนามากที่สุดคือคนรอบข้างเราที่คอยบอกจุดอ่อนเราให้รู้ เพื่อให้เราได้เติบโต เพื่อให้เราได้พัฒนา เพื่อให้เราไม่ถูกคนอื่นว่าอีก
ตอบลบComment เป็นสิ่งจำเป็นมากๆครับ มีทัศนคติที่ดีต่อการให้ Comment และ มีทัศนคติที่ดีต่อ Comment ที่ได้รับ จะทำให้เรามีแต่ไปข้างหน้าครับ
ตั้งคำถามว่าทำไมเค้า Comment เราแบบนั้น และถามกลับไปว่าเราต้องทำอย่างไรให้ไม่มี Comment เหล่านั้น จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตต่อไปครับ
- คนเราทำงานเพื่ออะไร ?
ตอบลบ-โรคเบื่องาน ,หลีกเลี่ยงงาน, ขาดแรงจูงใจในการทำงาน , จะแก้ไขอย่างไรดี ?
- เหตุปัจจัยแห่งความสำเร็จในการทำงานด้วยหัวใจ 4 ห้อง
-ใจรัก ใจสู้ เอาใจใส่ ใจใส ใช้ปัญญา
- พลังแห่งเป้าหมายในงานและชีวิตจะเปลี่ยนชีวิตคุณในวันนี้
-เป้าหมาย คือ สิ่งที่ใจต้องการ
- พลังแห่งการวางแผนสู่การกระทำ
-ฝึกเขียนเป้าหมาย / ฝึกเขียนแผนปฏิบัติ
- การพัฒนาตนเอง 4 มิติ สู่ความเป็นเลิศ
-จิตใจ, ความคิด, ความรู้, ความสามารถ
-จิตใจมีปัญหาส่งผลต่ออะไร?
-แนวทางการพัฒนาจิตใจ, ความคิด, ความรู้, ความสามารถ
***หากคนเราทำงานด้วยหัวใจ ผลสำเร็จของงานจะยั่งยืนและมีคุณค่า
ตอบลบหากคนเราทำงานด้วยหน้าที่ ผลสำเร็จของงานก็จะได้แค่เพียงชิ้นงาน
เหรอ............
ลบจริงๆ..............................................................................ม้าง
ลบโรคเบื่องานเป็นโรคที่เป็นกันค่อนข้างเยอะ เมื่อเราทำงานเป็นเวลานานๆหลายๆปี เเต่ในเมื่อที่เรายังทำงานกินเงินเดือนของบริษัทอยู่ ก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้คุ้มกับเงินที่นายจ้างจ่ายมาให้หรือที่เรียกอีกอย่างว่าลูกจ้างอาชีพ
ตอบลบงานคือเงิน เงินคืองาน สร้างรากฐานชีวิต
ตอบลบจะเห็นได้ว่า หลักธรรมะที่ใช้ในการทำงาน เป็นเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว หากเรานำ อิทธิบาท 4 มาปรับใช้ในการทำงาน รักงานที่ทำ ขยันทำงาน รับผิดชอบงาน และรู้จักไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ทางแห่งความสำเร็จคงไม่เกินเอื้อม...เชื่อเถอะ คุณก็ทำได้ ทุกอย่างอยู่ที่ "ใจ"
ตอบลบเราต้องมีการพัฒนาตัวเองให้มีความเหมาะสมกับงาน และมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
ตอบลบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตจริงๆ บุคคลที่ประสบความสำเร็จมักจะต้องเลือกทำงานในสิ่งที่ตนเองรักเสมอ มีความสุขกับงานกับเพื่อนร่วมชีวิตมีความสุข
ตอบลบจะพยายามทำตามที่เเนะนำไว้..Thanks.
ตอบลบงานทุกอย่างหากเราทำด้วยใจรักและความเข้าใจงาน เราก็สามารถทำงานนั้นๆได้เป็นเวลานาน และงานก็ออกมาดี
ตอบลบรักในงานที่ทำจะทำให้เรามีความสุข และเข้าใจเพื่อนร่วมงานหัวหน้างานปฎิบัติตามองค์กร
ตอบลบพอใจในสิ่งที่เรามีอย่าก่อหนี้จนเกินจำเป็นกำลังใจในการทำงานเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะหากขาดกำลังใจจะทำให้คนเรามันท้อไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างหรือเจ้าของกิจการ
ตอบลบการตั้งใจทำตามหน้าที่ เป็นสิ่งที่ดี เป็ความรับผิดชอบ มีวินัย
ตอบลบแต่การทำด้วยหัวใจ เป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะทำด้วยใจรัก ทำด้วยความเต็มใจ ทำด้วยความสุข ผู้ทำมีความสุขและแผ่รัศมีให้ผู้เกี่ยวข้องมีความสุขไปด้วย
ทำงานให้มีความสุข สนุกกับงานที่ทำอย่าไปเครียดครับ ยิ้มรับสู้งานครับ อิอิ
ตอบลบยิ้มไปทำงานไป.......อย่าไปเครียดครับพี่น้อง ยูฟันนนนนน
ตอบลบทำงานให้สนุก สนุกในขอบของงาน ใจรักงานดี งานดีใจมา
ตอบลบเมื่อเรารักงานที่ทำ ก็จะช่วยให้เราทำงานได้ดี
ตอบลบการทำด้วยหัวใจ เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำด้วยใจรัก ทำด้วยความเต็มใจ ทำด้วยความสุข ผู้ทำมีความสุขและแผ่รัศมีให้ผู้เกี่ยวข้องมีความสุขไปด้วย
ตอบลบทำงานที่เรารัก แล้วงานก็จะออกมาดี และเรามีความสุข ^_^
ตอบลบทำงานด้วยความตั้งใจและสนุกกับงานที่ทำเราก็จะมีความสุข
ตอบลบ