วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการบริหารเจ้านาย (Manage your BOSS !)


เกิดจากการกินชาเขียวแล้วนอนไม่หลับทำให้ต้องมานั่งท่องราตรีในอินเตอร์เนต เข้าไปอ่านเวปประจำไปเจอะบทความอันนึงเข้า เฮ้ยย... มันน่าสนใจนะ มีใครกล้าคิดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ(วะ) เลยเอามาแบ่งปันกันดู อ่านไปอ่านมาส่วนตัวผมชอบนะ บางครั้งการมองในมุมกลับบ้าง มันเป็นอะไรที่น่าสนใจ มันทำให้รู้ถึงใจเขาใจเรา แถมยังได้ประโยชน์อีกต่างหาก ไม่เชื่อ กดเข้าไปเลยอย่าช้าที



ในชีวิตจริงของการทำงานไม่ว่าในองค์กรแบบไหน องค์กรภาครัฐ บริษัทเอกชนหรือแม้กระทั่งองค์กรการกุศล เสียงบ่นเกี่ยวกับเจ้านายมักจะอยู่ในร่องเสียงเดียวกัน (มองในแง่ลบ) เสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นคล้ายๆกัน เช่น


เผด็จการชอบสั่งงานลูกน้อง “คุณต้องทำอย่างนี้” “ห้ามทำอย่างนั้น
รับแต่ความดีและความชอบ แต่โยนความผิดให้ลูกน้อง
จุกจิกเรื่องส่วนตัว สนใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ชอบสั่งงานตอนใกล้เลิกงาน เป็นอาจิณ
เปลี่ยนความคิดทุกวัน วันนั้นจะเอาอย่างนี้ วันนี้จะเอาอย่างนั้น
เจ้าอารมณ์ หงุดหงิด โมโหง่าย เอาแต่ใจตัวเอง
เจ้านายไม่เก่ง ดีแต่ประจบเจ้านาย(ของเจ้านาย)
มีแต่จับผิด ไม่เคยจับถูก ไม่เคยชมลูกน้อง
รักลูกน้องไม่เท่ากัน ลำเอียง อคติ เลือกที่รักมักที่ชัง
เจ้านายเจ้าชู้ (สาวๆที่มีเจ้านายเป็นผู้ชาย)
ขี้โม้โอ้อวดว่าตัวเองเก่ง ดูถูกลูกน้อง
ฯลฯ

ปัญหาของ “เจ้านาย” ส่วนใหญ่อยู่ที่ใจของลูกน้องมากกว่าเกิดจากตัวเจ้านาย ลองพิจารณาดูดีๆซิครับว่า ไม่ว่าเราจะมีเจ้านายแบบไหน เราก็ยังสามารถหาข้อไม่ดีของเจ้านายมาบ่นได้อยู่ดี วันแรกๆที่เข้าไปทำงานกับเจ้านายคนนั้นใหม่ ทุกอย่างดูเหมือนจะสดใสไปหมด แต่พอทำงานไปสักระยะหนึ่ง รู้สึกว่าความสัมพันธ์ทางใจของลูกน้องที่มีต่อหัวหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งๆที่หัวหน้ายังเป็นคนเดิม นิสัยเดิม เพราะใจเราเปลี่ยนไปต่างหาก


เรามักจะหาข้อผิดมาดิสเครดิตทางใจของเจ้านาย เหมือนการแข่งกีฬาที่มีระบบการให้คะแนนแบบเต็มไว้ก่อน แล้วเมื่อทำผิดค่อยนำมาหักทีละจุดๆ เช่น ยิมนาสติกก่อนเล่นทุกคนมีคะแนนเต็มสิบ ถ้าพลาดตรงไหนก็จะถูกหักคะแนนในจุดนั้น (เหมือนรายการทำผิด อย่าเผลอ อะไรทำนองนั้น) สุดท้ายแล้วคนที่เก่งที่สุดคือคนที่ได้คะแนนเสมอตัว (ได้คะแนนเท่ากับคะแนนเต็มที่ให้ไว้) ไม่เหมือนกีฬาบางประเภท เช่น ฟุตบอลมีการนับแต้มที่ทำได้และบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด


แน่นอนว่าถ้าเราให้คะแนนเจ้านายแบบยิมนาสติก ดีที่สุดคือเขาจะมีคะแนนในใจเราเพียงแค่เสมอตัว ไม่รักและไม่เกลียด แต่ถ้าเราให้คะแนนเจ้านายแบบฟุตบอล ทำดีเมื่อไหร่ใส่คะแนนบวก ถูกใจเราเมื่อไหร่ก็ใส่คะแนนบวก ถ้าคิดอย่างนี้เจ้านายทุกคนก็มีโอกาสมีกำไรบ้าง ไม่ใช่มีทางเลือกเพียง “เจ๊า” กับ “เจ๊ง” ในสายตาของลูกน้อง

ในเมื่อเราหลีกเลี่ยงปัญหาเจ้านายไม่ได้ เราก็มีทางเลือกและทางออกเพียงไม่กี่ทางคือ

ทะเลาะกับเจ้านาย ทะเลาะกับเจ้านายทีไร ลูกน้องเสียเปรียบวันยังค่ำ เพราะโอกาสที่เจ้านายจะถูกย้ายไปหน่วยงานอื่นนั้นยากกว่าลูกน้องจะถูกย้าย เพราะตำแหน่งเจ้านาย(หัวหน้า) มีน้อยกว่าตำแหน่งลูกน้อง โอกาสที่ลูกน้องจะไปชี้แจงให้ผู้บริหารระดับสูงรับทราบก็น้อยกว่าเจ้านาย เพราะผู้บริหาร(ซึ่งทุกคนก็มีตำแหน่งเป็นเจ้านายาอีกตำแหน่งหนึ่ง)มักจะมองว่าลูกน้องคนไหนทะเลาะกับเจ้านาย แสดงว่าหัวแข็งปกครองยาก ดูแล้วโอกาสรอด.....ยากมากครับ
เซย์กู๊ดบายไปหาเจ้านายใหม่ นี่ก็เป็นทางออกอีกทางหนึ่งที่หลายๆคนชอบใช้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องทนอยู่กับเจ้านายมีปัญหา หนีปัญหาดีกว่า คนที่คิดแบบนี้ผมรับรองได้เลยว่าชีวิตนี้เขาจะเปลี่ยนงานเป็นอาชีพ เพราะไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็จะมีปัญหากับหัวหน้าอยู่ดี หัวหน้าคนนี้อาจจะมีปัญหาอย่างหนึ่ง หัวหน้าอีกคนก็จะมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เราไม่สามารถหาเจ้านายในฝันได้หรอกครับ
ทนอยู่จนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะจากไป บางคนใช้วิธี “ใครเหนียวกว่ากัน” คนประเภทนี้ไม่หนีและไม่สู้ซึ่งหน้า เจ้านายจะให้ทำอะไรก็ไม่ขัด แต่ก็ทำแบบขอไปที ไม่ให้มีความผิดจนเจ้านายไล่ออกได้ หรือไม่ทำเสียจนดูเหมือนเอาใจเจ้านาย กลุ่มนี้จะยึดคติที่ว่าจะอยู่ไปจนกว่าจะมีทางไปที่ดีหรือไม่ก็เจ้านายจำใจต้องจากไปเอง
เปลี่ยนใหม่หันมาเอาใจนายดีกว่า บางคนมีเหตุผลส่วนตัวที่จะต้องอยู่กับองค์กร ไม่สามารถเปลี่ยนไปอยู่ที่อื่นได้ เช่น สามีหรือภรรยาอยู่ที่นี่ บริษัทนี้อยู่ใกล้บ้าน ที่นี่สวัสดิการดี อายุมากแล้ว ออกไปอยู่ที่อื่นคงจะยาก ในเมื่อเสียเปรียบหัวหน้าทุกประตู อย่างนี้ก็แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งเจ้านายดีกว่า ไม่ต้องสนใจว่าเราจะชอบเจ้านายหรือไม่ แต่ขอให้เป้าหมายหลักของเราอยู่ก็พอแล้ว ยอมให้คนอื่นว่า “ชเลียร์” ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ยังมีงานทำ มีเงินเดือนใช้
บริหารเจ้านายซะ มีไม่กี่คนที่คิดถึงวิธีนี้ เพราะส่วนใหญ่จะแก้ปัญหาเจ้านายด้วยอารมณ์มากกว่าการใช้สติ ลูกน้องมักจะมองเจ้านายไปในแง่ลบมากว่าแง่บวก การบริหารเจ้านายเป็นทางเลือกและทางออกที่ลูกน้องยุคใหม่ควรจะนำไปใช้ เพราะนอกจากจะอยู่ร่วมกันกับเจ้านายได้อย่างสบายแล้ว ยังสามารถพัฒนาทักษะในการบริหารจัดการคน(ที่สูงกว่า) ได้เป็นอย่างดี

ลองมาดูกันต่อไปนะครับว่าทำไมเราต้องเลือกวิธีการบริหารเจ้านายมากกว่าวิธีอื่น หรือถ้าเราไม่บริหารเจ้านายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น


ถ้าเราไม่บริหารนาย นายจะบริหารเรา
โดยธรรมชาติแล้ว เจ้านายต้องบริหารลูกน้องอยู่แล้ว เจ้านายมักจะวางแผน สั่งงาน ติดตามงาน ควบคุมงาน ประเมินผลงานของลูกน้อง ถ้าเราเป็นลูกน้องโดยธรรมชาติเหมือนกัน รับรองได้ว่าวันๆหนึ่งเราจะต้องนั่งรอว่าเจ้านายจะสั่งงานอะไรบ้าง วันๆเราจะต้องคอยทำงานคำสั่งที่เจ้านายต้องการ คอยมานั่งตอบว่างานนั้นงานนี้ไปถึงไหนแล้ว เราจะต้องทำงานที่มีเดทลายน์ไปตลอด เพราะเจ้านายมักจะกำหนดงานเพราะกับวันส่งหรือวันเสร็จมาให้เสมอ ถ้าเจ้านายเราคือกระแสน้ำ แน่นอนว่าเราไม่อาจจะป้องกันไม่ให้มันไหลได้ แต่ถ้าเราเตรียมตัวล่วงหน้าเราอาจจะไม่ถูกกระแสน้ำพัดจนจมหายไป ถ้ายิ่งเราวางแผนบริหารจัดการกับกระแสน้ำนั้นได้ เผลอๆเราอาจจะใช้ประโยชน์จากกระแสน้ำนั้นได้ เช่น การค่อยๆเปลี่ยนทิศทางของกระแสน้ำไปยังทิศทางที่เราต้องการมากกว่าให้มันไหลไปตามธรรมชาติ
นายเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
เหตุผลหนึ่งที่เราจะต้องหันมาเลือกวิธีการบริหารเจ้านาย เพราะเจ้านายเกือบทุกคนจะมีการเปลี่ยนแปลงความคิด แนวทาง วิธีการทำงานบ่อยๆ จนบางครั้งลูกน้องรู้สึกหงุดหงิด ถ้าเจ้านายทุกคนไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง เราคงไม่ต้องมานั่งบริหารเจ้านายให้เมื่อยหรอกนะครับ
เจ้านายมีหลากประเภท หลายสไตลน์
เจ้านายก็คือคนๆหนึ่งที่มีเอกลักษณ์ของเอกบุรุษหรือสตรีที่ไม่เหมือนใคร เจ้านายคนหนึ่งเป็นแบบนี้ เจ้านายอีกคนเป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นสไตลน์การบริหาร ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพส่วนบุคคล ดังนั้น ถ้าเราไม่พร้อมสำหรับการบริหารเจ้านาย รับรองได้ว่าโอกาาสพลาดของเรามีเยอะ เพระาไม่พลาดกับเจ้านายคนนี้ก็อาจจะพลาดกับเจ้านายอีกคนหนึ่ง
ถ้าบริหารนายได้ จะทำงานง่ายขึ้น
ถ้าเราสามารถบริหารเจ้านายได้ การทำงานทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เพราะบางเรื่องเราสามารถชี้นำความคิดเจ้านายให้เข้าทางเราได้ บางเรื่องเราสามารถโน้มน้าว ต่อรองให้เจ้านายเห็นด้วยกับแนวทางการทำงานของเราได้ เมื่อเจ้านายและลูกน้องมีความชัดเจนในการตกลงเป้าหมายการทำงานร่วมกันแบบเห็นชอบด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว
นายไม่มีเวลาบริหารตัวเอง เพราะมัวแต่บริหารคนอื่น
เจ้านายส่วนใหญ่มักจะมองออกไปข้างนอก(ตัวเอง) คือมุ่งเน้นแต่การบริหารคนอื่น(ลูกน้อง) ดังนั้น จุดอ่อนอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นและเป็นโอกาสให้กับเราในฐานะลูกน้องคือ เจ้านายขาดการบริหารตัวเอง จุดอ่อนนี้น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถบริหารเจ้านายได้
ถ้าเติบโต เรามีโอกาสโตตาม
ถ้าเรามีส่วนช่วยบริหารเจ้านายให้เติบโตในหน้าที่การเงินได้เร็วเท่าไหร่ มากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะโตตามเจ้านายก็มีมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าเราบริหารเจ้านายได้ดี แล้วเจ้านายจะขาดเราไม่ได้ พูดง่ายๆว่าถ้าเจ้านายได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นไป เขาจะต้องหนีบเราติดไปด้วย เพราะยิ่งสูงยิ่งหนาว ต้องการเพื่อนที่รู้ใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น
นายคือเครื่องมือที่ทรงพลังของเรา
ถ้าเรามองโลกในแง่ดีแล้ว เราจะพบว่าเจ้านายคือเครื่องมือการทำงานที่ทรงพลัง เพราะเจ้านายมีทั้งอำนาจบารมี ในบางโอกาสเจ้านายสามารถนำเสนองานต่อผู้บริหารแทนเราได้ เจ้านายสามารถจัดการกับหน่วยงานอื่นที่มีปัญหากับเราได้ เราสามารถใช้เจ้านายให้เป็นที่ปรึกษาให้เราได้ในหลายๆเรื่อง เราสามารถใช้เจ้านายเป็นผู้ที่ให้ความรู้กับเราได้
นายคือฝ่ายการตลาดของเรา
เจ้านายคือช่องทางการจัดจำหน่ายผลผลิตจากการทำงานของเรา บางครั้งเจ้านายเอาผลผลิต(งาน)ของเราไปขายให้ผู้บริหาร บางครั้งเอาไปขายให้กับหน่วยงานอื่น เอาไปขายให้พนักงาน ในขณะเดียวกันเจ้านายถือเป็นช่องทางในการทำการตลาด การโฆษณาตัวเรา ผลงานของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเราไม่สามารถไปโฆษณาผลงานและความสามารถของตัวเราเองได้ ต้องอาศัยเจ้านายซึ่งมีเครือข่ายที่ดีกว่าเราช่วยทำการตลาดให้กับเรา
เพื่อความสบายใจของเราเอง
มีคำกล่าวว่า “ในโลกนี้ทุกคนมีอิสระในการเลือกอยู่ตลอดเวลา” ในการทำงานกับเจ้านายก็เหมือนกัน เรามีทางเลือกตลอดเวลา เช่น เราไม่สามารถเลือกเจ้านายได้ก็จริง แต่เราก็มีทางเลือกที่จะทำงานอย่างมีความสุขหรือเลือกที่จะทำงานอย่างมีความทุกข์กับเจ้านายคนนั้นๆ ถึงแม้เราเลือกจะมีความทุกข์กับเจ้านายคนนั้น เราก็ยังมีทางเลือกต่อไปอีกว่า เราจะทำงานอย่างมีความทุกข์ระดับไหน มาก ปานกลาง น้อย และเราก็ยังเลือกได้ต่อไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด
นายคือทางผ่านของสะพานชีวิต
คิดว่าเสียว่าการบริหารเจ้านายคือการบริหารตัวเอง ถ้าเราผ่านการบริหารเจ้านายได้หลายคนหลายแบบ แสดงว่าเราได้ผ่านการทดสอบในการพัฒนาตัวเองไปมาก เจ้านายคือสะพานสู่ความสำเร็จในชีวิตของเรา บางช่วงของชีวิตอาจจะเจอสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี บางช่วงอาจจะเจอสะพานไม้แผ่นเดียว บางช่วงอาจจะเจอสะพานแขวนที่แกว่งไปแกว่งมา ยิ่งเราผ่านสะพานมาทุกรูปแบบยิ่งทำให้เราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ฝึกซ้อมก่อนที่เราจะเป็นนาย
ถ้าเจ้านายเป็นนักมวย เราอาจจะเป็นเพียงคนล่อเป้าให้นักมวยชก วันนี้เราอาจจะเจ็บตัวบ้างก็ยอมไปเถอะครับ วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้าเมื่อเรามีโอกาสเป็นนักมวยตัวจริง (เจ้านาย) เราจะรู้ได้ทันทีว่าจุดอ่อนจุดแข็งของนักมวยส่วนใหญ่อยู่ตรงไหน เราจะได้หาทางป้องกันได้อย่างถูกต้อง การที่เราบริหารเจ้านายก็เท่ากับว่าเราได้ฝึกซ้อมการเป็นเจ้านายไปในตัว เพราะการที่เราจะบริหารเขาได้ เราก็ต้องไม่คิดต่างไปจากเขา เราต้องรู้ทันความคิดของเจ้านาย เมื่อเราฝึกคิดแบบเจ้านายบ่อยๆ ก็เท่ากับว่าเราได้ฝึกซ้อมการคิดแบบคนที่เป็นเจ้านายไว้ล่วงหน้า

ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมดคงจะพอสรุปได้ว่า การบริหารเจ้านายเป็นทางออกและทางเลือกให้กับผู้ที่ทำหน้าที่ลูกน้องทุกคน เมื่อเราในฐานะลูกน้องเริ่มเห็นความสำคัญและความจำเป็นตรงนี้แล้ว ลองมาดูกันต่อนะครับว่า มีเทคนิควิธีการอย่างไรบ้างในการ “บริหารเจ้านาย” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคการบริหารเจ้านายมีเยอะแยะมากมาย แต่ผมจะขอยกตัวอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้งานง่ายๆดังนี้ครับ

อย่าให้เจ้านายมีเวลาว่าง
โดยธรรมชาติของเจ้านายที่มีหน้าที่หางานให้ลูกน้องทำ เพราะเจ้านายส่วนใหญ่จะมีเวลาว่างมากกว่าลูกน้อง จึงมักจะคิดโน่นคิดนี่ แต่ไม่คิดเปล่า ชอบเอาความคิดที่เกิดขึ้นในหัวมามอบหมายให้ลูกน้องไปลองทำ และผลพวงทางความคิดของเจ้านายที่มักจะมอบหมายให้เรามักจะมาพร้อมกับวันกำหนดส่ง ถ้าเป็นเช่นนี้ เราจะถูกเจ้านายบริหารเสียมากกว่าจะบริหารเจ้านาย แนวทางที่เราสามารถบริหารเจ้านายได้ทางหนึ่งก็คือ พยายามคิดโครงการและนำเสนอโครงการให้เจ้านายบ่อยๆ และให้มีจำนวนโครงการมากเพียงพอที่ไปลดเวลาว่างของเจ้านายลงได้ พูดง่ายๆคือหลอกให้เจ้านายยุ่งอยู่กับโครงการที่เรานำเสนอไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สิ่งสำคัญคือเมื่อไหร่ที่เราเป็นผู้เสนอโครงการ เราคือผู้กำหนดชะตากรรมของตัวเอง อย่างน้อยเราก็เป็นคนกำหนดสิ่งที่ต้องทำ เราเป็นคนกำหนดเวลาที่จะทำ เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็สามารถใช้โครงการเหล่านี้เป็นเครื่องมือลดเวลาว่างของเจ้านายลงได้อย่างแน่นอน และไม่ต้องกลัวว่าถ้าเจ้านายอนุมัติโครงการทั้งหมดมาแล้ว เราจะไม่ยุ่งกว่าเดิมหรือ เพราะโดยธรรมชาติของเจ้านายส่วนใหญ่ชอบติมากกว่าที่จะเห็นด้วย
จงเข้าหาเจ้านายเวลาเจ้านายอารมณ์ไม่ดี
โดยธรรมชาติของลูกน้อง มักจะเลือกที่จะไม่เข้าหาเจ้านายเวลาเจ้านายอารมณ์ไม่ดี เพราะกลัวโดนลูกหลง กลัวอารมณ์มือสอง จึงทำให้เจ้านายถูกโดดเดี่ยวจากลูกน้อง และเจ้านายเองก็ไม่ค่อยมีที่ปรึกษาเมื่อมีปัญหาทางจิตใจ เราในฐานะลูกน้องมืออาชีพ จึงควรฉกฉวยจังหวะนี้เปลี่ยนวิกฤติของเจ้านายให้เป็นโอกาสของเรา โดยการเข้าไปหาเจ้านายเวลาเจ้านายมีปัญหาหรืออารมณ์ไม่ดี ยอมโดนลูกหลง ยอมเป็นที่ระบายอารมณ์เพียงไม่กี่นาที แต่สิ่งที่เราจะได้คือ เจ้านายจะรู้สึกผิดที่ระเบิดอารมณ์ใส่เราโดยที่เราไม่มีความผิดอะไร ยิ่งทำกับเราบ่อยๆ แล้วเราไม่โกรธ ยิ่งจะทำให้เจ้านายเกิดความรู้สึกผิด เกรงใจและคอยหาโอกาสชดใช้ความผิดกับเรา เช่น เวลาจะด่าเราก็มีอารมณ์ส่วนลดเพื่อชดเชยความผิดที่เจ้านายเคยด่าเราโดยที่เราไม่มีความผิดมาบ่อยๆ การเข้าหาเจ้านายตอนที่อารมณ์ไม่ดี จะสร้างพฤติกรรมที่เจ้านายคุ้นเคยที่ทุกครั้งเวลาอารมณ์ไม่ดี จะติดเรา จะคอยถามหาเรา เพื่อต้องการระบายอารมณ์ เมื่อถึงตอนนั้น เราคือที่ปรึกษาส่วนตัวของเจ้านายไปโดยอัตโนมัติโดยที่เจ้านายไม่รู้สึกตัว เข้าทำนองที่ว่า “ขาดฉันแล้วเธอ (เจ้านาย) จะรู้สึก (เหงา)”
จงทะยอยสร้างผลงานไว้ให้มีกินไปนานๆ
อะไรก็ตามที่เขา(เจ้านาย)รู้หมดในครั้งเดียว โอกาสที่จะสร้างเซอร์ไพรส์จะไม่มีเหลือ เช่น มีฝีมือเท่าไหร่แสดงหมด ฝีมือที่เราแสดงออกไปอาจจะกลับมาเป็นดาบแทงตัวเอง เพราะการทำงานครั้งแรกคือมาตรฐานการทำงานที่อยู่ในใจเจ้านาย วันไหนเราทำงานต่ำกว่าที่เราเคยทำ กลับกลายเป็นว่าเราทำงานต่ำกว่ามาตรฐานในใจเจ้านาย (ถึงแม้ว่าจะสูงกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบก็ตาม) ดังนั้น จงวางแผนที่จะนำเอาฝีมือที่เรามีออกมาโชว์เจ้านายเป็นช่วงๆ เหมือนกับการทำโปรโมชั่นให้เลือกค้าซื้อสินค้า ถ้าเรามีทางเลือกในการงัดฝีมือมาใช้มากเท่าไหร่ โอกาสที่ผลงานเราจะเข้าตาเจ้านายก็มีมากขึ้นเท่านั้น บางช่วงอาจจะทำเพียงรักษาระดับผลงานอย่าให้อยู่นอกสายตาเจ้านายก็พอแล้ว แต่บางช่วงบางจังหวะต้องงัดเอาฝีมือออกมาโชว์ให้เต็มที่ โดยเฉพาะตอนที่เจ้านายอยู่ในภาวะคับขันต้องการความช่วยเหลือ ตอนที่เจ้านายมีปัญหารุมเร้ามากมาย การที่เราเสนอตัวเข้าไปช่วยแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย เจ้านายก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เป็นผลงานขึ้นมาทันที
จงบริหารใจนาย
เจ้านายคือคนธรรมดาคนหนึ่ง ย่อมมีจุดอ่อนในชีวิตไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนโดยลักษณะนิสัย เช่น เป็นคนใจร้อน เป็นคนที่ไม่ค่อยละเอียดรอบคอบ ฯลฯ หรือจุดอ่อนที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลาตามลักษณะของปัญหาที่เข้ามารุมเร้า เราจงคอยเฝ้าดูว่าอะไรคือจุดอ่อนของเจ้านาย เมื่อไหร่เจ้านายมีจุดอ่อน แล้วคอยหาจังหวะเข้าไปคุย เข้าไปเป็นเพื่อน และประเด็นสำคัญคือ จงอาสาทำงานที่เจ้านายอยากจะทำมาก แต่ลูกน้องคนอื่นไม่ค่อยอยากจะทำ นี่คือโอกาสอันดีที่เราจะซื้อใจเจ้านายได้ เพราะการอาสาของเราคือความหวังของเจ้านาย โดยเฉพาะโครงการที่เป็นความอยากส่วนตัวของเจ้านาย นอกจากนี้ ลูกน้องมืออาชีพต้องสามารถวิเคราะห์ลักษณะนิสัยใจคอเจ้านายออกว่า เจ้านายเราเป็นคนอย่างไร เช่น เจ้านายบางคนหน้าใหญ่ เจ้านายบางคนชอบคนยกยอ เจ้านายบางคนชอบคนเก่ง ฯลฯ ดังนั้น เราควรจะทำงานให้ถูกใจและตรงกับลักษณะนิสัยของเจ้านาย
จงเถียงเจ้านายเรื่องความคิดเห็น แต่อย่าเถียงเรื่องข้อเท็จจริง
การเป็นผู้ตามเพียงอย่างเดียว เจ้านายบางคนไม่ชอบ แต่จะชอบลูกน้องที่มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง เพื่อให้เจ้านายได้มีโอกาสประลองวิชาความรู้ ถ้าเราอยากจะเป็นบุคคลที่มีคุณค่าในสายตาเจ้านายจงหัดเถียงเจ้านายบ้าง แต่ขอแนะนำว่าควรจะเถียงกับเจ้านายในเรื่องที่เป็นความคิดเห็นจะดีกว่า เพราะโอกาสผิดนั้นมีน้อย (เพราะมันเป็นความคิดเห็น) และไม่มีใครผิด ไม่มีใครเสียหน้า เจ้านายมีโอกาสใช้บารมีข่มเราให้ยอมรับความคิดเห็นของเขาได้ เราก็ยอมได้เพราะมันเป็นเพียงความคิดเห็น แต่...ถ้าเราไปเถียงกับหัวหน้าเรื่องข้อมูลหรือข้อเท็จจริง สามารถพิสูจน์ได้ง่ายว่าเราหรือเจ้านายผิด ถ้าเราผิดจะกลายเป็นชะนักติดหลังเราไปที่อยู่ในใจเจ้านายไปตลอด แต่ถ้าเจ้านายผิด จะทำให้เจ้านายเสียนายถึงแม้ว่าไม่มีใคร(นอกจากเรา)รู้ก็ตาม
อย่าเอาใจ แต่ต้องรู้ใจ
การบริหารเจ้านาย เราจะต้องรู้ใจ แต่..อย่ามัวแต่เอาใจเจ้านายจนเกินหน้าเกินหน้า เผลอๆทำให้เจ้านายเกิดอาการสะอิดสะเอียนได้ แต่ขอให้รู้ใจว่าในแต่ละช่วงเวลาเจ้านายต้องการอะไร เช่น บางครั้งเจ้านายต้องการให้เราเป็นผู้ฟัง บางครั้งเจ้านายต้องการให้เรามีส่วนร่วม บางครั้งเจ้านายต้องการคนยืนยันความคิดของเจ้านาย บางครั้งเจ้านายต้องการข้อมูลสนับสนุน คนที่เป็นลูกน้องที่เก่งๆ จะต้องมองตาแล้วรู้ใจว่าในแต่ละช่วงเวลา เจ้านายต้องการอะไร และเราค่อยตอบให้ตรงใจเจ้านาย บางครั้งลhttp://www.blogger.com/img/blank.gifงทุนเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วย ก็อาจจะได้คะแนนในใจเจ้านายไปเพียบแล้ว


สรุป การบริหารเจ้านายถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในการทำงานปัจจัยหนึ่ง นอกเหนือจากฝีมือและความสามารถในการทำงานแล้ว เพราะเจ้านายคือผู้ที่จะแปลงความสามารถของเราเป็นคุณค่าทั้งในสายตาเจ้านายเองและผู้อื่น และถ้าเราสามารถบริหารเจ้านายได้โดยที่เจ้านายไม่รู้ตัวแล้ว ถือว่าเป็นความสำเร็จอของลูกน้องมืออาชีพ และวันหนึ่งเวลาเราขึ้นไปเป็นหัวหน้า เราก็จะรู้ทันลูกน้อง รวมถึงสามารถล่วงรู้ใจของลูกน้องได้โดยไม่ยากเช่นกัน

Credit: http://www.peoplevalue.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539104746&Ntype=10

59 ความคิดเห็น:

  1. มิตรเฮดเดอไฮเปอร์เรดซิ่ง14 สิงหาคม 2554 เวลา 11:57

    การเป็นนายจ้างที่ดี ให้เกียรติพนักงานของคุณ
    พนักงานทุกคนสมควรจะได้รับการให้เกียรติจากนายจ้าง แม้แต่พนักงานระดับล่าง หรือในตำแหน่งเล็ก ๆ ก็ตาม คุณควรจดจำพนักงานเมื่อเขาทำความดี มากกว่าที่จะจดจำเมื่อพวกเขาทำความผิดพลาด เมื่อคุณชื่นชมพนักงานคนใดก็ตาม ควรให้คนพนักงานอื่น ๆ ได้รับรู้ด้วย สิ่งนี้จะเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาทำงานให้คุณอย่างเต็มที่

    ตอบลบ
  2. มิตรเฮดเดอไฮเปอร์เรดซิ่ง14 สิงหาคม 2554 เวลา 12:18

    ถ้าหัวหน้าให้ทำงานหนัก (แต่เงินเดือนเท่าเดิม) จงคิดว่าถ้าเราทำงานหนักในวันนี้และทำให้เรามีประสบการณ์เพิ่มขึ้น เราจะไปหาเงินเดือนที่สูงกว่านี้คงจะไม่ยาก และคิดเสียว่าเมื่ออายุงานเราผ่านไปนาน เราจะขอกลับมาทำงานที่มันผ่านไปแล้วไม่ได้ หรือคิดว่ายังมีคนอีกหลายคนที่อยากมีงานทำทั้งคนตกงาน หรือแม้กระทั่งคนร่ำรวยที่อยากจะมีอะไรทำในชีวิต ในขณะที่เรามีโอกาสทำงานที่มากกว่าคนอื่น จึงน่าจะรีบฉวยโอกาสนี้ให้กับตัวเอง

    ตอบลบ
  3. คุณมิตร..นี่ไวจังนะ ....การบิหารเจ้านายเหรอครับผมพึ่งเคยได้ยิน มันก็เป็นจริงตามที่บทความข้างบน ตามเค้ากล่าวไว้ แต่บางทีก็สงสารหัวหน้าเหมือนกัน เพราะมักจะถูกกดดันโดยการวางขอบเขตงานในแต่ละวันว่าจะต้องมีความคืมหน้า และยังต้องแข่งกับเวลาอีก โดยมีคำสั่งต่อกันลงมาเป็นทอดๆ เข้าใจดีครับกับการทำงานแบบนี้ ผมว่าเจ้านายด่าเราหรือบ่นยังดีกว่าเจ้านายไม่พูดนะ ..เพราะอย่างน้อยทำให้เราได้รู้ถึงปัญหาข้อบกพร่องที่เรามองไม่ออก และจะได้ทำการแก้ไขปรับปรุ่ง

    ตอบลบ
  4. กุญแจสำคัญในการทำงานร่วมกัน คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา
    จะได้บรรยากาศในการทำงานทีดี ทั้งลูกน้องและเจ้านาย....

    ตอบลบ
  5. จงติตนเอง.... เหมือนติคนอื่น
    จงให้อภัยคนอื่น ...เหมือนที่ให้อภัยตัวเอง

    ตอบลบ
  6. เวลาเป็นหัวหน้าต้องนึกถึงเวลาที่เคยเป็นลูกน้องผมคิดว่าบรรยากาศการทํางานคงจะมีความสูขน่าดู

    ตอบลบ
  7. เป็นรัฐมนตรีก็อย่าลืมตอนที่เคยเป็น ฝ่ายค้าน ประเทศคงเจริญรุ่งเรืองน่าดู

    ตอบลบ
  8. การบริหารเจ้านาย ฟังดูก็งง แต่พอเริ่มทำความเข้าใจ ก็ทำให้เห็นถึงมุมมองในการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิมบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ว่าเราจะใช้วิธีใด และ แบบไหน อย่างไรก็ตาม ใช้อย่างไงก็ได้ที่ทำให้เราไม่เกิด ภัย เด้อ

    แตกต่างได้ แต่อย่าแตกแยก

    ตอบลบ
  9. การทำงานกับคนหมู่มาก ก็เหมือนลิ้นกับฟัน ต้องมีบ้างที่บางครั้งที่มีกระทบกระทั่งกันบ้าง ถ้าทุกๆคนคิดว่าเป็นงาน เลิกงานก็จบกันแล้วเริ่มวันใหม่ ชีวิตการทำงานก็จะมีความสุข

    ตอบลบ
  10. แบงค์บ้านฉาง15 สิงหาคม 2554 เวลา 23:04

    ได้อ่านเรื่องนี้เเล้วก็รู้สึกแปลกดีว่าจะมีคนที่เป็นลูกน้องทำอย่างนั้นได้ด้วย
    แต่ถ้าจะทำอย่างนั้นได้ก็คงต้องปรับเปรียนวิธีคิดวิธีการทำงานใหม่คงอยากน่าดูนะคับ....

    ตอบลบ
  11. ผมขอนอกเรื่องสักหน่อย (สถานที่ท่องเที่ยว อ.สวนผึ้ง จ.ราชบรี สวยมากๆๆๆๆ ) บอกต่อทีมงานคุณภาพ Solvay เพื่อมีใครต่องการเที่ยว

    ตอบลบ
  12. ...เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าพึ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้...ฝากข้อคิดด้วยนะคับ( เอาใจเขามาใส่ใจเรา )

    ตอบลบ
  13. ปกครองตนเองด้วย...สมอง...
    ปกครองลูกน้องด้วย...น้ำใจ...

    ตอบลบ
  14. ดูคนออก บอกคนได้ มอบหมายเป็น เห้นเป้าหมาย

    ตอบลบ
  15. มอบหมายความรับผิดชอบและจากนั้นไว้วางใจในตัวพนักงาน

    ตอบลบ
  16. “แรงงานสมองทุกคนต่างก็ขึ้นอยู่กับหัวหน้างานทุกระดับชั้นเพื่อผลสำเร็จของงาน ไม่ว่าแรงงานสมองคนนั้นจะทำงานได้ดีสักเพียงใด หากหัวหน้างานไม่ใส่ใจสั่งการอย่างจริงจัง งานก็จะไม่สามารถเดินหน้าไปได้”

    ตอบลบ
  17. การเป็นเจ้านายที่ใช้ควมคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังลูกน้อง จะไม่ได้ใจลูกน้องเลย ถ้าเป็นผู้บริหารแล้วไม่มีความยุติธรรม เอาแต่หลักการของกรู คือ ความยุติธรรมอยู่ที่ความพอใจ ก็น่าสงสารลูกน้องจริงๆ ที่มีเจ้านายแบบนี้เป็นกรรมที่ต้องอดทน เป็นยุคมืดที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ณ.กาลต่อไปในภายภาคหน้า ผู้เป็นใหญ่ไม่ทรงความยุติธรรม ไม่ตั้งอยู่ความถูกต้อง เห็นผิดเป็นถูก เมื่อนั้นสังคมจะเกิดความวุ่นวายเดือดร้อน เหมือนเช่นอย่างทุกวันนี้ เรากำลังเผชิญอยู่แล้วในสังคมบำราศฯ ก็ขอให้ทุกคนอดทน ไม่มีใครอยู่คำฟ้า มันเป็นอนิจัง เดียวก็เสื่อมสลายไป ลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเพียงหัวโขนที่สวมใส่ อย่าไปหลุ่มหลงนักเลย อยู่กันอีกไม่กี่ปีเดียวก็ตายจากกันแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่เราน่าจะให้สิ่งดีๆ แก่คนรอบข้าง ให้เขาคิดถึงเราบ้าง ไม่ใช่ให้เขาสาปแช่ง สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นน่าจะตระหนักให้มากๆ หัวหน้าที่ที่ดีนั้นต้องเสียสละ ให้อภัย มีเมตตา หรือถ้าใช้หลักพรหมวิหาร4 ได้ยิ่งดี ไม่ต้องทุกข้อก็ได้ ขอให้มีเมตตาธรรมในใจก็พอแล้ว

    ตอบลบ
  18. เหนือกว่าทุกคำอธิบาย

    ตอบลบ
  19. ผมชอบข้อความของตามิตรจริงๆขอรับ

    ใจหนึ่งใจจะต้องการอะไร เอ้ยไม่ใช่เพลงแต่ก็เป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ
    การ ให้ใจ การไว้วางใจ การใส่ใจ ใจทั้งหมดถ้าไม่มีให้กันต่อไปก็คง...หมดใจเท่านั้นขอครับ

    ตอบลบ
  20. การทำงานในคนหลายคนรวมกันต้องรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกันและช่วยเหลือกันงานก็จะราบรื่น

    ตอบลบ
  21. ยอดดีแกสเซอวิวสวย17 สิงหาคม 2554 เวลา 22:23

    การทำงานอย่างตั้งใจและเต็มที่มีกันทุกคน ไม่มีใครอยากย่ำอยู่กับที่ การที่ได้ทำงานใหม่ๆ เป็นการเสริมสร้างประสบการณ์อย่างที่ตามิตรบอก เราไม่ใช่ฟิวตลอดไป ถึงวันนึงโอกาสมาถึง แต่เราทำหน้าที่ซุป คอนโทนรูมไม่ได้ เราคงมานึกเสียใจว่าวันนั้นเราไม่ยอมทำ มันก็สายเสียแล้ว

    เห็นด้วยกับตาอ๋อง หัวหน้าย่อมตั้งเป้าหมายงานแต่ละอย่างโดนกันมาเป็นทอดๆ เราเพียงแค่ทำเต็มที่ แรกๆอาจผิดเยอะหน่อย เราเพียงปรับปรุงงานตรามที่บอกแค่นี้หัวหน้าก็ไม่บ่น(จะชมซะอีก อิอิ)

    ใจเขาใจเรา หัวหน้าต้องคิดถึงใจลูกน้อง ลูกน้องต้องคิดถึงหัวใจหัวหน้า ฉันใดก็ฉันนั้น

    ทั้งหัวหน้าและลูกน้อง ร้องเพลงนี้ได้ทั้งนั้น "วันใดขาดฉันแแล้วเธอจะรู้สึก"

    ตอบลบ
  22. ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน

    ตอบลบ
  23. อย่าเอาเวลาไปบริหารเจ้านายเลยเอาเวลามาบริหารตัวเราและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว

    ตอบลบ
  24. ค่าของคนคงไม่ได้อยู่กับคนของใครโดยเฉพาะคนของคุณอา

    ตอบลบ
  25. การทำงาน ทุกคนต่างมีหน้าที่ต่างกัน แต่..คนที่ขึ้นชื่อว่าหัวหน้างาน ต้องมีความเป็นผู้นำค่อนข้างสูงมาก จึงจะพาทีมงานไปถึงจุดมุ่งหมายได้ ลูกน้องก็ เช่นเดียวกัน ต้องทำให้หัวหน้าเห็นคุณค่าด้วย

    ตอบลบ
  26. น้องมิตรอัดอั้นอะไรมาหรือเปล่า นายสุดยอดเลยยยยยย

    ตอบลบ
  27. เจ้านายกับลูกน้องก็เหมือน..... สามีกับภรรยานั่นแหละ เจอหน้ากันก็ทะเลาะกัน ขัดใจกันตลอด สามีจะเอาอย่างนั้น ภรรยาจะเอาอย่างนี้ แต่ในที่สุดก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอด ใช้ชีวิตร่วมกันเกือบจะครึ่งชีวิต จนกระทั่งตายกันไปข้างนั่นแหละดังนั้น.......ทำใจเถอะจะเจอเจ้านายแบบไหนก็ต้อง....ทน.ทน
    นะคร๊าบ.............................................

    ตอบลบ
  28. ขอนอกเรื่องสักครู่

    ขอแสดงความดีใจกับหยดแรกของเปอรอกไซด์ อาจมีขลุกขลักไปบ้าง คนมุงก็เยอะ พี่นครากับพี่กิ๊กก็เต็มที่ พี่อี๊ดก็เต็มที่(ไม่รู้ทันไปกินข้าวกลางวันตอนไหน) คนอื่นๆในฟิลด์อีกที่วันนี้ไม่ได้หยุดได้หย่อนกันเลย ยอดเยี่ยมกันทุกคนครับขอแสดงความนับถือจากใจ

    ขาดไปไม่ได้ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ทำให้แพลนท์ของเราเริ่มผลิตเปอรอกไซด์กันได้ซักที ถ้าลองมองย้อนไปตั้งแต่การเทรน ทำเวิกอิน เริ่มเข้ากะที่SPX เริ่มมาทำพรีคอม คลุกฝุนตะลุมบอนผ่านมาจนถึง เข้ากะคอมมิชชันนิ่ง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้ล้วนมาจากความตั้งใจ ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจจากทุกๆคนทั้งสิ้น หวังว่าเราจะโอเปอเรตแพลนกันอย่างสันติสุขในเวลาอันใกล้ ขอขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งครับผม

    ตอบลบ
  29. และแล้วก็เห็นเทอร์สักที่ คุณเปอรอกไซด์ เจ้านายก็เหมือนเปอรอกไซด์มั้งครับ มีทั้งนิ่งๆง่ายๆ และก็มีทั้งการดีคอมโพสสิชั่น แต่ยั้งไงยังไงเขาก็คือนายเราอยู่ดี

    ตอบลบ
  30. สิ่งที่ทำให้ลูกน้องอย่างผมอยู่ได้ เหตุผลที่ๆก็คือ การมีเจ้านายที่ดี การมีเพื่อนร่วมงานที่ดี และ การทำงานที่มีความสุขก็จะตามมา นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยืนอยู่ตรงนี้ได้ ครับ อิอิ

    ตอบลบ
  31. ขอแสดงความยินดีกับหยดแรก หยดสอง หยดสาม กันด้วยนะครับ ในที่สุดก็มาถึงฝั่งฝันกันด้วยดีครับ

    ตอบลบ
  32. ไม่ระบุชื่อ20 สิงหาคม 2554 เวลา 07:51

    ในที่สุด ก็มาถึงจนได้ ******หยดแรก****** ขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วยครับรู้ศึกว่ากะ พี่ อี๊ด จะเหนื่อยเป็นพิเศษ ตาแบ็งค์ ตาฝ้าย ก็ดูดกันทั้งวัน
    สมโจ้ ตาโอ๊ต ก็ ปั่นจักยานเข้าออกเป็นว่าเล่น เก็บกันตลอด ต่อไปนี้ก็จะใกล้เริ่มผลิตกันแล้วโชคดีเด้อ............????

    ตอบลบ
  33. ทั้งหัวหน้าและลูกน้องสิ่งที่คล้องจองคือเป้าหมายเดียวกัน(ถูกไหม?????)

    ตอบลบ
  34. H2O2. ออกมาตอนออฟพอดีแต่ก็ชื่นใจที่รู้ข่าวนะ

    ตอบลบ
  35. กัดมือเเสบๆคันๆมันดีครับพึ่น้อง

    ตอบลบ
  36. คนทุกคนมีเจ้านายกันหมด ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน แม้จะทำอาชีพอิสระ ก็ยังมีเจ้านาย นายตัวเองไงครับ อย่าลืมเอาใจนายตัวเอง และ บริหารมันให้ดี อย่าให้แพ้หัวหน้าในงานของเรานะครับ ด้วยนะครับ

    ตอบลบ
  37. มิตรเฮดเดอไฮเปอร์เรดซิ่ง23 สิงหาคม 2554 เวลา 18:24

    จากความร่วมมือ จากแรงรวมใจ จากนี้ตลอดไป Solvay peroxythai คงหนีไม่พ้นความ ยิ่งใหญ่นะครับ และคงพักดันสิ่งดีๆๆกับมาสู่ความตั้งใจครับผม

    ตอบลบ
  38. ทุกคนต้องมีนาย ในช่วงชีวิตที่เป็นมนุษย์เงินเดือนแต่เราเลือกอยู่อย่างมีความสุขได้กับนายของเรา....อย่าเป็นกบเลือกนาย

    ตอบลบ
  39. มิตรเอดเดอไฮเปอร์เรดซิ่ง24 สิงหาคม 2554 เวลา 07:32

    จากแรงจูงใจจึงมีวันนี้ จากงานที่ดี พรุ่งนี้ย่อมดีกว่าเสมอ

    ตอบลบ
  40. ช้านเองงงงง24 สิงหาคม 2554 เวลา 09:06

    ถึงแม้หัวหน้าจะให้งานเรามากจนไม่รู้ว่าเราจะมี////เวลากินข้าวรึยัง///ได้พักแด่ไหน///วันๆๆๆได้เข้าห้องน้ำสักกี่ครั้ง แต่ถ้าเราเข้าใจว่าทำไมๆเค้าถึงให้งานเรามากขนาดนั้นถ้าเราเข้าใจเค้าแล้วเราจะรู้คำตอบว่า=เออใช่ว่ะ เราต้องรีบทำน่ะ ไม่ทันแล้วจะมีผลตามมาอีกมากมาย แล้วเราจะแก้ไขกับสิ่งที่ผิดได้ไหม??
    ถ้าเราเข้าใจเค้าและรู้แล้วว่าข้างหน้าเป็นอย่างไร(เหมือนกับเราอยู่ในถ้ำที่มืดแต่เรามีไฟฉายอยู่กับตัวเราก็จะสามารถมองเห็นและรับมือได้ทันกับอันตรายที่จะเกิดขึ้น)แค่นี้แหละเราจะทำงานอย่างมีความสุขมีสติและสามารถรับมือกับปัญหาได้ และรู้ทันถึงสาเหตุที่ทำ ก็จะไม่รู้สึกว่าเจ้านายเอาแต่สั่งเราอีกต่อไปสู้ๆๆๆทุกท่าน

    ตอบลบ
  41. ช้านเองงงงง24 สิงหาคม 2554 เวลา 09:10

    สู้ๆๆๆน่ะครับ lab test solvay aie ทุกท่าน อีกไม่นานเราจะเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญในทุกๆด้าน

    ตอบลบ
  42. มี เ ข า (เจ้านาย) เ ร า ก็ มี ง า น ทำ เ จ้ า น า ย มี เ ร า (ลูกน้อง) จ ะ ไ ด้
    ช่ ว ย แ บ่ ง เ บ า ภ า ร ะ ไ ด้ บ้ า ง :)

    ตอบลบ
  43. นายอาร์ท_พชร26 สิงหาคม 2554 เวลา 19:19

    ผมคิดว่า การเป็นเจ้านายที่ดีคือเจ้านายที่มีความยุติธรรม....
    ส่วนการเป็นคนที่ดี คือรู้จักการรับผิดชอบในส่วนที่เป็นหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด (ผมคิดอย่างนั้นน่ะครับ)

    ตอบลบ
  44. นายอาร์ท_พชร26 สิงหาคม 2554 เวลา 19:25

    ผมคิดว่า การเป็นเจ้านายที่ดี คือเจ้านายที่มีความยุติธรรม...
    ส่วนการเป็นคนที่ดี คือการเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด(ผมคิดอย่างนั้นน่ะครับ)

    ตอบลบ
  45. นายอาร์ท_พชร26 สิงหาคม 2554 เวลา 19:29

    อ้าว กระทู้ซ้ำเฉยเลย เมื่อกี้โพสต์ไม่ขึ้นเฉยเลย ขอโทษที่น่ะครับ

    ตอบลบ
  46. ทําตามคําสั่งขอหัวหน้า และให้ความเคารพหัวหน้าและให้เกรียติเพือนร่วมงาน

    ตอบลบ
  47. อาจไม่ใช้พนักงานที่ดีที่สุดแต่เป็นคนที่รัก Solvay ที่สุด อิ อิ อิ อิ อิ อิ

    ตอบลบ
  48. การเปลี่ยนนายจ้างใช่ว่าจะเป็นทางออกที่ถูกต้องเสมอไป เราหันมาเปลี่ยนทัศนคติให้ไปในเชิงบวกกันดีกว่าคับ...เปลี่ยนนายจ้างไปแล้วดีหรือไม่ดีเรา
    ก็ไม่อาจเห็นได้ชัดหรือมีใครเห็นช่วยบอกที

    ตอบลบ
  49. การเปลี่ยนนายจ้างใช่ว่าจะเป็นทางออกที่ถูกต้องเสมอไป...เราหันมาเปลี่ยน
    ทัศนคติไปในเชิงบวกกันดีกว่าครับ !!!
    เปลี่ยนนายจ้างไปแล้วจะดีหรือไม่เราก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดหรือมีใครเห็นช่วยบอกทีคับ

    ตอบลบ
  50. หัวหน้า เค้าสั่งการลงมา ความคาดหวังของหัวหน้าคือ ผลงาน ที่สั่งการไปแล้วเราปฎิบัติตามคำสั่งและเห็นผลงานออกมา แต่ว่า การปฎิบัติงานของเรา อาจจะผิดพลาดมั้งบางลีลา คงไม่ว่ากานนะครับหัวหน้า แต่เราจะพยายามทำให้ มันดีที่สุด ก็แล้วกันนะครับ

    ตอบลบ
  51. ไม่ระบุชื่อ8 กันยายน 2554 เวลา 10:58

    จิตใจที่เห็นอกเห็นใจ เป็นหน่วยของเมตตาธรรม
    จิตใจที่รู้จักอับอาย เป็นหน่วยของคุณธรรม
    จิตใจที่โอนอ่อนผ่อนตาม เป็นหน่วยของจริยธรรม
    จิตใจที่รู้ผิด รู้ชอบ เป็นหน่วยของสติปัญญา

    ตอบลบ
  52. ได้ทั้งงานได้ทั้งใจจะมีที่ใดเยี่ยมไปกว่านี้ ทำอะไรมันก็ง่ายมันก็ดายเสียไปหมด

    ตอบลบ
  53. การทำงาน หรือการทำสิ่งใดก็ตาม ถ้าเราได้ใส่ใจเข้าไปด้วยจะทำให้ผลของงานที่ออกมามีคุณภาพ อยากให้ทุกคนลองทำดู

    ตอบลบ
  54. รักทุกคนเลย13 กันยายน 2554 เวลา 14:50

    บ่อยครั้งในชีวิตที่เราเลือกเจ้านายยากกว่าที่เราเลือกลูกน้อง...ตอนเดินเข้ามาสัมภาษณ์งานของานทำ..จริง ๆ ก็ไม่รู้ว่านายเราเป็นยังไง

    ทำ ๆ งานไปหลายปี เจ้านายที่เคยดีต่อกันมีอันต้องจากไปด้วยเหตุผลนานับประการ...กลายเป็นมีเจ้านายคนอื่น..ซึ่งอาจจะดีหรือไม่ดีกว่าเก่า

    เจ้านายไม่ใช่ศัตรู...จริง ๆ แล้ว เค้าคนนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร ซึ่งท้ายที่สุดถ้าเราเป็นลูกจ้างมืออาชีพ...เราจะรู้ว่าเรามีเป้าหมายเดียวกัน...

    ฝากไว้ให้คิดเวลาที่จิตว่าง ๆ นะครับ... สำหรับลูกจ้างมืออาชีพทุกท่าน

    ตอบลบ
  55. รักทุกคนเลย13 กันยายน 2554 เวลา 15:07

    บ่อยครั้งที่เราเลือกเจ้านายยากกว่าเลือกลูกน้อง...เพราะวันที่เราเดินเข้ามาสัมภาษณ์งาน แท้จริงเรามักไม่รู้ว่าเจ้านายเราเป็นยังไง...

    ในชีวิตการทำงาน ต้องมีเหตุให้เราต้องแยกจากเจ้านายด้วยเหตุผลนานับประการ..เจ้านายและเพื่อนร่วมงานใหม่อาจดีหรือไม่ดีกว่าเดิม...การปรับตัวและอยู่กับปัจจุบันให้ได้ดูจะเป็นเรื่องดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เอง

    เจ้านายไม่ใช่ศัตรู...เค้าเพียงมีหน้าที่รับผิดชอบถึงเป้าหมายขององค์กรที่แน่นหนักกว่าเรา..และถ้าลองคิดดูดี ๆ แบบชีวิตลูกจ้างมืออาชีพแล้วจะพบว่าเราทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกัน...

    ฝากไว้ให้คิดยามจิตว่าง ๆ ครับ

    ตอบลบ
  56. รู้สึกว่าช่วงนี้พวกเรา ทำงานเครียดกันเหลือเกิน โดยเฉพาะเจ้านายทั้งไทย และต่างประเทศ ถึงจะเครียดขนาดไหน ก็อยากให้ยิ้มให้กันไว้นะครับ แค่ทักทายและยิ้มให้กันมั้ง มันก็มีกำลังใจทำงานแล้วนะครับ ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป ครับพี่น้อง

    ตอบลบ
  57. ความเป็นหนึ่งน้ำมิตรต้องโชว์น้ำใจแห่งความผูกพันอาทร...

    ตอบลบ
  58. เหนื่อยกายเเต่สบายใจครับ

    first drop ใสปิ้งเลย

    ตอบลบ
  59. ขอบคุณเจ้านายที่ให้ราวัลสำหรับพวกเรา ขอบคุณมากๆ ครับ

    ตอบลบ