วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้อคิด สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว และคนที่ยังไม่ได้แต่ง

ช่วงนี้เข้าใกล้หน้าหนาวไปทุกขณะ ใครยังไม่มีคู่ก็ควรรีบหาคู่เสียแต่ตอนนี้เดี๋ยวหน้าหนาวไม่มีจะหาว่านิคไม่เตือน อิอิ เห็นหลายๆคนมาถามลาไปแต่งงานแล้วรู้สึกว่ามึนยอดเยี่ยมมากจริงๆครับ ขอให้ทุกๆคู่มีความสุข สำหรับใครที่จ่อจะแต่งแล้วก็ขอให้สุขสมหวังกันถ้วนหน้า ใครที่แพลนปีหน้าก็ขอให้สมหวังครับผม วันนี้เลยมีเรื่องดราม่าเกี่ยวกับความรักมาแบ่งปัน อ่านแล้วน้ำตาจะไหล สำหรับคนที่มีคนรักโปรดอ่านเรื่องนี้ช้าๆแล้วท่านจะพบว่า.....
ข้อคิด สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว และคนที่ยังไม่ได้แต่ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกินใจมาก ลองอ่านและซึมซาบความรู้สึกอย่างช้า ๆ

“เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป.... เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป”

...ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน ดังนั้นผมจึงทำตาม เธอเขินอายในอ้อมแขนผม ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก

...นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว... เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น... ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...

...ทุกๆ เช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก... แต่แล้วความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

...เจนเข้ามาในชีวิตของผม ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก... ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนถวิลหา... คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม... ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า วันที่คุณประสบความสำเร็จ ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา... ผมเริ่มรู้สึกลังเล... ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม... แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว.... ผมปลีกตัวออกจากเจน “วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันนะ ผมต้องเข้าออฟฟิศ”... แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอว่าเราจะไปด้วยกัน... ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....ทั้งที่จริงๆ แล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

...แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน... จริงๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก... ทุก ๆ เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน
หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น... นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์.... มองเรือนร่างอันงดงามของเจน... ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

...วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่า เธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน... เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก
ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง เธอจะเป็นอย่างไร

...วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี... พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก...เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ
เธอเหมือนจะรับรู้มันได้...แต่เธอก็ยิ้มน้อยๆ กับพนักงานทุกคน....
แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น

...ในที่สุด เจนก็บอกกบผมว่า หย่ากับเธอนะ แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..ผมมีอะไรจะบอกคุณ
เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก
แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...ผมต้องการหย่า...เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย
ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย
เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...เธอร้องไห้อย่างหนัก... ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...ผมคงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้ มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...

...ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น ระบุว่า เธอเป็นเจ้าของบ้าน...ทุก ๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท 30% ผมยกให้เธอหมด.... เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้น...แล้วฉีกมันทิ้ง...มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...
ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...ผมไม่สามารถคืนคำ
ที่ผมพูดไปได้...เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือน
เป็นการปลดปล่อยความสับสนของตัวผมเอง...หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม
ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริง ๆ เสียที

...คืนนั้น ผมกลับถึงบ้านด้วยเวลาดึก...เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ..ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...แต่เธอต้องการ
ให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนิน
ไปตามปกติ...ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..เธอไม่อยากให้ลูก
ต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อนเวลานั้นจะมาถึง

...รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...
คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น...
ชั้นมีเรื่องขอร้อง...ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้องนอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไป
จนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่าเธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี

...ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงื่อนไข....
ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...
คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....

...เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า...ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป
พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่า ว้าว... วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น
เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม
ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ

...วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ
ผมถึงได้ตระหนักว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น

...ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...ในวันที่สี่...
มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...วันที่ห้าและหก..
เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร
และอื่นๆ อีกมากมาย...ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...

...ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...หรือบางทีคงเป็นเพราะผม
แข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้..
นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้... ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....
เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยใจในวินาทีสุดท้าย

...และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เฒ่า
ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน...ผมขึ้นรถทันที
เพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..ผมลังเลเล็กน้อย..แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้....เธอเปิดประตูออก
ผมบอกเธอว่า เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม..คุณสบายดีหรือเปล่า

...เจน ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริงๆ ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็นเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียด
เล็กน้อย ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน เธอมีลูกให้ผม ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่... เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้.... พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร

...ผมให้เธอเขียนว่า
ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่

42 ความคิดเห็น:

  1. การใช่ชีวิตหลังการแต่งงานหรือก่อนแต่งงานผมว่าเราควรปฎิบัติให้เสมอต้นเสมอปลาย เริ่มอย่างไรก็ขอให้เป็นอย่างนั้น และที่สำคัญที่สุดของการใช่ชีวิตคู่คือ การให้อภัยและการไว้ใจกันและความซื่อสัตย์ต่อคนที่เราคิดไว้ว่าจะใช้ชีวิตคู่ ผมคิดว่าการที่เราเลือกว่าจะแต่งงานกับคนที่เราเลือกนั้นเราต้องคิดนานและยอมรับว่าเราสามารถไปกันได้จนตลอดขอการใช้ชีวิตคู่ สุดท้ายก็ขอให้คนที่จะแต่งงานก็ขออวยพรให้มีความสุขมากๆนะครับ ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพรช อย่าหักโหมมากนะ บายๆ

    ตอบลบ
  2. บางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ แต่ถ้าเราอ่อนลงให้เขาก็ไม่แปลก ถ้าเราคิดว่าเราคือคนๆเดียวกัน แล้วเราจะทะเลาะกับตัวไปทำไมให้เสียเวลา
    ในเมื่อเราเป็นคนๆเดียวกัน ก็ต้องร่วมกันคิด ช่วยกันทำ ยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน ชีวิตคู่ก็จะมีความสุขครับ

    ตอบลบ
  3. อ่านบทความนี้แล้วนึกถึง เพลงข้าวใหม่ปลามัน ของ วิทูรย์ ใจพรหม เมื่ออยู่กันใหม่ ๆ อะไรก็ดูดี แต่เมื่ออยู่ด้วยกันนาน ๆ ความเป็นสุภาพบุรุษก็เริ่มเปลี่ยนไป

    ตอบลบ
  4. "แก้ตัว"...ช่วยอะไรไม่ได้!!!
    "แก้ไข"...ช่วยได้ทุกอย่าง!!!

    ตอบลบ
  5. ทีมงานพลิกแผ่นดิน8 กรกฎาคม 2555 เวลา 04:34

    อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆแล้วเราอาจจะพลาดเรื่องใหญ่ๆก็ได้

    ตอบลบ
  6. ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
    ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร อยู่เป็นโสดไปก็ดีกว่า...

    ตอบลบ
  7. คงต้องเริ่มชีวิตคู่ด้วยความรักไม่ใช่ความใคร่หรือความหลง
    เติมความรักให้กันอย่างสม่ำเสมอ
    จงซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก
    หากิจกรรมทำร่วมกันมีเวลาให้กัน
    สิ่งสุดท้ายก็คือรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและฟฺตอยู่เสมอ อิอิ

    ตอบลบ
  8. "ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน "
    คำพูดประโยคนี้..กินใจมาก

    ตอบลบ
  9. การใช้ชีวิตคู่ก็เหมือนเราจูนคาร์บูเรเตอร์หาความเหมาะสมของอากาศกับน้ำมัน เพื่อจะทำให้รถที่เราใช้ไม่สะดุดต่อการเดินทาง ในการใช้ชีวิตคู่กัน และที่สำคัญหมั่นดูแลรักษาให้เหมาะสมตามการเวลา

    ตอบลบ
  10. ชีวิตโสด หรือ ชีวิตคู่ ก็สามารถมีความสุขได้ทั้งนั้น ถ้าเรารู้จักใช้ชีวิตให้มีคุณค่า

    ตอบลบ
  11. บางทีถ้าเราอยู่ด้วยกัน นานไป นานไป เราก็อาจจะลืมสิ่งสำคัญบางอย่างเช่น เมื่อก่อนคบกันใหม่ๆ ดูหนังเดือนละครั้ง กินข้าวนอกบ้าน บ่อยๆ เปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวพักผ่อนแบบ สองต่อสองบ้างแต่นานเข้า กิจกรรมพวกนี้ ก็เริ่มหายไป ลองเอากลับมาทำบ้างสิ ผมว่า จะทำให้เรารักกันมากขึ้นก็ได้นะ

    ตอบลบ
  12. การมีเเฟน หรือ ภรรยา มันก็เหมือนกับเราซื้อล๊อตเตอร์รี่ ไม่รู้ว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่ง หรือเปล่า
    การอยู่ด้วยกันมันก็เหมือนกับ ลิ้นกับฟัน บางครั้งอาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง มันเป็นรสชาติของชีวิต ครับพี่น้อง
    การเอาใจเขามาใส่ใจเรามันเป็นเรื่องสำคัญนะสำหรับการครองคู่ ครองเรือน

    ตอบลบ
  13. มิตรเฮดเดอร์ไฮเปอร์เรดซิ่ง14 กรกฎาคม 2555 เวลา 11:23

    การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ รู้จักปรับตัวเข้าหาซึ่งกันและกันนะครับ

    ตอบลบ
  14. ความเกื้อหนุนจุนเจื้อ การรักเดียวใจเดียวสร้างทางให้ชีวิตคู่ไปสู่ฝั่งฝันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ตอบลบ
  15. เดียร์ ดร๊าฟ ว.214 กรกฎาคม 2555 เวลา 11:32

    ใยพระเจ้าจึงสร้างทางความรัก ให้เหหักรักเศร้าให้หม่นหมอง
    มีกำแพงกั้นรักไว้สำรอง ให้หม่นหมองชีวาทุกราตรี
    ถึงอย่างไรใจก็รักเขาเสียแล้ว ให้แน่แน่วด้วยใจจริงมิชิงหนี
    จะรักเจ้าเฝ้าฝันช่อฤดี ในชาตินี้ชาติหน้าทุกคราไป

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ร้ายเสียจริง ป๋าเมธเรา

      ลบ
    2. สงสัยชอบดูรักนี้หัวใจมีครีบนะเนี่ย

      ลบ
  16. การใช้ชีวิตคู่ถ้าได้ตัดสินใจกันแล้วควรประคับประครองให้ตลอดลอดฝั่ง เมื่อช่วยกันสร้างครอบครังกันจนมั่นคงแล้วผู้ชายก็ไม่ควรเห็นแก่ตัว ลองคิดดูถ้าไม่มีเค้าเราจะมีวันนี้หรือเปล่า

    ตอบลบ
  17. ชีวิตหลังแต่งงานเราควรที่จะช่วยกันดูแลต้นรักที่เราปลูกขึ้นอย่างสม่ำเสมอและซื่อสัตย์ซึ่งกันและกันแค่นี้ชีวิตคู่ก็มีความสุขแล้ว

    ตอบลบ
  18. เนินกระปอกซิตี้16 กรกฎาคม 2555 เวลา 19:14

    อ่านแล้วน้ำตาจะใหล..ชีวิตคนเรามันขาดการดูแลเอาใจใส่กันจริงๆ.ทุกสิ่งทุกอย่างนี้อาจใกล้เคียงกับชีวิตบางคนที่ได้อ่านและอาจเป็นแนวคิดหรือเตือนสติก่อนทำอะไรก็ได้

    ตอบลบ
  19. เดือนตุลาคมนี้จะแต่งงานแล้วครับ......คงต้องนำไปประยุกต์ใช้ครับ อิอิ""""

    ตอบลบ
  20. 10 ขั้นตอนการใช้ชีวิตคู่ที่ดี
    1. เป็นตัวของตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
    อย่าพยายามเปลี่ยนคนรักของคุณให้เป็นในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็น แฟนคุณอาจจะไม่ได้สวยเหมือนนางงาม หรือหล่อเหมือนนายแบบ ขอให้รักในสิ่งที่คนรักของคุณเป็น ยังมีอีกหลายสิ่งอีกมากมายในตัวคนรักของคุณ ซึ่งมากกว่าสิ่งภายนอกที่ตาของคุณมองเห็น

    2. มีอะไรต้องพูดกัน
    สำหรับคุณผู้ชาย อาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดต้องเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งบางทีคุณคิดว่ามันไร้สาระ ซึ่งต่างจากผู้หญิง อย่ามัวนั่งเดาความรู้สึกของอีกฝ่าย แต่ให้เรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า คุณกำลังรู้สึกอะไร ต้องการอะไร ทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดี หรือแม้แต่วันนี้ที่คุณอารมณ์ดีเนี่ย เป็นเพราะอะไร เมื่อคุณไม่ต้องการหรือหยุดที่จะถ่ายทอด บอกเล่าความรู้สึกของคุณให้กับอีกฝ่ายได้รับฟัง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของความรัก

    3. หากิจกรรมทำร่วมกัน
    ข้อนี้ง่ายมาก หากิจกรรมอะไรก็ตามที่ทั้งคู่ สามารถทำด้วยกันแล้วมีความสุข กระทำร่วมกัน คุณอาจจะนั่งดูทีวี หรือไปเดินเล่นจูงมือกันในห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ตามแต่รสนิยมของคุณทั้งคู่ แล้วก็ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือเรียกว่าเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยคุณผู้หญิงนานๆที ก็ลองนั่งดูรายการฟุตบอลรายการโปรดของแฟนคุณ เปลี่ยนบรรยากาศ ส่วนคุณผู้ชายก็อาจจะลองไปเดิน shopping เป็นเพื่อนแฟนคุณดูสักครั้ง แทนที่จะไล่ให้แฟนคุณไปช๊อบปิ้งกับเพื่อนของเธอ อาจจะทำให้ทั้งคู่เข้าใจอารมณ์ของกันและกันมากยิ่งขึ้น การที่คุณใช้เวลากับเพื่อนของคุณมากกว่ากับแฟนของคุณ นั่นอาจจะเป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ของคุณกำลังสั่นคลอน

    4. พบกันคนละครึ่งทาง
    ถ้าหากแฟนหนุ่มของคุณกล้าที่จะโยนเสื้อตัวโปรด ขาดๆ เก่าๆ แต่คุณไม่ชอบของเค้าทิ้ง คุณก็ไม่ควรจะโกรธถ้าเค้าขอร้องให้คุณเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย ความสัมพันธ์ที่สมดุลและแนบแน่น ต้องประกอบไปด้วยการให้และการรับ เพราะฉะนั้นจงเรียนรู้ที่จะพบกันคนละครึ่งทาง

    5. แสดงความรักของคุณให้เค้ารู้
    ลองซื้อดอกไม้ ขนม หรือน้ำหอม ให้กับคนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าคุณจะคบกันมา 5 ปีแล้วก็ตาม มันจะทำให้คุณรู้สึกดีที่ได้แสดงความรักแก่คนที่คุณรักอย่างสม่ำเสมอ นี่เป็นการบริหารความสัมพันธ์ของคู่ของคุณ แม้ว่าจะคบกันมานาน หัดเอาใจใส่ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ ของคนที่คุณรักและแสดงให้เค้าเห็นว่า คุณใส่ใจ อาจจะเป็นเรื่องอาการไม่สบาย ขนมที่เค้าชอบ หรือสีโปรดของเขา สิ่งเหล่านี้ เรารับรองว่าถ้าคุณลองทำ ความรักของคุณจะชุ่มชื่น จนใครๆอิจฉา

    ตอบลบ
  21. ตอนที่2

    6. ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
    หยุดล้อเล่นและหัวเราะเยาะปมด้อย หรือข้อบกพร่องในตัวเค้า หากเป็นเป็นสิ่งที่คุณเคยชินที่จะทำ ลองไตร่ตรองดูว่า เขาหรือเธออาจไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกด้วยก็ได้ ถ้าหากว่าเค้ามีปมด้อย ตรงความเตี้ยของเขา คุณก็ควรจะหยุดเปรยชมคนตัวสูงๆ ที่บังเอิญเดินผ่านเข้ามา รู้มั๊ยว่านั่น เป็นการทำลายความมั่นใจและความรู้สึกของเขาโดยตรง ความรักเป็นเรื่องของการให้เกียรติซึ่งกันและกัน และแคร์ความรู้สึกของกันและกันตลอดเวลา

    7. ลืมความหลังเก่าเสีย
    หยุดพูดถึงเรื่องเก่าๆ ไม่มีใครหรอกที่อยากจะพูดถึงและนึกถึงเรื่องที่เศร้าหรือเรื่องผิดพลาดในอดีตของตัวเอง รู้จักให้อภัยและเลิกขุดคุ้ยข้อผิดพลาดของกันและกัน ให้อดีตเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจุบันมากกว่า

    8. เลิกนิสัยขี้อิจฉาของคุณ
    เราพนันได้เลยว่า ทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และระแวงในช่วงต้นของความสัมพันธ์ แต่อย่าเปลี่ยนความรู้สึกไม่ปลอดภัยและระแวงมาเป็นความอิจฉา วิธีทดสอบว่าคุณเริ่มอิจฉาก็คือ คุณเริ่มที่จะตรวจสอบกระเป๋าสตางค์หรือของส่วนตัวของเค้า นั่นแหละ ใช่เลย คุณกำลังระแวงเค้าอยู่ ความอิจฉา หรือความขี้หึงก็เหมือนกับยาพิษที่ค่อยๆ ทำลายความรักและความสัมพันธ์ของคุณ ไปทีละเล็กทีละน้อยโดยที่คุณไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวคนรักของคุณ ความรักจะต้องมีความมั่นใจเป็นพื้นฐาน

    9. ฝึกเป็นคนรักษาคำพูด
    ถ้าคุณเป็นคนชอบผิดนัดและผิดสัญญา ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องจับเข่าคุยกันให้รู้เรื่อง หากคุณคิดว่าจะคุณจะมีคนรัก คุณก็ควรจะให้ความสำคัญแก่คนรักของคุณ และพยายามอย่าทำให้เค้าผิดหวัง ถ้าหากเป็นเรื่องที่ไม่สุดวิสัยจริงๆ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกแย่เมื่อคนรักของคุณต้องรอคุณทานข้าว แล้วคุณไม่มา ถ้าหากคุณไม่สามารถทำตามสัญญา ก็อย่าสัญญา เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่คนรักของคุณ เริ่มที่จะรู้สึกว่า เค้าไม่มีความสำคัญต่อคุณสักเท่าไหร่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณได้สูญเสียเค้าคนนั้นไปแล้วก็ได้

    10. จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรักของคุณ
    ความซื่อสัตย์ที่เราหมายถึงคือ การอธิบายความรู้สึกของคุณอย่างตรงไปตรงมาแก่คนรัก อย่าปิดบังความรู้สึก ถ้าคุณรู้สึกว่าเค้าทำให้คุณรู้สึกเจ็บปวด หรือโกรธเคือง จงบอกเค้า อย่างไม่ต้องอาย ถ้าหากคุณไม่สามารถที่จะรักษาความซื่อสัตย์ต่อคนที่คุณรักได้แล้ว ใครล่ะ ที่คุณจะรักษาความซื่อสัตย์ด้วยได้ ความรักคือการให้ความซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์ที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ก็อาจจะไม่ควรค่ากับความสัมพันธ์ที่คุณได้ทุ่มเทไป

    ตอบลบ
  22. อยู่กับอะไรไม่สู่ อยู่กับปัจจุบัน ดีกว่า

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ21 กรกฎาคม 2555 เวลา 13:00

    ใครที่มีครอบครัวแล้วที่คิดจะปันใจให้หญิงอื่นลองมาอ่านเรื่องนี้ดูเผื่อจะทำให้คุณรักครอบครัวมากขึ้นก็ได้และอาจเปลี่ยนความคิดคุณใหม่ก็ได้

    ตอบลบ
  24. ทุกวันนี้สังคมมันเสื่อมลงทำให้คนเราเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นเพราะฉนั้นคนเราต้องอยู่ด้วยกันด้วยความเห็นอกเห็นใจกันให้มากๆ โดยเฉพาะคนที่เป้นสามี ภรรยากันจึงจะอยู่ด้วยกันจนแก่ เฒ่า เหมือนคนสมัยก่อน คนที่มีครอบครัวแล้วรักครอบครัวให้มากๆนะคับ

    ตอบลบ
  25. คอมเม้นแต่ละคอมเม้นนี้ กินใจมากมายเหลือเกิน คงต้องศึกษาจากคอมเม้น ของพี่ๆ ก่อนจะถึงวันนั้น

    ตอบลบ
  26. ทีมงานพลิกแผ่นดิน26 กรกฎาคม 2555 เวลา 08:27

    ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับใครต้องเปิดอกคุยกับคู่ชีวิตของเราให้ดี ถ้าไม่อย่างนั้นอาจต้องเลิกันหลังแต่งงานกันไปไม่ถึงปี ผมคิดว่าหลากหลายเหตุการณืที่พบเห็นและได้ยินมานั้นปัจจัยในชีวิตคู่ส่วนใหญ่ที่เลิกกันนั้น ส่วนใหญ่นะครับ เงินไม่พอใช้หรือมีเงินแต่ใช้เกินตัวจนอาจทำให้ความรักที่ว่าไม่ว่ายังไงฉันจะอยู่กับคุณตลอดไปอาจทำให้เป็นอย่างหลายๆคู่ก็ได้ครับ.....

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รักกินไม่ได้ แต่เท่ ขำๆนะพี่ แต่ผมคิดว่า ความรักไม่ว่าคุณจะรวย มีเงินหรือไม่มีเงิน แต่ถ้าคุณรักกันคิดจะสร้างชีวิตด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรจะสามารถทำให้ความรักที่มีให้กันน้อยลงครับ ดูอย่างคู่รักบางคู่ รวยมีเงินมีทองแต่ไม่มีความรักที่ออกมาจากจิตใจ มีแค่ว่ามีเงินให้ใช้ไปวันๆ ใช่ครับเงินอาจเป็นสิ่งมีค่าแต่เงินก็ไม่สามารถชื้อความรักจากจิตใจได้ ต่อให้คุณรวยแค่ไหนก็ตาม คนรักกันต้องรักด้วยใจใช่เงินตรา แต่ถ้าอย่าต้องหานายอำเภอ ตลกก็จบนะครับ555

      ลบ
  27. งอนแต่พองาม ก็งามดี...
    แต่งอนเกินพอดี ก็เกินงาม...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พูดอะไรไม่เข้าใจ งง งง งง

      ลบ
  28. หาเข้าไปสักวันคงจะเจอเอง....

    ตอบลบ
  29. การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิด ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี
    แต่ เป็นศักดิ์ศรีของสามี ที่แท้จริง

    ตอบลบ
  30. การทำผิดในชีวิตคู่น่าจะเกิดขึ้นกับทุกๆคู่ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องชู้สาวเท่าน้นยังมีอีกหลายเรื่อง ถ้าสามารถกลับตัวกลับใจมาประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง ความสุขก็จะเกิดขึ้นภายในครอบครัว

    ตอบลบ
  31. คิดจะมีครอบครัว ต้องศึกษาพื้นฐานทางครอบครัวทั้งสองฝ่ายให้ดีก่อนว่าไปด้วยกันได้ไหม
    จะได้ไม่ต้องมีปัญหาตามมาภายหลัง

    ตอบลบ
  32. การมีคนรักสักคนมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยครับ!!
    คนที่ชอบดันไม่ใช่....ส่วนคนที่ใช่ดันไม่ชอบ
    แล้วเมื่อไหร่จะหาคู่เจอกันเนี้ย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พี่เอาใจช่วยนะ โก๋ คริคริ..

      ลบ
    2. ขอบคุณครับพี่นูน..ผมจะทำให้ดีทีสวด คริคริ

      ลบ
  33. การใช้ชีวิตก่อนแต่งงานกับหลับแต่งงานก็แตกต่างกันออกไปแต่ตอนนี้ยังไม่แต่งงานถ้ามีโอกาสจาลองนำไปใช้ดูคับ....

    ตอบลบ
  34. ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เมื่อเรามีรักก็ต้องแต่งงานเป็นธรรมดา ดังนั้นเมื่อเราจะแต่งงานก็ต้องคิดให้ดีๆเพราะผลที่ตามมาคือการใช้ชีวิตคู่ไปตลอดชีวิต

    ตอบลบ