วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปีใหม่นี้เตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล


By Max



ใกล้ปีใหม่แล้วแล้วผมคิดว่าเพื่อนๆพี่หลายคนต้องเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ซึ่งเพื่อนๆพี่ๆก็ต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางกลับบ้านในระยะทางที่ไกลๆ ทั้งนี้ตัวผมเองนั้นเป็นคนสนใจในเรื่องรถยนต์มากอยู่แล้ว จึงอยากเสนอความรู้เล็กๆน้อยให้พวกเพื่อนๆและพี่ได้อ่านและนำไปตรวจสอบรถของพวกพี่ๆได้เองแบบง่ายๆโดยที่ไม่ต้องพึ่งช่างให้เสียค่าใช้จ่าย ก่อนอื่นผมมีวิธีจะนำเสนอเป็นแบบง่ายดังนี้ครับ
1.ตรวจสอบและประเมินสภาพโดยรวมของรถ เช่น สภาพรถ สภาพการใช้งาน โดยตรวจสอบจากประวัติครั้งล่าสุดของรถยนต์ที่เข้าตรวจเช็คที่ตามศูนย์บริการ เพื่อให้หมั้นใจได้ว่ารถยนต์ของพวกเพื่อนๆและพี่ๆได้เข้ารับบริการทุกๆระยะตรวจเช็คหรือตรวจซ่อม 


2.ตรวจเช็คสภาพความพร้อมใช้งานของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ภายใต้ฝากระโปรงรถยนต์ของพวกเพื่อนๆและพี่ๆ ถ้าเพื่อนและพี่ๆนำรถเข้าตรวตเช็คตาระยะอยู่แล้วก็เบาใจได้ระดับนึกเลยครับ แต่ก็อย่าละเลยกับสิ่งเล็กๆน้อยที่อยู้ใต้ฝากระโปรงละครับ อันดับแรกเลยคือ สังเกตุและตรวจสอบระดับของเหลวในรถยนต์ เช่น ระดับน้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำในหม้อน้ำสำรอง ระดับน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำมันเพาว์เวอร์ น้ำมันเกียร์ โดยตรวจสอบให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่าตำแหน่ง Lowของก้านตรวจเช็ค และที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันอีกอย่างคือตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์ หรือสังเกตุง่ายๆที่สัญลักษญ์ไฟที่แบตเตอรี่(ถ้าเป็นแบตรุ่นใหม่ๆจะมีไฟบอก) ถ้าเพื่อนๆพี่ๆตรวจเช็คแล้วระดับของเหลวอยู่ในระดับปกติ ก็สบายใจได้เลยทีเดียว


3.ตรวจสอบช่วงล่าง ตรวจสอบง่ายๆเลยเพียงแค่เพื่อนและพี่ๆก้มลงไปดูมันสักแปปนึง โดยการสังเกตุง่ายๆเลยก็คือสังเกตุ การรั่วซึมหรือรอยของคราบน้ำมัน ในส่วนต่างๆ ถ้าเกินมีจุดใดรั่วซึมผมแนะนำให้พวกพี่ๆและเพื่อนๆนำรถเข้าเช็คกับทางศูนย์บริการก่อนจะดีที่สุดนะครับ หรือถ้าเช็คหรือซ่อมเองได้อันนี้ก็ไม่ว่ากัน

 4.ตรวจสอบเสียงหรืออาการผิดปกติของรถยนต์ วิธีนี้สังเกตุง่ายๆแค่ฟังเสียงหรืออาการตอนขับขี่ว่าผิดปกติหรือรู้สึกว่าแตกต่างหรือไม่ ถ้ามีอาการควรเข้าเช็คตามศูนย์บริการนะครับ จะง่ายที่สุด

5.ตรวจยาง แรงดันลมยางและยางอะไหล่ วิธีที่สังเกตุง่ายที่สุดคือการดู โดยสักเกตุความต่างของยางแต่ละข้างว่าระดับยางแตกต่างกันหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจควรนำรถเข้าเช็คลมยางก่อนจะดีที่สุดครับ จากประสบการณ์ของผมแล้ว แนะนำว่ารถยนต์นั้งที่จะเดินทางไกลควรเติมลมยางอยู่ที่ 29-31 PSI เพราะจะไม่กระด้างและไม่เปลืองน้ำมันด้วยนะครับ ส่วนรถกระบะควรเช็คลมยางให้อยู่ระดับ30-32 PSI ส่วนล้อหลังถ้าบรรทุกหนักควรอยู่ที่ 34-38 PSI ถ้าเติมลมแข็งเกินไปจะทำการขับขี่กระด้างเกินไป และเกิดความเสียสายกับยางโดยใช่เหตุ ส่วนยางอะไหล่ก็อย่าลืมตรวจสอบกันนะครับเพราะว่ายางอะไหล่ที่ไม่เคยนำออกมาใช้เลย แรงดันลมยางก็ต่ำได้นะครับ และอย่าลืมตรวจสอบอุปกรณ์เปลี่ยนยางอะไหล่ละครับ (ถ้ายางแตกหรือรั่วซึมในเขตนอกเมือง ผมมีวิธีมาแนะนำนะครับ ก็คือ สเปรย์อุดรอยรั่ว ใช้ง่ายและมีวิธีใช้อยู่ด้านข้างขวด เมื่ออัดเข้าไปขณะรั่วจะสามารถวิ่งไปได้ต่อประมาณ30-50 กม.เลยทีเดียวนะครับ หาซื้อได้ทั่วไปที่ห้างหรือตามร้านขายอะไหล่ยนต์นะครับ)


6.ตรวจสอบระบบส่องสว่าง วิธีที่ตรวจสอบง่ายๆเลยก็คือดูอีกนั้นแหละครับ โดยที่เปิดระบบส่องสว่างของรถยนต์ของเพื่อนๆพี่ๆให้หมดละครับ แล้วสักเกตุว่ามีจุดได้ไม่ส่องสว่างหรือไม่ หรือถ้าเป็นไฟเบรกก็ให้คนในครอบครัวไปเหยียบเบรกให้ก็ได้ครับ (เรื่องไฟเบรกควรตรวจเช็คเป็นประจำนะครับเพราะสำคัญกับผู่ร่วมใช้ทางด้วยกันเอง)


 7.ตรวจสอบตัวท่านเอง ข้อสุดท้ายนี้หน้าจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุดนะครับ เพราะว่าถ้าตัวผู้ขับไม่พร้อมก็ไม่ควรขับนะครับ หรือถ้าไม่มีใบอณุญาติยิ่งไม่ควรขับเป็นอย่างยิ่ง และควรมีน้ำใจขับผู้ร่วมทางด้วยนะครับ “ดื่มไม่ขับนะคร๊าบ!!!” ด้วยความห่วงใยจากผมเองนะครับ ขอบคุณครับ
อ่านบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การลดความอ้วน (แบบ ใหญ่ๆ)

By ใหญ่.


ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งมีปัญหา อ้วน มาทั้งชีวิต คิดมาตลอดว่า แม่อ้วน พ่ออ้วน เราก็ต้องอ้วน กรรมพันธุ์ แน่ๆ ไม่มีทางที่จะผอมได้ ทำยังไงก็ไม่ผอม เพราะคิดลบเสมอว่าไม่ผอม ไม่มีทางผอม ทำยังไงก็ไม่ ผอม ลดอาหารก็แล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว แต่ก็หมดความพยายามทุกที เพราะ ออกกำลังกายก็เหนื่อย ลดอาหารก็หิว ไม่มีความพยายาม

จนกระทั่ง วันหนึ่ง ก็มีคนคนนึงบอกว่า..ถ้าคุณลดน้ำหนักได้ ฉัน.....จะ.......?.....กับคุณ มันทำให้ผมคิดว่าต้องทำมันให้ได้ เพื่อคุณ และสิ่งที่ผมจะบอกนั่นก็คือ คุณต้องมีแรงจูงใจอะไรสักอย่าง ตั้งความหวังกับมัน คิดเชิงบวกเสมอว่า ฉันต้องทำ...ได้...ไ ด้....... แล้วก็ได้ ในที่สุด ผมใช้เวลา 2 เดือน สามารถลดน้ำหนักได้ 14 กิโลกรัม.
ทุกคนอาจไม่ต้องแบบหักโหมเท่าผม แต่ผมเชื่อว่า ทุกคนทำได้ครับ สู้สู้ครับ

วิธีลดความอ้วนแบบธรรมชาติ

1.ไม่กินข้าวมื้อเย็น หรือทานอาหารพวกผักและผลไม้แทน สำหรับมื้อเย็นแล้วให้หลีกเลี่ยงการทานข้าวที่มากเกินไป และหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง (โดยเฉพาะข้าวไม่ควรทานมากเกินไป) ไขมัน อาหารทอดทั้งหลายนี้ต้องเลี่ยงเลย ควรทานเป็นผลไม้ สลัดผัก อาหารจำพวกเส้นใย น้ำผลไม้ โดนเฉพาะ เบียร์ น้ำขวด ของหวาน ต่างๆ ลองลดสัก 1 สัปดา เห็นผลครับ


2. ในหนึ่งสัปดาห์ควรเลือก 1 วัน สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้และธัญพืชอย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก กล้วย แอบเปิล ถั่วต่างๆ เป็นต้น ไม่ควรทานผลไม้ที่ให้แคลลอรี่สูงหรือพลังงานสูง เช่น ทุเรียน


3.อาหารทุกมื้อพยายามเคี้ยวอาหารช้า ๆ การที่เราทานอาหารด้วยความรวดเร็วจะทำให้เรากินได้มากเกินพิกัดโดยที่ไม่รู้ตัว ที่สำคัญสาวๆ จำไว้ให้ดีว่าไม่ควรทานอาหารหลัง 4 โมงเย็น หรือช่วงกลางคืนดึกดื่นเป็นอันขาด เพราะช่วงนี้แหละที่ทำให้เราต้องเจอกับปัญหาอ้วน ๆๆๆ ควรทานอาหารให้พอเหมาะ โดยเฉพาะข้าวอย่าทานมาก ควรทานผักให้มากๆ แทน หากรู้สึกไม่อิ่มให้ทาน น้ำผลไม้หรือ ควรหันมาทานผลไม้ ธัญพืช เพิ่มเติมเข้าไป แต่อย่าลืมนะค่ะว่าเราต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่เราไม่จำเป็นต้องทานในปริมาณมากๆ เดี๋ยวจะอ้วนเอา(แนะนำ กล้วยน้ำหว้า ครับ มีติดบ้านไว้ตลอด เวลาหิวกินได้ตลอดครับ สามารถป้องกันกระเพาะได้เป็นอย่างดีครับ)


4. หมั่นดื่มน้ำผลไม้ก่อนทานอาหารหรือถ้าไมมีเป็นน้ำ ก่อนทานอาหาร ควรดื่มน้ำผลไม้ หรือ ผลไม้สดก็ได้ เช่น น้ำส้ม เพราะวิตามินที่มีอยู่ในน้ำส้มจะช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญ น้ำองุ่น ในองุ่นนั้นมีแร่ธาตุเสริมให้เนื้อเยื่อแข็งแกร่งและสดใสเพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งการดื่มน้ำผลไม้หรือผลไม้ก่อนทานอาหารจะช่วยให้เราอิ่มอาหารเร็วขึ้น ทำให้ไม่ต้องทานอาหารเยอะเกินความจำเป็น ช่วยให้ไม่อ้วน


5. การเคลื่อนไหวร่างกายหรือการออกำลังกาย พยายามหาเวลาหรือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวจนได้เหงื่อ เช่นการออกกำลังกาย เล่นกีฬา การทำงานบ้าน เป็นต้น ช่วงแรกเริ่มต้นวันละประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังดี แล้วพอร่างกายเริ่มปรับเข้าที่ก็เพิ่มการออกกำลังกายเป็นวันละ 1 ชั่วโมง จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี แถมได้สุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย ซึ่งการออกกำลังกายถือเป็นอีกสูตรสำเร็จที่ทำให้ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนสามารถทำฝันเป็นจริงได้
อ่านบทความทั้งหมด